รักป่วน ๆ ฉบับแม่เลี้ยงเดี่ยว นิยาย บท 144

เมื่อใกล้จะถึงเวลาเลิกงาน โทรศัพท์ตั้งโต๊ะของถังจือซย่าก็ดังขึ้น เธอยื่นมือออกไปรับสาย “ฮัลโหล! สวัสดีค่ะ”

“อีกสิบนาทีเจอกันที่ลานจอดรถชั้นใต้ดิน” สีจิ่วเฉินพูดออกมาสั้นๆ ได้ใจความและวางสายไป

ถังจือซย่าพูดไม่ออก เธอไม่ได้คิดว่าจะต้องนั่งรถเขากลับบ้านด้วย!

แต่พอคิดว่าเธอต้องจ่ายค่ารถแท็กซี่อีก งั้นนั่งรถไปกับเขาคงจะดีกว่า ประหยัดค่าโดยสารด้วย

ถังจือซย่าหยิบกระเป๋าและเดินไปที่ลานจอดรถชั้นใต้ดิน ซึ่งรถสีดำรอเธออยู่ที่นั่นแล้ว

พอถังจือซย่าเปิดประตูรถที่นั่งด้านข้างคนขับและเข้าไปนั่งแล้ว สีจิ่วเฉินก็ขับรถออกไปทางประตูของลานจอดรถ

“พวกเราไปรับเฉินเฉินก่อน จากนั้นก็ไปซื้อของที่ซูเปอร์มาร์เก็ต เสร็จแล้วค่อยกลับบ้านกัน” สีจิ่วเฉินจัดแจงทุกอย่างและพูดออกมา

“ก็ได้!” ถังจือซย่าตอบ ยังไงตอนนี้เธอก็ไม่มีแรงแล้ว พอคิดว่าที่พ่อประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียงขึ้นมานั้นเป็นเพราะว่าเขายื่นมือเข้ามาช่วย เธอจะเถียงอะไรได้

เธอทำได้เพียงตอบแทนเขาอย่างสุดความสามารถเท่านั้น

“ช่วงนี้เงินทุนของบริษัทพ่อเธอประสบปัญหาหนักมาก ถ้าไม่มีโครงการนี้ไปช่วยกู้สถานการณ์ พ่อของเธอคงจะต้องไปขอร้องหลายคนให้ช่วยเหลือ” สีจิ่วเฉินจับพวงมาลัยด้วยความสง่างามและมองไปด้านหน้า

หัวใจของถังจือซย่าบีบแน่นขึ้น เธอรู้อยู่แล้วว่าพ่อจัดการบริหารบริษัทนี้ ยังไงก็ต้องไปขอร้องคนหลายฝ่าย

ผู้ชายคนนี้พูดออกมาแค่ประโยคเดียว กลับทำให้พ่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์ยากลำบากนี้ไปได้ และทำให้พ่อไม่ต้องไปขอความช่วยเหลือจากคนอื่น

“ขอบคุณนะ” ถังจือซย่ามองไปที่เขาด้วยความจริงใจ และพูดประโยคนี้ออกมาจากใจ

“สำหรับฉันแล้วเป็นเรื่องเล็กน้อย ไม่ต้องเกรงใจ” สีจิ่วเฉินเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย

นี่แหละเสน่ห์ของอำนาจ คนอื่นต้องขอร้องเป็นพันเป็นหมื่นครั้ง แต่เขาพูดเพียงประโยคเดียวก็สามารถจัดการได้ทั้งหมดแล้ว

“ยังไงก็เถอะ ฉันขอบคุณคุณมากที่ช่วยพ่อฉันไว้”

“บริษัทของพ่อเธอจะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ เขาแค่ต้องมีโครงการไปเลี้ยงดูบริษัทให้มากกว่านี้เท่านั้นเอง เธอวางใจเถอะ ฉันไม่ปล่อยให้บริษัทพ่อเธอมีปัญหาหรอก”

ภายในรถ เสียงทุ้มต่ำชวนหลงใหลของชายคนนี้เต็มไปด้วยพละกำลัง

ลมหายใจของถังจือซย่าติดขัดเล็กน้อย เขาพูดแบบนี้ แสดงว่าเขาจะช่วยพ่อของเธอไปตลอดงั้นหรือ และพ่อก็ต้องการความช่วยจากเขาตลอดอย่างนั้นหรือ

