รักป่วน ๆ ฉบับแม่เลี้ยงเดี่ยว นิยาย บท 145

“ขึ้นรถ พวกเราจะไปเดินห้างสรรพสินค้ากัน” สีจิ่วเฉินอุ้มเด็กน้อยไปวางที่เบาะหลัง ในขณะเดียวกันนั้น จู่ๆ เขาก็เกิดความคิดบางอย่างขึ้นมา เขาควรจะติดตั้งคาร์ซีท ไว้ที่รถด้วย จะได้สะดวกเวลาไปรับไปส่งเด็กน้อย

ทั้งสามคนขึ้นรถและไปที่ศูนย์การค้าใกล้ๆ เวลายังไม่ดึกมากนัก ทำให้พวกเขามีเวลามากพอที่จะเดินซื้อของ

ในซูเปอร์มาร์เก็ต เด็กน้อยนั่งอยู่บนรถเข็นที่มีสีจิ่วเฉินเป็นคนเข็นรถ ส่วนถังจือซย่ารับผิดชอบการเลือกซื้อของ คืนนี้เธอรู้สึกอยากจะกินอาหารดีๆ เธอซื้อกุ้ง ขาหมูและผักสองสามชนิด

“พระเจ้า! เป็นครอบครัวพ่อแม่ลูกที่ดูดีมากเลย!” ถังจือซย่าที่กำลังเลือกของอยู่ก็ได้ยินประโยคนี้เข้า เธอหันหลังกลับไปมองก็พบกับผู้หญิงวัยรุ่นสองคนยืนอยู่ข้างๆ กำลังพูดและหันมาที่พวกเขา

เมื่อถังจือซย่ามองไป พวกเขาก็รู้สึกเกรงใจขึ้นมาจึงรีบเดินออกไป

ถังจือซย่าเงยหน้าขึ้นไปมองลูกชายและสีจิ่วเฉิน คนอื่นไม่เข้าใจผิดสิถึงจะแปลก! ลักษณะท่าทางนี้เหมือนพ่อแม่ลูกกำลังเดินซื้อของที่ซูเปอร์มาร์เก็ตกันชัดๆ!

ถังจือซย่ารีบเลือกของและหันไปพูดกับผู้ชายที่เข็นรถอยู่ด้านหลัง “ไปเถอะ! ซื้อเสร็จแล้ว”

ดวงตาที่ลึกซึ้งของสีจิ่วเฉินมองเห็นทุกอย่าง มุมปากของเขายกขึ้นยิ้ม ความรู้สึกแบบนี้เขากลับรู้สึกมีความสุขกับมันมาก

หลังจากซื้อของเสร็จ ก็ขับรถกลับไปที่บ้านของเธอทันที เขาจอดรถไว้ที่ทางเข้าตึก ทันทีที่ถังจือซย่ายกของขึ้นมาก็มีมือใหญ่ๆ มารับถุงใส่ของที่เธอถืออยู่ไป “ฉันถือเอง”

“มันไม่หนัก ไม่เป็นไร” ถังจือซย่าไม่อยากให้เขาช่วย

แต่ชายคนนี้ก็ยังพยายามใช้แรงแย่งถุงไปถือ ถังจือซย่าหมดคำจะพูดและมองไปที่ลูกชายให้เขาจับมือด้วยความเต็มใจ เธอรู้สึกทำตัวไม่ถูกขึ้นมาเล็กน้อย

เธอรีบเดินไปข้างหน้าเพื่อรักษาระยะห่างกับชายหนุ่ม เลี่ยงไม่ให้เพื่อนบ้านเห็นแล้วเข้าใจไปว่าพวกเขาเป็นครอบครัวเดียวกัน!

“หม่ามี๊ รอพวกเราด้วย” เด็กน้อยตะโกนมาจากด้านหลัง

ถังจือซย่าพูดไม่ออก เธอทำได้เพียงยืนรอพวกเขา

ในที่สุดก็ถึงบ้านเสียที ถังจือซย่าถอนหายใจด้วยความโล่งอก เธอรับถุงมาจากมือของชายหนุ่มและไปที่ห้องครัว อาหารที่ต้องใช้เวลาทำนานอย่างเช่นขาหมู เธอต้องรีบทำให้เรียบร้อยก่อน

