หวังเยียนหรันทำเสียงไม่พอใจ และพูดอย่างโมโหว่า
“ฮึ! ถ้าคนชื่อเจียงยังกล้ากล่าวหาหลี่จุ่นในทางที่ไม่ดีอีก ข้าก็จะจัดการเขาอย่างแน่! ”
เสี่ยวจูจึงพูดขึ้นว่า “แต่ว่าคุณหนู คุณหนูจะจัดการเขายังไงเจ้าค่ะ? ช่วงนี้เขาได้แต่พูดว่าหลี่จุ่นคงจะแต่งกลอนดีๆไม่ได้อีกแล้ว…ถ้าพวกเราอยากจัดการเขา ก็ต้องให้ท่านอ๋องแต่งกลอนสิเจ้าค่ะ!”
ทันใดนั้นหวังเยียนหรันยิ้มอย่างเยือกเย็นและพูดขึ้นว่า “ใครบอกว่าหลี่จุ่นไม่มีกลอนดีๆแล้ว? เจ้าคอยดู ถ้าวันนี้เขากล้าพูดอีก ข้าก็จะเอากลอนที่หลี่จุ่นแต่งขึ้นมาให้เขาดูด้วยตาตนเอง!”
“กลอนที่ท่านอ๋องแต่งหรือ?” เสี่ยวจูประหลาดใจขึ้นมาฉับพลัน
ท่านอ่องถูกส่งไปเป็นทหารที่ชายแดนทางตอนเหนือแล้ว เขาได้เขียนกลอนขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่…
“เสี่ยวจู ไม่ต้องกังวล!”
หวังเยียนหรันพูดอย่างมั่นใจ
ตอนที่หลี่หลางแข่งล่าสัตว์ได้แต่งกลอนชื่นชมมอบให้นางกับพี่เฟยเอ๋อร์คนละหนึ่งบท กลอนสองบทนี้มีแค่นางทั้งสองเท่านั้นที่รู้
สองวันก่อนตอนที่ไปหาพี่เฟยเอ๋อร์ พี่เฟยเอ๋อร์ได้พูดอย่างชัดเจนแล้ว ถ้าเจียงเฟิงคิดจะกัดหลี่หลางไม่ปล่อย ก็ให้เอากลอนสองบทนี้ปาไปที่หน้าของเขา!
ฉะนั้น หวังเยียนหรันได้เตรียมการไว้แต่เนิ่นๆแล้ว
นายกับบ่าวทั้งสองก็ได้มาถึงหอเหวินชวี
นี่เป็นสถานที่ที่นางกับหลี่จุ่นเจอกันครั้งแรก ตอนนั้นหลี่จุ่นถูกองค์ชายห้าและองค์ชายสามกลั่นแกล้ง ให้หลี่จุ่นแต่งกลอนสดขึ้นมา หลี่จุ่นไม่พูดอะไรมาก เดินไปแค่เจ็ดก้าวก็สามารถแต่งกลอน《หิมะพิทักษ์เมือง》ได้แล้ว!
จนเสิ่นคั่วให้ชื่อว่าเป็นบทกวีนิรันดร์!
ภายในวันเดียว ก็สร้างความแตกตื่นให้กับวงการบทกลอน!
หลี่จุ่นจึงได้เข้าตาหวังเยียนหรันตั้งแต่วันนั้นอย่างแท้จริง
ยืนอยู่ด้านหน้าหอเหวินชวี เงยหน้าขึ้นมอง “หอเหวินชวี” คำสามพยางค์นี้ ทำให้หวังเยียนหรันคิดถึงหลี่จุ่นขึ้นมา เหมือนควบคุมสติตนเองไม่ได้
นับตั้งแต่วันที่ได้พบเจอจนถึงได้รู้จักกัน ก็ผ่านมาเป็นเวลาครึ่งปีแล้ว
กาลเวลาดั่งความฝัน ผ่านพ้นไปอย่างมีความสุข
สองสาวขึ้นไปบนหอ ด้านในเต็มไปด้วยผู้ที่มีความรู้
เมื่อเปิดหน้าต่างออกไป ก็เห็นคูเมืองอันเงียบสงบ มีเรือไม้กำลังล่องไปมา
เป็นภาพทิวทัศน์ที่สวยงามมาก
หวังเยียนหรันมองไปก็เห็นเจียงเฟิงที่นั่งอยู่ตรงกลางอย่างเด่นชัด อายุของเจียงเฟิงก็เลยเลขสี่แล้ว เป็นถึงรองเจ้ากรมโยธา สามารถพูดได้ว่าเป็นช่วงชีวิตที่รุ่งโรจน์ของเขา
เขาสวมชุดยาวสีฟ้าอ่อน แต่งตัวเรียบๆ เผยให้เห็นความสง่างาม
ตอนนี้กำลังทักทายผู้คนรอบๆด้วยรอยยิ้มอันชื่นบาน กล่าวขอบคุณที่ทุกคนให้เกียรติเขา
เสี่ยวจูพูดพึมพำว่า “ดูใต้เท้าเจียงก็เหมือนเป็นคนโปร่งใสบริสุทธิ์ แต่ทำไมชอบกล่าวร้ายท่านอ๋องอยู่หลายครั้งหลายครา ไม่เข้าใจเลยจริงๆ…”
หวังเยียนหรันทำเสียงไม่พอใจเงียบๆ จากนั้นก็พูดว่า “นี่ก็ก็คือการอิจฉาของคนมีความรู้ เขาและหลี่จุ่นต่างก็เป็นนักกวีที่มีชื่อเสียงของราชวงศ์อู่ ความสามารถเป็นเลิศ เขาจึงมองหลี่จุ่นไม่สบอารมณ์ คอยกล่าวคำใส่ร้ายอยู่ลับหลังเช่นนี้ก็ถือว่าเบาแล้ว”
“อ่า…” เสี่ยวจูฟังอย่างคาดไม่ถึง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน
ขอบคุณมากนะคะ ที่ให้อ่านฟรี สนุกมากค่ะ สั่งซื้อกางเกงใน GQ ไป 3 ตัวแล้วค่ะ สนับสนุนโฆษณา ที่ได้อ่านค่ะ...
เดินเรื่องได้เต่ามากๆ...
หายเงียบเลยยยยรอตอนต่อไปนานแล้วนะะะะะเมื่อไหร่จะอัพเพิ่มมมมมมมมมมม...
มีชื่อภาษาอังกฤษของนิยายเรื่องนี้ไหมครับ...
อยากให้ อัพ ต่อครับ รอนะครับ...
ไม่อัพแล้วเหรอคะ...
ตอนที่203หาย...
ไม่ update มาหลายวันแล้วครับ...
เรื่องนี้สนุกมากครับ ติดตามแล้ว update ช้าและน้อยไปนะครับ แค่วันละ 2 chapter ขอแนะนำให้เพิ่เป็นวันละ 5 Chapter ครับ...
ตอน 203 หาย...