รักป่วน ๆ ฉบับแม่เลี้ยงเดี่ยว นิยาย บท 169

หากผู้หญิงที่อยู่ในห้องครัวสมัครใจ เขาก็อยากจะดูแลพวกเขาแม่ลูกอย่างจริงใจไปตลอดชีวิต ต่อให้ชาตินี้เขาจะไม่มีลูกเพิ่มอีกเลยก็ได้

ถังจือซย่ากำลังยุ่งอยู่กับการหั่นผัก แต่เพราะรีบมากเกินไปจึงหั่นโดนนิ้ว เธอเจ็บจนน้ำตาเล็ด ส่วนบนผัดกากขาวนั้นก็มีรอยเลือดแดงสะดุดตา แผลเธอนั้นลึกมาก

ถังจือซย่ารีบเอานิ้วไปล้างน้ำ เลือดบนนิ้วยังคงไหลออกมา เธอนึกถึงกล่องปฐมพยาบาลที่เธอเตรียมไว้ เธอเอาผ้าขนหนูมาพันไว้ที่นิ้วแล้วออกมา บอกกับผู้ชายที่นั่งยองๆ ว่า “ประธานสี รบกวนหยิบกล่องปฐมพยาบาลให้หน่อย ฉันหั่นโดนนิ้ว”

ด้วยคำพูดนี้เอง ทำให้เจ้าเด็กน้อยที่กำลังแกะของเล่นและผู้ชายที่อยู่ข้างๆ วิ่งพุ่งเข้ามา สีจิ่วเฉินรีบถาม “กล่องปฐมพยาบาลอยู่ไหน”

“อยู่ใต้ตู้อันนั้น”

“หม่ามี้ ผมดูหน่อยครับ เลือดเยอะมากเลย!” เจ้าเด็กน้อยร้อนใจมาก “คุณอาสี รีบมาช่วยเร็วครับ”

สีจิ่วเฉินเปิดกล่องปฐมพยาบาลออก เอาสำลีหยุดเลือดออกมา ถังจือซย่าเอาผ้าขนหนูออก เผยแผลที่อยู่ตรงช่วงรอยต่อเล็บที่มือซ้ายออกมา ตรงนี้เป็นจุดเส้นเลือด ถ้าจะหยุดเลือดคงต้องใช้เวลา!

“ทำไมไม่ระวังเลย” สายตาของสีจิ่วเฉินเต็มไปด้วยความห่วงใย

“ไม่เป็นไร สำหรับคนที่ทำอาหารแล้ว หั่นโดนนิ้วมือเป็นเรื่องที่ปกติมาก” ถังจือซย่ากลับนิ่งเฉยมาก สำหรับเธอแล้ว มันเป็นเรื่องที่เล็กน้อยมาก

คำพูดนี้ไปสะกิดใจของชายหนุ่ม ถ้าอย่างนั้น เรื่องการหั่นโดนนิ้วมือ เมื่อก่อนเธอก็คงเจอบ่อยเลยสินะ?

เมื่อนึกถึงเรื่องที่เธอดูแลลูกคนเดียวอยู่ที่เมืองนอก ไม่มีใครคอยช่วยเหลือ เธอผ่านมันมาได้ยังไงนะ? ในตอนนั้นลูกก็ยังเล็ก สีจิ่วเฉินจึงนึกถึงลูกพี่ลูกน้องจ้านฉิงเหย่ทันที

ทำไมเธอถึงมีความรู้สึกที่ลึกซึ้งกับจ้านฉิงเหย่ ในสองปีที่ผ่านมานี้ ฉิงเหย่คงจะช่วยเธอไว้มากตอนที่อยู่เมืองนอก ดังนั้น สำหรับเธอแล้ว ฉิงเหย่เป็นเหมือนเพื่อน เหมือนครอบครัว แต่แค่ไม่ใช่ความรักเท่านั้นเอง

“ตอนที่อยู่เมืองนอก ฉิงเหย่ช่วยพวกเธอไว้เยอะเลยใช่ไหม” สีจิ่วเฉินมองไปที่เธอ

ถังจือซย่าพยักหน้า “ใช่ ฉิงเหย่ช่วยฉันไว้เยอะเลย”