“ลูก ดูแลแขกด้วยนะ” ขณะที่ถังจือซย่าเดินออกมาหยิบของก็พูดกับลูกชายหนึ่งประโยค

เด็กน้อยเงยหน้าขึ้นด้วยความสับสนเล็กน้อยและมองไปที่สีจิ่วเฉิน สำหรับเขาแล้ว สีจิ่วเฉินไม่ใช่แขก แต่เหมือนเป็นญาติที่อยู่ด้วยกันตามปกติ

สีจิ่วเฉินยิ้มและลูบหัวน้อยๆ ของเขา “ฉันรู้ว่าจะดูแลตัวเองยังไง”

ถังจือซย่ายุ่งอยู่กับการทำอาหารในห้องครัว เนื่องจากทำอาหารให้ลูกมาหลายปี เธอจึงสามารถใช้อุปกรณ์ในห้องครัวได้อย่างคล่องแคล่ว อีกทั้งยังคอยตามหารสชาติใหม่ๆ ให้กับลูก ทั้งยังศึกษาการปรุงอาหารจากตำราอาหารต่างๆ มาหลายปี สามารถพูดได้ว่าฝีมือการทำอาหารของเธอนั้นผ่านเกณฑ์

ขาหมูในคืนนี้เป็นเธอที่อยากกิน ดังนั้น เครื่องปรุงที่เธอใส่ลงไปค่อนข้างที่จะเยอะและเผ็ด ของลูกชายจะมีไข่ตุ๋นกุ้งกับผัก ซึ่งเพียงพอสำหรับเขาแล้ว

ถังจือซย่าเดินเข้าๆ ออกๆ ห้องครัว บางครั้งเห็นสีจิ่วเฉินดูทีวีเป็นเพื่อนลูก สักพักก็เห็นสีจิ่วเฉินเล่นของเล่นเป็นเพื่อนลูกอยู่ในห้อง ดูท่าผู้ชายคนนี้อยู่ในบ้านก็ไม่ได้ทำตัวไร้ประโยชน์ อย่างน้อยเขาก็อยู่เป็นเพื่อนลูกของเธอได้

บางครั้ง เรื่องที่ถังจือซย่ากังวลที่สุดก็คือการที่ลูกอยู่แต่กับตัวเอง อาจจะทำให้เขาขาดความเป็นผู้ชาย ตอนนี้สีจิ่วเฉินอยู่กับเขาด้วย เธอก็รู้สึกว่าไม่เลวนัก

ในที่สุด อาหารสี่อย่างและซุปหนึ่งอย่างก็เสิร์ฟบนโต๊ะ ถังจือซย่าถอดผ้ากันเปื้อนที่คาดไว้ที่เอวออกและไปเคาะประตูห้องของลูกชาย “มากินข้าวได้แล้ว”

ผ่านไปสักพัก ลูกชายก็วิ่งออกมา ทันทีที่เห็นอาหารบนโต๊ะก็อุทานออกมาทันที “เป็นของที่ผมชอบทั้งนั้นเลย”

สีจิ่วเฉินนั่งลงและถังจือซย่าก็ตักข้าวให้พวกเขา เจ้าตัวเล็กชอบกินไข่ตุ๋นกุ้งมาก เขากินไปคำใหญ่ สายตาของสีจิ่วเฉินมองไปที่ท่าทางกินข้าวอย่างจริงจังของเด็กน้อย ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าช่างน่ารักน่าเอ็นดู

เขาค้นพบว่าฝีมือการทำอาหารของผู้หญิงคนนี้ดีมากทีเดียว โดยเฉพาะขาหมูถ้วยนี้ที่มีความมันแต่ไม่เลี่ยน ระดับความนุ่มกำลังพอดี แม้ว่าจะเผ็ดไปหน่อยแต่ก็ไม่ทำให้ชายคนนี้หยุดเอื้อมมือไปคีบอาหารจากจาน

แม้จะเอร็ดอร่อยขนาดไหน แต่ตอนกลางคืนถังจือซย่ากินไม่ค่อยเยอะ เพราะว่าเธอกลัวอ้วน เธอจึงเคี้ยวละเอียดๆ กลืนอย่างช้าๆ และไม่รีบร้อน ผู้ชายที่อยู่ข้างๆ เธอก็กินอย่างละเมียดละไมเช่นกัน ในชั่วพริบตาเดียวเขาก็เข้าห้องครัวเป็นครั้งที่สามแล้ว เขากินไปสามชามแล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักป่วน ๆ ฉบับแม่เลี้ยงเดี่ยว