องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน นิยาย บท 27

ทั้งสามยกสุราขึ้นมาสูดดมอย่างอดใจรอไม่ไหว ทันใดนั้นสีหน้าของพวกเขาก็ประหลาดใจเล็กน้อยและแววตาก็เป็นประกาย

สุรานี้หอมมาก

ทั้งสามรีบลิ้มรสในทันที จากนั้นสีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไปเมื่อได้ลิ้มรสของสุรา

หลังดื่มสุราหมดจอก หวังเยียนหรันก็เลียริมฝีปากแล้วกล่าวชมว่า “องค์ชาย สุรานี้รสหวาน กลมกล่อม หอมละมุ่นติดลิ้นมากเพคะ เป็นสุราชั้นดีจริงๆ”

หวังเยียนหรันเคยดื่มสุราดีมาไม่น้อย เพราะบิดาของนางเป็นอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายในราชวงศ์นั้น นางเองก็มีความสามารถโดดเด่นและสามารถเข้าออกวังได้ตามชอบใจ จึงทำให้มีโอกาสได้ลิ้มรสสุราดีมากมาย

แต่ทว่า

แม้จะเคยลิ้มรสสุรามาไม่น้อย แต่นี่ถือเป็นครั้งแรกที่หวังเยียนหรันได้ลิ้มรสสุราที่เข้มข้นและเต็มรสเช่นนี้

ในความรสชาติดีนั้นไม่อาจอธิบายเป็นคำพูดได้ แต่หลังดื่มหมดหนึ่งจอกก็ทำให้นางมิอาจลืมเลือนได้

เมื่อหยางจงและเสี่ยวจูดื่มจนหมด สีหน้าของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความคะนึงหา กระทั่งใบหน้าสวยของสาวน้อยเสี่ยวจูยังแดงระเรื่ออีกด้วย

“องค์ชาย รสชาติดีมากพ่ะย่ะค่ะ...” หยางจงเป็นคนรู้น้อย จึงใช้เพียงคำว่าดีมาบรรยายรสชาติของสุรา

“รสชาติดี...” สีหน้าของเสี่ยวจูก็เต็มไปด้วยความอร่อยที่ยังติดลิ้นอยู่ เพราะสุรานั้นแรงเกินไป นางจึงแลบลิ้นออกมาเพื่อคลายความเผ็ดร้อน

เมื่อหลี่จุ่นได้ยินคำชมของทั้งสามก็หัวเราะในทันที จากนั้นดื่มสุราในจอกของตนจนหมดและพยักหน้าอย่างพอใจ แล้วยกไหสุราที่อยู่ตรงหน้าขึ้นมาทันทีพลางกล่าวว่า “ถ้าอร่อยก็ดื่มเยอะๆ ไหนี้เป็นของพวกเราแล้ว”

จากนั้นก็รินสุราให้ทั้งสามคนอีก

ใช่แล้ว การเพิ่มดีกรีให้กับสุราของตนสำเร็จแล้ว

รสชาติของมันค่อนข้างใกล้เคียงกับเอ้อร์กัวโถว (ยี่ห้อเหล้าขาวที่มีดีกรีสูงของจีน)

พวกหวังเยียนหรันไม่เคยดื่มสุราที่แรงขนาดนี้มาก่อน เพียงดื่มไปไม่ถึงครึ่งไหก็พากันเมาหมดแล้ว

หลี่จุ่นเองก็ดื่มจนรู้สึกสะลึมสะลือเล็กน้อย อย่างไรก็ตามร่างกายนี้ไม่เคยดื่มสุราที่แรงขนาดนี้มาก่อน แทบจะไม่ค่อยดื่มสุราด้วยซ้ำ จึงเอาชนะฤทธิ์ของสุราไม่ได้

“ใช่แล้ว สุรานี้ถือเป็นสุราที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของยุคนี้”

หลี่จุ่นพึงพอใจเป็นที่สุด

หากมอบสุรานี้ให้จ้าวเฟยเอ๋อร์ เขาไม่เชื่อว่าจะพิชิตใจนางไม่ได้

บัดนี้ถือว่าทุกอย่างพร้อมแล้ว ที่เหลือก็แค่เดินทางไปจวนอ๋อง

หลี่จุ่นมองหวังเยียนหรันและอีกสองคนที่เมาหลับอยู่บนโต๊ะก็หัวเราะออกมาทันที จากนั้นรินสุราให้ตัวเองจอกสุดท้าย แล้วเงยหน้ามองพระจันทร์และพึมพำหนึ่งประโยคหลังดื่มหมดจอก

“ยกแก้วเชิญแสงจันทร์ ส่องสว่างให้เขาทั้งสาม”

ทันใดนั้นเขาก็พลันฟุบหลับบนโต๊ะเช่นกัน

รุ่งสาง

หลังจากหวังเยียนหรันและเสี่ยวจูตื่นขึ้นก็พบว่าตนเองค้างคืนที่นี่และรู้สึกปวดเมื่อยร่างกายเป็นที่สุด ทันใดนั้นใบหน้าพวกนางก็เต็มไปด้วยความเหนียมอาย เมื่อเห็นว่าหลี่จุ่นและหยางจงยังไม่ตื่นก็จากไปอย่างเงียบๆ

ระหว่างทาง เสี่ยวจูยังคงรู้สึกหนักศีรษะและมึนศีรษะพลางพึมพำว่า “คุณหนู สุราขององค์ชายเป็นสุราอะไรหรือเจ้าคะ จนป่านนี้แล้วเสี่ยวจูยังรู้สึกเมาอยู่เลยเจ้าค่ะ...”

หวังเยียนหรันเองก็ไม่ได้อาการดีไปกว่านางเท่าไหร่ ร่างกายค่อนข้างอ่อนแรงเล็กน้อย โดยเฉพาะศีรษะยังคงมีอาการเมาค้าง

แต่ในใจเพียงรู้สึกว่าหลี่จุ่นเยี่ยมยอดมากจริงๆ

องค์ชายผู้ไม่เอาถ่านมาสิบเจ็ดปี แท้จริงแล้วเป็นผู้รู้รอบด้าน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน