รักป่วน ๆ ฉบับแม่เลี้ยงเดี่ยว นิยาย บท 136

“เงินรางวัล ฉันจะให้ฝ่ายการเงินหักคืนไป ส่วนถ้วยรางวัลก็จะคืนไปด้วยเช่นกัน ฉันไม่ต้องการการทำทานจากคุณ” เมื่อพูดจบ ถังจือซย่าก็หันหลังเตรียมจะเดินจากไป

ชายหนุ่มด้านหลังรีบลุกขึ้นยืน และตะโกนด้วยเสียงทุ้มต่ำ “หยุดก่อน”

ถังจือซย่าหยุดและหันหลังกลับมา “ประธานสีมีเรื่องอะไรอีกหรือคะ”

“เรื่องงาน ผมจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว แต่ในชีวิตประจำวัน ผมยังอยากดูแลคุณและเฉินเฉิน” สีจิ่วเฉินกล่าวอย่างชัดถ้อยชัดคำ

“ไม่ต้องหรอกค่ะ ขอบคุณ” ถังจือซย่าปฏิเสธกลับไปอย่างเด็ดเดี่ยว

“แล้วฉิงเหย่ล่ะ ถ้าเป็นเขาที่ช่วยเหลือ คุณจะเต็มใจรับไหม” ดวงตาของสีจิ่วเฉินที่จดจ้องเธอปรากฏให้เห็นถึงความขุ่นเคืองใจ

“ฉันกับเขาเป็นเพื่อนกัน แต่ฉันกับคุณเป็นเจ้านายลูกน้อง นอกเหนือจากความสัมพันธ์เรื่องงานแล้ว เราสองคนก็เป็นเพียงคนแปลกหน้า” ถังจือซย่าพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ และหันหลังเดินจากไป

คนแปลกหน้าหรือ สีจิ่วเฉินขบคิดอยู่กับสามพยางค์นี้ แต่เขาไม่เต็มใจที่จะเป็นคนแปลกหน้าของเธอนี่

เมื่อคืนนี้ เขารู้ใจของตัวเองแล้วว่าเขาต้องการเธอ ดังนั้นเขาจะไม่ยอมรามือง่ายๆ เขารู้ว่าการขอแต่งงานจ้านฉิงเหย่นั้นไม่สำเร็จ อีกทั้งรายนั้นไม่รู้เลยถึงเรื่องในอดีตของเธอ

อดีตที่ผ่านมาของถังจือซย่า ทำให้เธอไม่สามารถยอมรับใครได้ง่ายๆ หัวใจของเธอเสมือนมีเสื้อเกราะห่อหุ้มอยู่ ซึ่งไม่สามารถทำลายได้ง่ายๆ

ถึงแม้ว่าคุณย่าจะบอกให้เขาปล่อยมือจากเธอ แต่ถึงเวลานี้แล้ว เขาจึงตระหนักได้ว่า เขาไม่สามารถปล่อยมือจากเธอได้

หัวใจของเขาตกอยู่ในหลุมพรางหัวใจเธอมานานแล้ว เขาปีนออกมาไม่ได้

ถังจือซย่ามาที่สำนักงานเพื่อพบหลี่เหมย เธอเล่าให้หลี่เหมยฟังเกี่ยวกับเรื่องถ้วยรางวัล หลี่เหมยไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเธอโง่หรือเปล่า ทำไมจึงยอมละทิ้ง ทั้งถ้วยรางวัลหนึ่งถ้วยกับเงินอีกหนึ่งล้าน แม้ว่าจะเป็นสีจิ่วเฉินจัดการคว้ามาให้เธอ แต่นั่นก็เป็นวาสนาของเธอ

“ไม่ค่ะ เงินรางวัลนี้ฉันไม่รับ ถ้วยรางวัลฉันก็จะเอาไปคืนเช่นกัน”

“หากทำแบบนี้ ชื่อเสียงของคุณจะเสียหายไปด้วย แล้วทุกคนก็จะรู้ว่ารางวัลชนะเลิศของคุณได้มาอย่างไม่ถูกต้อง คุณแน่ใจหรือว่าจะเอาชื่อเสียงของคุณมาเดิมพันกับเรื่องนี้” หลี่เหมยถาม

