สีหน้าของชายหนุ่มดำมืดลงทันที มุมปากกระตุกเล็กน้อย “ผมทำไม่เป็น”
ถังจือซย่ายิ้มเยาะ “คนธรรมดาอย่างฉันไม่มีวาสนาจะเสวนากับคนสูงส่งอย่างคุณหรอกค่ะ”
เมื่อพูดจบ ถังจือซย่าหยิบกระเป๋าแล้วลุกขึ้นเดินจากไป
ประจวบกับซ่งซานกำลังเดินกลับมาพร้อมจานอาหาร ถังจือซย่าเดินตรงไปทางซ่งซาน ดวงตาของซ่งซานเป็นประกาย เธอจงใจเดินเข้าไปใกล้ถังจือซย่า เมื่อถังจือซย่าเห็นเธอพุ่งตรงเข้ามา เธอไม่หลบ ซ่งซานจงใจให้ถังจือซย่าชน และการแสดงละครของเธอก็เริ่มขึ้น
จานอาหารในมือหล่นกระจายลงบนพื้น ตัวของเธอเซถลาไปที่เกาะโต๊ะข้างๆ เธอส่งเสียงร้องตกใจออกมาเบาๆ “โอ๊ย...”
สีจิ่วเฉินที่นั่งหันหลังอยู่ หันกลับมามองทันทีเมื่อได้ยินเสียงสิ่งของแตกกระจาย เขาเห็นซ่งซานกำลังพยุงตัวอยู่ที่เก้าอี้ข้างๆ ที่พื้นมีจานอาหารเทกระจาดอยู่ ยังมีถังจือซย่าที่หันหลังกลับมามองด้วยสายตาเย้ยหยัน ถังจือซย่าขี้เกียจจะสนใจ จึงเดินจากไป
ซ่งซานย่อตัวลงเพื่อเก็บชิ้นส่วนที่แตกกระจาย ทันใดนั้น เหนือศีรษะของเธอมีเสียงของชายหนุ่มเข้ามาห้าม
“ไม่ต้องเก็บแล้ว ระวังจะบาดมือเอา ให้พนักงานจัดการเถอะ”
แน่นอนว่าซ่งซานจงใจ เธอรู้ดีว่าสีจิ่วเฉินไม่ปล่อยให้เธอเก็บเศษพวกนี้หรอก เธอแสร้งตีหน้าเศร้าและพูดว่า “น่าเสียดายจังค่ะ”
เมื่อพูดจบ เธอทำทีนวดคลึงที่หัวไหล่
“เธอทำให้คุณเจ็บหรือ” สีจิ่วเฉินถามด้วยความเป็นห่วง
“ฉันไม่ตำหนิจือซย่าหรอกค่ะ ไม่ว่าเธอจะทำอะไรกับฉัน ฉันจะไม่โทษเธอ” ซ่งซานกัดริมฝีปากแดงของเธอ ทำทีแสดงเป็นกล้ำกลืนต่อความน้อยใจทั้งปวง
ส่วนถังจือซย่ากลับกลายเป็นหยาบคายและไร้มารยาท
ความผิดหวังแวบขึ้นในแววตาของสีจิ่วเฉิน ไม่รู้เพราะอะไร เขารู้สึกหงุดหงิดเมื่อเห็นพฤติกรรมของถังจือซย่า เขาไม่อยากให้เธอเป็นคนก้าวร้าวแบบนี้
แม้ถังจือซย่าจะรู้ชัดว่าซ่งซานจงใจใช้เธอเพื่อเล่นละคร แต่เธอไม่มีอารมณ์จะใส่ใจ สีจิ่วเฉินตาบอดมองไม่ออก เธอเองก็ไม่ได้อยากจะหวังดีเตือนเขาสักเท่าไหร่
ในห้องรับรองวีไอพี พ่อแม่ของจ้านฉิงเหย่แนะนำผู้ใหญ่ในวงการธุรกิจให้ลูกชายของตนได้รู้จัก โดยหวังว่าพวกเขาจะให้การสนับสนุนและคำแนะนำแก่ลูกชายในการทำธุรกิจในอนาคต
จ้านฉิงเหย่ต้องชนแก้วดื่มทำความเคารพผู้ใหญ่หลายต่อหลายคน หลังจากการแนะนำเสร็จสิ้นลง จ้านฉิงเหย่จึงฉวยโอกาสนี้เผ่นออกมา เมื่อมาถึงห้องจัดเลี้ยง เขามองไปรอบๆ และแล้วเขาก็ได้พบกับร่างเพรียวบางและมีเสน่ห์ท่ามกลางฝูงชน เวลาเดียวกันนี้เอง สีจิ่วเฉินก็เดินมาจากทางห้องอาหารพอดี