สีจิ่วเฉินหายใจเข้าลึกๆ ทำไมเขาถึงไม่ทำความรู้จักเธอให้เร็วกว่านี้นะ เขาช่วยเหลือแต่พ่อของเธอ คิดว่าชีวิตของถังจวิ้นดีขึ้นแล้ว คนในตระกูลถังก็จะมีชีวิตที่ดีทุกคน แต่เขาเพิ่งรู้จากการตรวจสอบในช่วงนี้

เธอออกจากบ้านนี้ไปนานแล้ว พาลูกไปใช้ชีวิตที่เมืองนอกคนเดียว ส่วนถังจวิ้นก็ไม่ค่อยได้ติดต่อกับเธอ ในส่วนนี้เอง จนถึงตอนนี้เขาก็ยังตรวจสอบไม่ได้

“คืนนี้ไม่ต้องทำกับข้าวแล้ว พวกเราไปกินข้างนอกกัน” พอสีจิ่วเฉินพูดจบ จึงรีบพูดเพิ่มเติม “ฉันเลี้ยงเอง”

เขารู้ดีว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนขี้เหนียว จึงไม่สิ้นเปลืองเงินของเธอดีกว่า

ถังจือซย่าเองก็รู้ว่าสถานการณ์แบบนี้ก็ทำกับข้าวไม่ได้แล้ว เธอพยักหน้า “ได้ งั้นก็ไปกินแถวนี้กันนะ!”

“หม่ามี้ เจ็บไหมครับ” เจ้าเด็กน้อยขยับตัวเข้ามาใกล้ เป่าไปที่นิ้วของเธอซึ่งสีจิ่วเฉินเอาผ้าพันแผลพันไว้ให้แล้ว

ถังจือซย่าส่ายหัว “ไม่เจ็บ ไม่เจ็บเลยแม้แต่น้อย”

เจ้าเด็กน้อยไม่เชื่อ “หม่ามี้ ช่วงนี้อย่าทำกับข้าวเลย พวกเราไปกินกันข้างนอก ผมเอาค่าขนมของผมมาเลี้ยงหม่ามี้ครับ”

“ไม่ต้อง อาเลี้ยงพวกเธอหนึ่งเดือน” สีจิ่วเฉินลูบที่หัวของเขาแล้วพูด “ไปกันเถอะ! พวกเราออกไปกินข้าวข้างนอกกัน”

สีจิ่วเฉินพาพวกเขาไปที่ภัตตาคาร เป็นภัตตาคารที่หรูหรา อาหารทั้งหมดเต็มไปด้วยกลิ่นอายของความหรูหรา

กินจบมื้อหนึ่ง ถังจือซย่าเดาว่าเงินเดือนของเธอทั้งเดือนก็คงจะไม่พอ เฮ้อ! เป็นเพื่อนกับสีจิ่วเฉินก็ไม่เลวนะ!

สีจิ่วเฉินไปส่งพวกเขาที่ทางเข้าหมู่บ้าน ถังจือซย่าก็บอกกับเขาอย่างแน่วแน่ว่า “นายกลับไปเถอะ!”

ห้ามไม่ให้เขาเข้าไปที่บ้านเธอเพราะมันดึกมากแล้ว

“มีเรื่องอะไร โทรมาหาฉันคนแรกเลยนะ” สีจิ่วเฉินพูดอย่างไม่วางใจ

ถังจือซย่าโบกมือ จูงมือลูกเดินไปยังทางเข้าหมู่บ้าน

สีจิ่วเฉินมองดูจนพวกเขาเข้าไป รถของเขาถึงจะขับจากไป

“หม่ามี้ คุณอาสีดีกับพวกเราจังเลย คุณตาบอกว่า แค่หาใครสักคนที่ดีกับพวกเรา หม่ามี้ก็แต่งงานเลยครับ!” เจ้าเด็กน้อยเงยหน้าพูด

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักป่วน ๆ ฉบับแม่เลี้ยงเดี่ยว