ไม่ ถ้าเกิดเป็นแบบนี้ บุญคุณครั้งนี้ก็เหมือนกับลูกหิมะที่กลิ้งไปเรื่อยๆ ทับถมกันจนกลายเป็นลูกใหญ่ ในอนาคตเธอจะชดใช้ให้เขาได้อย่างไร

แต่บริษัทของพ่อใหญ่โตมาจนถึงขนาดนี้แล้ว จำเป็นต้องมีโครงการใหม่มาช่วยประคองบริษัทไว้อย่างต่อเนื่อง ถ้าเกิดว่าเงินลงทุนถูกตัด บริษัทของพ่อคงจะขาดทุนมหาศาล พ่อคงจะมีความกดดันมากและตกอยู่ในความเครียดแบบไม่รู้จบ

พ่ออายุเยอะขนาดนี้แล้ว เธอกลัวว่าเขาจะแบกรับความกดดันไม่ไหว

สีจิ่วเฉินมองดูผู้หญิงที่นั่งเงียบด้านข้างเขา เขารู้ว่าเขากำลังกดดันเธอ เขาพูดออกไปเสียงเรียบ “ไม่ต้องคิดมาก ฉันไม่ขออะไรเธอมากเกินไปหรอก”

ถังจือซย่าไม่ได้กังวลเรื่องนี้ เธอเงยหน้าและถามออกไป “ต่อไปนี้ฉันจะให้พ่อพยายามคุยโครงการด้วยตัวเอง เธอไม่ต้องเปลืองแรงกับเรื่องนี้แล้ว”

“สีจิ่วเฉินยกมุมปากขึ้น “เธอแน่ใจ?”

แน่นอนว่าถังจือซย่าไม่แน่ใจ เธอไม่รู้อะไรเกี่ยวกับบริษัทของพ่อเธอเลย

“ในอนาคตเธอคงต้องเป็นคนรับช่วงบริษัทของพ่อเธอใช่ไหม!”

สีจิ่วเฉินเดาถูก

ถังจือซย่าพูดไม่ออก พอถึงวันที่เธอต้องรับช่วงต่อค่อยคิดแล้วกัน! ไม่แน่ว่าพอถึงวันนั้นเธออาจจะขายบริษัทไปก็ได้!

มาถึงที่ประตูโรงเรียน

ถังจือซย่าเข้าไปรับลูก ผู้ชายที่นั่งอยู่ในรถมองไปที่ประตูโรงเรียนด้วยความตื่นเต้น ความรู้สึกนี้เหมือนความรู้สึกที่พ่อมารอรับลูกที่โรงเรียนเลย

เขาไม่ได้เจอเด็กน้อยมาหลายวันแล้ว สีจิ่วเฉินจึงรู้สึกคิดถึงมากเป็นพิเศษ ราวกับว่าเด็กคนนี้เป็นลูกของเขา

ผ่านไปไม่นาน ที่ประตูโรงเรียนก็ปรากฏภาพคุณแม่ที่จูงมือลูกด้วยความอบอุ่น ผู้หญิงคนนั้นงดงามทุกกระเบียดนิ้ว เด็กคนนั้นก็น่ารักน่าชังและรู้ความ เป็นภาพที่สวยงามจริงๆ

สีจิ่วเฉินผลักประตูรถออกและเดินลงจากรถ พอเด็กน้อยเห็นเขาก็รีบปล่อยมือแม่ทันที และวิ่งออกไปพร้อมกับเรียกชื่อของเขาอย่างตื่นเต้น

“คุณอาสี คุณอาสี...”

ถังจือซย่ามองไปที่ลูกชายอย่างหมดคำจะพูด ทำไมลูกถึงชอบเขาขนาดนั้นนะ

จิ่วเฉินเอื้อมมือออกไปกอดเจ้าตัวเล็ก เด็กน้อยนั่งในอ้อมแขนที่แข็งแกร่งของเขาและยิ้มอย่างมีความสุข สำหรับเด็กน้อยแล้ว เขาอยากจะมีพ่อที่แข็งแกร่งและมีอำนาจ และสีจิ่วเฉินก็มีคุณสมบัติตรงกับพ่อในจินตนาการของเขาทุกประการ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักป่วน ๆ ฉบับแม่เลี้ยงเดี่ยว