คิดว่าไม่เชิญเธอแล้วเธอจะไม่มาอย่างนั้นเหรอ?
เธอต้องไปแน่
“ดีมาก ต่อไปเรื่องที่เกี่ยวข้องกับจิ่วเฉิน คุณต้องบอกกับฉันทุกเรื่อง แล้วก็จับตามองถังจือซย่าผู้หญิงคนนี้ให้ฉันด้วย ถ้าหากเธอกับจิ่วเฉินมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกัน คุณต้องบอกฉันเป็นคน”
หลินจื้ออยู่ใกล้ตัวสีจิ่วเฉิน นั่นถือเป็นตำแหน่งที่สำคัญที่สุด ถึงแม้จะไม่สามารถเทียบกับผู้ช่วยมือหนึ่งอย่างฉู่เฮ่าได้ แต่ว่าเขาสามารถสัมผัสถึงเรื่องในชีวิตประจำวันทั่วๆ ไปบางเรื่องของสีจิ่วเฉินได้
หลังจากที่ซ่งซานแยกทางกับหลินจื้อแล้ว เธอก็โกรธจนนอนไม่หลับ นายหญิงใหญ่สีหมายความว่าอย่างไรกันแน่? ดูถูกเยียดหยามเธองั้นหรอ? หรือว่าไม่อยากให้เธอเข้าใกล้กับสีจิ่วเฉิน?
การปฏิบัติที่ช่างต่างแตกกันเช่นนี้ ทำให้ซ่งซานเกิดเคียดแค้นขึ้นมาในใจ
รุ่งสาง
ถังจือซย่าไปส่งลูกชายของเธอเสร็จก็รีบไปที่บริษัททันที สำหรับเธอแล้ววันนี้เป็นอีกวันหนึ่งที่เธอรอคอย
เมื่อเธอมาถึงห้องทำงาน ผู้ช่วยหลี่เสี่ยวซินก็พลักประตูเข้ามา เธอเข้ามาพูดปลอบใจถังจือซย่าตรงหน้าโต๊ะทำงาน “พี่จือซย่า พี่ไม่ต้องไปฟังเรื่องไร้สาระที่พวกเขาพูดกันหรอก ฉันเชื่อว่าพี่กับประธานสีนั้นบริสุทธิ์”
ถังจือซย่าขี้เกียจเกินกว่าจะสนใจมันแล้ว เรื่องแบบนี้ยิ่งอธิบายยิ่งไม่น่าเชื่อ อีกอย่างชีวิตของเธอไม่ต้องการที่จะรับฟังคำประเมินค่าจากคนอื่น
ประมาณสิบโมง โทรศัพท์บนโต๊ะของถังจือซย่าก็ดังขึ้น เธอยื่นมือออกไปรับ “สวัสดีค่ะ”
“จือซย่า เข้าประชุมฉันได้รายชื่อคนที่ได้รับรางวัลมาอยู่ในมือแล้ว” เสียงของหลี่เหมยดังเข้ามาจากในนั้น
หัวใจของถังจือซย่าเต้นแรง ผลออกเร็วขนาดนี้เลยเหรอ? เธอคิดว่าอย่างน้อยผลก็น่าจะออกมาในตอนบ่าย เธอรู้สึกตื่นเต้นและรอคอยที่จะไปยังห้องประชุม
พนักงานแผนกออกแบบมาถึงกันหมดแล้ว แต่หลี่เหมยยังมาไม่ถึง สายตาของไอ้หย่าจ้องมองถังจือซย่าอย่างเยือกเย็น ถังจือซย่านั่งอยู่ตรงด้านหน้าของเธอ เธอกวาดสายตามองอย่างไม่เกรงใจเธอเลยแม้แต่น้อย
“ไม่รู้ว่าพี่ไอ้หย่ากับพี่จือซย่าคนไหนที่ได้รับรางวัลกันแน่นะ! ตั้งตารอจริงๆ รางวัลคือเงินตั้งหนึ่งล้านหยวนเชียวนะ” นักออกแบบวัยรุ่นคนหนึ่งตั้งใจทำให้บรรยากาศตึงเครียด
“รอผู้อำนวยการมาอีกสักครู่ก็จะได้รู้คำตอบกับแล้ว”
ขณะที่พูดอยู่ หลี่เหมยก็ผลักประตูเข้ามา เธอมองลูกน้องที่เข้าร่วมการแข่งขันทั้งสองคนที่นั่งอยู่ในตำแหน่งแรก “ใบคำร้องค่าอาหารที่พวกเธอรองมานานได้มาแล้วนะ เย็นนี้ทุกคนอยากไปกินเลี้ยงด้วยกันมั้ย