“ฉันยังมีทางเลือกอื่นอีกหรือคะ คณะกรรมการทั้งหมดรู้เรื่องนี้ ฉันก็เหมือนเป็นตัวตลก ฉันยอมถูกหัวเราะเยาะสักหนึ่งเดือน ดีกว่าถูกหัวเราะเยาะไปทั้งชีวิต”

หลี่เหมยจนปัญญากับเธอแล้ว จึงถอนหายใจและพูดว่า "คุณเป็นคนที่ดื้อรั้นที่สุดที่ฉันเคยเจอ หากเป็นคนอื่น คงดีใจกันแทบไม่ทัน! แต่เอาเถอะ! เรื่องนี้ฉันจะจัดการให้คุณเอง!”

“ขอบคุณนะคะพี่เหมย” ถังจือซย่ารู้สึกซาบซึ้ง

เมื่อกลับมาถึงห้องทำงาน ถังจือซย่ารู้สึกเหนื่อยล้าไปทั้งตัว เหมือนเธอได้ไปออกรบมาอย่างนั้น เธอยกน้ำขึ้นดื่ม แล้วเธอก็ต้องตะลึง เวลานี้ เธอเห็นคนส่งดอกไม้อยู่ด้านนอก หลี่เสี่ยวซินเปิดประตูเข้ามาและพูดด้วยรอยยิ้ม “พี่จือซย่าคะ นี่ดอกไม้ของพี่ค่ะ”

ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าใครเป็นคนส่ง ถังจือซย่ามองดูช่อดอกกุหลาบสีน้ำเงินราคาแพงด้วยความปวดหัว เธอเซ็นชื่อรับอย่างเหนื่อยหน่าย

เมื่อรับดอกไม้แล้ว เธอกดโทรศัพท์มือถือไปหาจ้านฉิงเหย่

“ฮัลโหล! ได้รับดอกไม้แล้วใช่ไหม ชอบไหมล่ะ” จ้านฉิงเหย่ถามอย่างอารมณ์ดี

“ฉิงเหย่ เลิกส่งดอกไม้มาได้แล้ว ฉันจริงจังนะ มันกระทบต่องานของฉัน” ถังจือซย่าไม่อยากเป็นจุดสนใจในบริษัท

“ส่งดอกไม้ก็ไม่ได้เหรอ” เสียงของจ้านฉิงเหย่ดูผิดหวังเล็กน้อย

“เราติดต่อกันปกติได้ กินข้าวด้วยกันได้ แต่อย่าส่งดอกไม้มาเลย ได้ไหม ฉันขอล่ะ”

“ก็ได้ งั้นเที่ยงนี้ฉันเลี้ยงข้าวกลางวันเธอนะ ฉันอยู่ที่ตึกตรงข้ามนี่เอง ที่ทำงานของฉันเริ่มตกแต่งแล้ว” จ้านฉิงเหย่พูดด้วยรอยยิ้ม

ถังจือซย่าหมดคำพูด “ก็ได้! ฉันเลี้ยงนายเอง”

“โอเค งั้นเดี๋ยวเจอกันนะ”

สิบเอ็ดโมงครึ่ง จ้านฉิงเหย่มายืนรออยู่ที่หน้าประตูบริษัทแล้ว เวลานี้ มีรถเก๋งสีดำคันหนึ่งแล่นมาจอด ฉู่เฮ่าเดินมาพร้อมเอกสารในมือ เขาเห็นรถของจ้านฉิงเหย่จอดอยู่ จึงเดินเข้ามาทักทาย

“สวัสดีครับ คุณชายจ้าน”

จ้านฉิงเหย่ส่งยิ้มให้ “มาส่งเอกสารหรือ”

“ครับ! ใช่ครับ! ประธานสีทำงานอยู่ที่นี่ครับ”

“พี่ชายของฉันนี่นะ มีห้องทำงานใหญ่โต กลับไม่อยู่ ต้องมาเบียดเสียดอยู่ที่นี่ ตกลงเป็นเพราะอะไรกัน” จ้านฉิงเหย่ถามขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

ฉู่เฮ่ายิ้มพลางดันแว่นตาขึ้น “เหตุผลที่แท้จริง ผมเองก็ไม่แน่ใจครับ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักป่วน ๆ ฉบับแม่เลี้ยงเดี่ยว