ถังจือซย่าพูดด้วยความไม่พอใจ “ขอแค่เป็นผู้หญิงผู้ชายก็มีความสนใจแล้ว”
สีจิ่วเฉิน “...”
คำพูดนี่ช่างน่าสลดใจ เขาสนใจเพียงแค่เธอเท่านั้น
“พ่อเธอดูแลเฉินเฉินได้อยู่แล้ว เธอไม่ต้องเป็นกังวลหรอก” สีจิ่วเฉินพูดให้เธอโล่งใจ เขาคิดว่าเธอยังไม่เห็นเห็นข้อความ
“ฉันเห็นข้อความแล้ว ที่หลังคุณอย่ามายุ่งกับโทรศัพท์ของฉัน แล้วก็อย่าตอบกลับข้อความของฉันโดยพลการ อย่าคิดว่าฉันไม่รู้เรื่องของฉิงเหย่ในครั้งก่อน ก็คุณไม่ใช้เหรอที่ตอบกลับแทนฉัน” ถังจือซย่าพูดเตือน
สีหน้าบางส่วนของสีจิ่วเฉินเย็นชาลงเหมือนกับถูกแช่แข็งไว้
“ถังจือซย่า ผมเคยเตือนคุณแล้วว่าอย่าล้อเล่นกับคามรู้สึกของฉิงเหย่”
ถังจือซย่าขมวดคิ้วแล้วยิ้ม “ใครบอกว่าฉันกำลังล้อเล่นกับความรู้สึกของฉิงเหย่ ความสัมพันธ์ต่างๆก็พัฒนามาจากความเป็นเพื่อน ตอนนี้พวกเราเป็นกัน ความสัมพันธ์ในอนาคตจะเป็นยังไงก็ยังไม่แน่ใจ!”
“คุณหมายความว่ายังไง” สีจิ่วเฉินกัดฟันถาม
“ก็หมายความว่าความสัมพันธ์ของพวกเรากำลังพัฒนา ไม่ได้ล้อเล่นกับความรู้สึกของเขาอย่างที่คุณพูด” ถังจือซย่าพูดอย่างใจเย็น หลังจากนั้นก็ตอบกลับอย่างจริงจัง “จริงๆ แล้วฉิงเหย่เหมาะสมที่จะเป็นพ่อของเฉินมาก เขาปฏิบัติกับเฉินเฉินเป็นอย่างดี ในอนาคตถ้าเกิดมีวาสนาขึ้นมาจริงๆ พวกเราอาจจะคบกันก็ได้”
“ถังจือซย่า เธอเป็นหญิงชั่วหรือไง ยอมให้ฉิงเหย่ตามจีบ แต่อีกด้านหนึ่งกลับมีความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจนกับผม ดูเหมือนว่าธาตุแท้ของคุณก็คือผู้หญิงที่ไม่รู้จักพอคนหนึ่งสินะ” สีจิ่วเฉินพูดเหน็บแนมด้วยความโมโห
ถังจือซย่ารู้สึกโกรธ เขามีสิทธิอะไรมาว่าเธอเป็นหญิงชั่ว? เธอจึงพูดประชดกลับไป “ถ้าอย่างนั้นคุณก็คงเป็นชายชั่ว ด้านหนึ่งคุณก็ยอมรับความรักใคร่ที่ซ่งซ่านนั้นมีให้ อีกด้านหนึ่งก็ไปมาหาสู่กับฉัน พวกเรามันก็เหมือนกันนั่นแหละ คุณก็ไม่ได้ดีสักเท่าไหร่หรอก”
ชายหนุ่มพูดไม่ออกทันที เขาทำได้เพียงจ้องมองเธอเท่านั้น
“พูดแบบนี้ แสดงว่าคุณยอมความรู้สึกที่ฉิงเหย่มีให้ คุณจะแต่งงานกับเขาในอนาคต และเลือกเขามาทำหน้าที่พ่อให้กับเฉินเฉินใช่ไหม” สีจิ่วเฉินหรี่สายตาลง เหมือนกลับมีคมมีดเข้ามาทิ่มแทงสายตาที่เข้มแข็งของเขา
ถังจือซย่าไม่หลบตาเขา และยังแกล้งพูดอย่างสบายๆ “อาจจะเป็นไปได้”