“อยากสิ! ผู้อำนวยการพวกเราอยากกินอาหารมื้อใหญ่”
ไอ้หย่ากับถังจือซย่าจ้องมองกันและกัน เห็นการแสดงออกของหลี่เหมยแล้ว มันชัดเจนบริษัทของพวกเรามีคนได้รับรางวัล และพนักงานที่ได้รับรางวัลคือหนึ่งในพวกเธอสองคน
ไอ้หย่าเผยสายตาอิจฉาริษยาออกมา ไม่ต้องเดาเลย ต้องเป็นถังจือซย่าแน่นอน
“ตกลง ถ้าอย่างนั้นคืนนี้ก็กินเลี้ยงกันเถอะ! เอาหล่ะ ต่อไปฉันจะประกาศรายชื่อผู้ที่ได้รับรางวัลให้ทุกคนได้ทราบอย่างเป็นทางการ อันดับแรกต้องแสดงความยินดีกับผู้เข้าร่วมการแข่งขันที่ผ่านเข้ารอบทั้งสองคน ต่อไป พวกเราขอแสดงความยินดีกับถังจือซย่าที่ได้รับรางวัลชนะเลิศในการแข่งเครื่องประดับในครั้งนี้ ได้รับเงินรางวัลหนึ่งล้านหยวนอย่างสมเกียรติ”
หลี่เหมยยังพูดไม่ทันจบ สมองของถังซือซย่าก็หยุดชะงักไปชั่วขณะ เป็นเธออย่างนั้นเหรอ? คนที่ได้รับรางวัลคือเธออย่างนั้นเหรอ? หนึ่งล้านหยวนเป็นของเธออย่างนั้นเหรอ?
ในใจของเธอเต็มไปด้วยความดีใจในชั่วพริบตา เงินรางวัลได้ถึงมือลูกชายแล้ว
หลี่เหมยมองและบอกกับไอ้หย่าว่า “บริษัทยังให้รางวัลกับผู้ที่เข้ารอบในครั้งนี้ด้วย ไอ้หย่าได้รับเงินรางวัลสองหมื่นหยวน”
ไอ้หย่าเบะปากเย้ยหยัน รางวัลการมีส่วนร่วมอย่างนั้นเหรอ ช่างดูถูกเสียจริง
เสียงปรบมือดังขึ้นในชั่วพริบตา เสียงแสดงความยินดีให้กับถังจือซย่าดังท่วมท้น ถังซือซย่ากล่าวขอบคุณพวกเขาหลายต่อหลายครั้ง ขณะเดียวกันเธอก็ได้กล่าวขอบคุณกับหลี่เหมยด้วยความซาบซึ้งใจ “ของคุณผู้อำนวยการที่คอยให้กำลังใจและสนับสนุนนะคะ”
“ทั้งหมดนี้เป็นเพราะศักยภาพของเธอเอง จือซย่า พยายามให้เต็มที่นะ! ต่อไปพวกเรามาปรึกษากันว่าจะไปกินเลี้ยงที่ไหนกันดีกว่า! เลิกประชุมได้”
หลี่เหมยเดินจากไป ขณะที่ถังจือซย่ากำลังจะเดินออกไป ไอ้หย่าที่ยืนกอดอกและยิ้มอย่างเยือกเย็นอยู่ทางด้านหน้าของเธอพูดว่า “ถังจือซย่า ได้รับเงินรางวัลตั้งหนึ่งล้านหยวนเธอไม่รู้สึกหน้าร้อนผ่าวบ้างเหรอ”
“ทำไมฉันต้องรู้สึกหน้าร้อนผ่าวด้วย” ถังจือซย่าถามกลับ เธอมั่นใจในผลงานของตัวเองมาตั้งแต่แรก
“ฉันคิดว่าเธอไม่ควรจะขอบคุณผู้อำนวยการนะ เธอควรจะไปขอบคุณประธานสี เพราะเรื่องที่เขาพูดมันช่วยให้เธอได้รับรางวัลนี้ เขาให้เงินหนึ่งล้านหยวนกับเธอ ถ้าฉันเป็นเธอ ฉันไม่มีหน้ารับมันไว้หรอก!
พูดจบไอ้หย่าก็ทำเสียงฮึดฮัดแล้วเดินจากไป ในห้องประชุมเหลือถังจือซย่าแค่เพียงคนเดียว ในหัวของถังจือซย่าว่างเปล่าไปหลายวินาที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักป่วน ๆ ฉบับแม่เลี้ยงเดี่ยว