รักป่วน ๆ ฉบับแม่เลี้ยงเดี่ยว นิยาย บท 146

ถังจือซย่ามองขาหมูที่ค่อยๆ ลดลงไปเรื่อยๆ เธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกประสบความสำเร็จขึ้นมา

“คุณอาสีครับ หม่ามี๊ของผมทำกับข้าวอร่อยไหมครับ” เด็กน้อยถามออกมาด้วยความสงสัย

“อืม อร่อยมาก” เขาอดไม่ได้ที่จะเอ่ยชมออกไปและเหลือบมองผู้หญิงคนนั้น

ถังจือซย่ากระแอมไอเบาๆ “ถ้าอร่อยก็กินอีกหน่อยสิ”

“ข้าวหมดแล้ว” เขาพูดออกมาด้วยความโอดครวญเล็กน้อย

ถังจือซย่า “...”

เขากินไปกี่ชามแล้วนะ

“งั้น...งั้นรอบหน้าฉันจะหุงข้าวเพิ่มอีกหน่อย วันนี้คำนวณปริมาณไม่ค่อยถูกเท่าไหร่” ถังจือซย่าพูดออกไปเขินๆ

ในขณะนั้นเอง เขาวางตะเกียบลงหลังจากที่กินอิ่มแล้วและเรอออกมา ถังจือซย่าเกือบจะยิ้มออกมาแล้ว ผู้ชายคนนี้ยังจะบอกว่าไม่อิ่มอีก เรอออกมาขนาดนี้ เขาอยากจะอิ่มขนาดไหนกัน!

ชายคนนี้ปิดปากของเขา จากนั้นก็เดินไปที่ข้างตู้เก็บช้อนส้อมและหยิบแก้วขึ้นมาหนึ่งใบ พอเห็นว่าในนั้นมีน้ำอยู่เขาก็ดื่มลงไป

ถังจือซย่าตะโกนออกไปด้วยความตกใจ “นั่นเป็นแก้วของฉัน”

“ฉันไม่ถือสา” ชายคนนั้นดื่มน้ำพลางยิ้มออกมา

“แต่ฉันถือสา!” ถังจือซย่าพูดออกไปด้วยความหงุดหงิด

รอยยิ้มของชายคนนั้นดูเจ้าเล่ห์มากขึ้น “งั้นฉันดื่มต่อดีกว่า”

ถังจือซย่าหมดคำจะพูดกับเขาจริงๆ ในใจคิดว่าถ้าเกิดเขามากินข้าวที่บ้านเธอหนึ่งปี เธอคงจะต้องซื้อของใช้ประจำวันมาเตรียมไว้ เช่นพวกแก้วน้ำและอื่นๆ

ถังจือซย่าเก็บถ้วยชามและตะเกียบให้เป็นระเบียบ ขณะที่กำลังล้างจานอยู่นั้น เด็กน้อยก็ตะโกนเรียกเขาอยู่ที่ประตู “หม่ามี๊ ผมกับคุณอาสีจะลงไปเดินเล่นกัน หม่ามี๊จะไปด้วยไหมครับ”

ถังจือซย่าหันหลังกลับไปตอบเด็กน้อย “ได้สิ ลูกลงไปก่อนเลย!”

เด็กน้อยจับมือสีจิ่วเฉินเดินลงไปข้างล่างเพื่อไปเดินเล่นอย่างมีความสุข นี่เป็นครั้งแรกที่ถังจือซย่าปล่อยลูกไว้กับผู้ชายคนหนึ่งด้วยความรู้สึกปลอดภัย นอกจากพ่อและจ้านฉิงเหย่แล้ว ก็มีสีจิ่วเฉิน

ลึกๆ แล้วเธอก็รู้สึกงงงวยอยู่เล็กน้อย เธอเปิดใจให้กับผู้ชายคนนี้เข้ามาในชีวิตตั้งแต่เมื่อไหร่กัน

เฮ้อ! คงจะมีบางเรื่องที่ปิดกั้นไว้ยังไงก็ปิดไม่อยู่จริงๆ ทั้งๆ ที่ปากบอกว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเขา แต่ยังไม่ทันรู้ตัวก็มีเขามาอยู่รอบๆ ตัวเสียแล้ว