สีหน้าของสีจิ่วเฉินแสดงออกอย่างชัดเจน ใบหน้าที่อยู่ภายใต้แสงไฟของเขานั้นเหมือนกับตู้เย็นที่ถูกปิดผนึกไว้ ทำให้ทั้งตัวของเค้าเป็นเหมือนรูปปั้นประติมากรรมที่สวยงาม
ถังจือซย่าไม่รู้ว่าทำไมถึงรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้้หมือนกำลังโมโห เขาดูเหมือนไม่มีความสุข
นี่ทำให้ถังจือซย่าสัมผัสได้ถึงอารมณ์อันอ่อนไหวบางอย่าง เธอพูดเหน็บแนมออกไป “สีจิ่วเฉินคุณไม่ได้กำลังหึงอยู่ใช่ไหม! หรือว่าคุณตกหลุมรักฉันซะแล้ว”
ในใจของสีจิ่วเฉินรู้สึกโกรธที่ถูกเหยียดหยามจิตใจ แต่ใบหน้าภายนอกของเขานั้นกลับไม่ผันแปรเลยสักนิด
ถังจือซย่ายิ้มอย่างภาคภูมิใจและตอบกลับเขาในทันที “คุณอย่าตกหลุมรักฉันเลย มันไร้ประโยชน์ เพราะฉันจะไม่มีทางชอบคุณ”
ทันใดนั้นสีจิ่วเฉินก็ยืนขึ้น ร่างกายที่สูงใหญ่และทรงพลังของเขาเผยความหน้าเกรงขามออกมาได้อย่างเด่นชัด จึงทำให้ถังจือซย่ากลัวจนนั่งตัวแข็งทื่อ
“ถังจือซย่า นี่คือบ้านผม คุณมาทำเย่อหยิ่งทำไม” สายตาอันเย็อกเย็นและแหลมคมของชายหนุ่มจ้องเขม่งไปที่เธอ
ถังจือซย่ามองเห็นใบหน้าของปีศาจร้ายอยู่บนหน้าเขาอย่างเลือนราง กลิ่นอายความโหดเหี้ยมแผ่ซ่านออกมาจากทั่วร่างกาย
เดี๋ยวนะ! นี่เธอยั่วยุเขาอย่างนั้นเหรอ
เธอรีบพูดอย่างไม่เย่อหยิง “สีจิ่วเฉิน ฉันขอถอนคำพูดเมื่อกี้ คิดซะว่าฉันไม่เคยพูดมันก็แล้วกัน “ พูดจบเธอก็คิดที่จะหนีออกไปจากห้องโถง
“สายไปแล้ว” ชายหนุ่มพูดด้วยเสียงต่ำอย่างไม่พอใจ เขาดึงหญิงสาวที่เพิ่งลุกขึ้นจากโซฟาและจะหนีออกไปมาไว้ในอ้อมกอด
ถังจือซย่าดิ้นรนผลักตัวเขาในทันที ชายหนุ่มไม่ได้จับเธอไว้มั่นคงนัก ทั้งสองจึงล้มลงไปบนโซฟาข้างๆ ตอนนี้ถังจือซย่าก็ไร้หนทางหนีแล้ว เพราะร่ายกายที่สูงใหญ่แข็งแรงของชายหนุ่มนั้นเป็นเหมือนกับตาข่ายที่จับเธอไว้อย่างมั่นคง
“สีจิ่วเฉิน...คุณ...” คำเตือนของเธอถูกปิดไว้ภายในลำคอ
เพราะชายหนุ่มทนไม่ได้จนต้องลงโทษปากน้อยๆ นี้ของเธอ ทำให้คนอื่นโกรธเก่งเกินไปแล้ว
ถังจือซย่าถลึงตาสวยๆ เธอคิดจะใช้สายตาเข้าต่อต้าน แต่กลับได้เห็นความปรารถนาอันร้อนแรงในดวงตาของชายหนุ่ม
นั่นสำหรับเธอ
ถังจือซย่าทำได้เพียงหลับตา สัมผัสทั้งห้าถูกชายหนุ่มปลุกเร้า เพิ่มแอลกอฮอล์ในตัวเธอและฉวยโอกาสทำเรื่องไม่ดี ถังจือซย่ารับรู้ได้ว่าร่างกายไม่ได้รู้สึกปฏิเสธเขามานัก จึงทำให้เธอตกใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักป่วน ๆ ฉบับแม่เลี้ยงเดี่ยว