จ้านฉิงเหย่เห็นเขาในทันที จ้านฉิงเหย่จงใจเดินตรงเข้าไปข้างๆ ถังจือซย่า แล้วยกมือโอบไหล่เธออย่างสนิทสนม “คิดถึงฉันไหม”
ถังจือซย่าตกใจ เมื่อหันไปพบว่าเป็นจ้านฉิงเหย่ เธอหัวเราะแกมโกรธ “นายทำฉันตกใจหมด”
ทันใดนั้น จ้านฉิงเหย่ขยับเข้าไปใกล้และทำท่าทางกระซิบกระซาบกับถังจือซย่า แต่จากตำแหน่งของสีจิ่วเฉิน เมื่อมองเข้าไปกลับเห็นเหมือนกับว่า จ้านฉิงเหย่กำลังหอมแก้มถังจือซย่า
“จือซย่า วันนี้เธอสวยสุดๆ เลย” จ้านฉิงเหย่กล่าวชมเบาๆ ข้างหูเธอ แล้วส่งยิ้มให้พร้อมปล่อยเธอออก
แต่ในสายตาของชายหนุ่มบางคน จ้านฉิงเหย่นั้นกำลังหอมแก้มถังจือซย่าในที่สาธารณะ แถมถังจือซย่ายังยิ้มอย่างมีความสุข ราวกับพึงพอใจกับจุมพิตของเขา
ชายหนุ่มที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องจัดเลี้ยงเห็นภาพนี้เข้าเต็มตา ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาเหมือนถูกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง เขาหันหลังและเดินไปอีกทาง
เมื่อจ้านฉิงเหย่เห็นญาติผู้พี่เดินจากไป เขาถอนหายใจเบาๆ ดูเหมือนว่าลูกไม้ตื้นๆ ของเขาจะได้ผล!
ถังจือซย่าไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น จ้านฉิงเหย่จูงมือเธอ “ไปกันเถอะ เราไปนั่งในห้องรับรองพิเศษที่ชั้นสองดีกว่า ที่นี่คนเยอะ หนวกหู”
ถังจือซย่าถูกเขาจูงมือไป จึงได้แต่เดินตามไปที่ชั้นสอง ระหว่างทาง ร่างของคนทั้งคู่ถูกชายคนหนึ่งที่กำลังดื่มเหล้าอยู่ในฝูงชนเหล่มอง ทำให้อารมณ์ที่ไม่ค่อยดีของเขายิ่งทวีความหงุดหงิดมากขึ้น
ห้องรับรองพิเศษชั้นสอง
จ้านฉิงเหย่ให้บริกรนำเซตผลไม้มาให้ เขาปลดเนกไทออกด้วยท่าทางเนือยๆ เขาดูหล่อเหลาเป็นพิเศษภายใต้ชุดสูทสีฟ้าอ่อนที่สวมใส่ในวันนี้ ประกอบกับทรงผมหวีตั้งที่ดูดีมีสไตล์ ทำให้เขาดูเท่ ทันสมัย และหรูหราเกินบรรยาย
ชายหนุ่มหน้าตาดีขนาดนี้ แต่ถังจือซย่ากลับเห็นเขาเป็นแค่เพื่อนรู้ใจ ไม่มีทางจะรู้สึกเกินไปกว่านี้ได้
สองปีได้รู้จักกันมา ถังจือซย่ามองเขาเป็นเพื่อนสนิท สนิทมากจนเกินกว่าจะเปลี่ยนสถานะเป็นอื่น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักป่วน ๆ ฉบับแม่เลี้ยงเดี่ยว