ถังจือซย่าจัดการกับห้องครัวเสร็จแล้ว เธอนำขยะลงไปทิ้งด้านล่างด้วย พื้นที่สีเขียวและสิ่งอำนวยความสะดวกของชุมชนที่เธออาศัยอยู่นั้นดีมาก มีหลายครอบครัวที่พาลูกไปเดินเล่นในชุมชนตอนค่ำๆ ถังจือซย่าทิ้งขยะเสร็จแล้วก็เดินไปตามหาลูกและสีจิ่วเฉิน

ไฟในชุมชนสว่างไม่มากนัก ไฟสลัวให้ความรู้สึกสวยงามและตัดกับสีของต้นไม้และดอกไม้ทำให้ดูมีสไตล์มากยิ่งขึ้น

ถังจือซย่าอดไม่ได้ที่จะมองดูเก้าอี้นั่งพักรอบๆ อย่างละเอียดถี่ถ้วน แต่ทว่าทันใดนั้นเอง เธอก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังมาจากฝั่งอุปกรณ์ออกกำลังกาย ถึงแม้ว่าระยะห่างจะไกลเล็กน้อย แต่เธอก็รู้ว่านั่นคือเสียงหัวเราะของลูกชายเธอ

เธออดที่จะตกใจไม่ได้ นานแล้วที่เธอไม่ได้ยินเสียงหัวเราะอย่างร่าเริงของลูกชายแบบนี้ ถังจือซย่ารีบไปที่นั่นทันที ภายใต้แสงไฟ เธอเห็นเพียงสีจิ่วเฉินที่อุ้มลูกชายของเธอเพื่อไปโหนราว มือทั้งข้างของเด็กน้อยห้อยอยู่ที่ราว สีจิ่วเฉินปล่อยมือออกแต่ก็ยังยืนดูแลอยู่ข้างๆ

เมื่อลูกชายของเธอกำลังจะจับไม่ไหวแล้ว สีจิ่วเฉินก็เข้ามาโอบเขาไว้ เด็กน้อยหัวเราออกมาอยากมีความสุข “คุณอาสี ผมอยากเล่นอีก”

ถังจือซย่ายืนอยู่ข้างๆ ห่างออกมาไม่ไกลนัก ไม่ได้เข้าไปรบกวนพวกเขาและยืนดูอยู่เฉยๆ ภาพที่ลูกชายเล่นกับสีจิ่วเฉิน ทำให้เธอรู้สึกเหมือนเป็นภาพพ่อกับลูก

ลูกชายและเขาหน้าตาคล้ายกันมากราวกับเป็นพ่อลูกกันจริงๆ

เธอยืนดูลูกโหนอยู่ตรงนั้นไม่ไปไหน สีจิ่วเฉินก็มีความอดทนสุดๆ เล่นเป็นเพื่อนเขาและบางครั้งก็ได้ยินเสียงหัวเราะต่ำๆ ของเขาด้วย

สีจิ่วเฉินยืนอยู่ด้านข้างของถังอวี่เฉิน ภายใต้แสงไฟ ชายคนนี้ดูสูงตรงและสูงส่ง กระดุมข้อมือเสื้อของเขาม้วนขึ้น เผยให้เห็นแขนที่ดูแข็งแรงและเรียวยาวของเขา และกางเกงสูทแสดงให้เห็นกล้ามเนื้อที่ดูแข็งแรงและกระชับของเขา ฮอร์โมนเพศชายของเขาแผ่กระจายออกมาโดยปริยาย

ถังจือซย่าอดไม่ได้ที่จะเหลือมองอีกสองสามครั้ง เธอรู้สึกว่านี่ก็ดึกมากแล้ว และก็ไม่ควรทำให้สีจิ่วเฉินเสียเวลา เธอเดินเข้าไปหาลูกชายที่เล่นจนหัวเต็มไปด้วยเหงื่อและพูดว่า “เฉินเฉิน พวกเรากลับบ้านกันเถอะ!”

“หม่ามี๊ ผมยังอยากเล่นอยู่” เด็กน้อยเล่นไม่ยอมเลิกเพราะเขาไม่ค่อยได้เล่นอะไรแบบนี้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักป่วน ๆ ฉบับแม่เลี้ยงเดี่ยว