รักป่วน ๆ ฉบับแม่เลี้ยงเดี่ยว นิยาย บท 173

ใจของถังจือซย่าก็รู้สึกหนักหน่วงขึ้นมา ยากที่จะจินตนาการถึงสถานการณ์ในตอนนั้นของนายหญิงใหญ่สี ผู้หญิงอายุห้าสิบปีคนหนึ่ง ต้องเผชิญหน้ากับการที่ลูกชายและลูกสะใภ้จากไปอย่างกะทันหัน และต้องแบกรับบริษัทหมื่นล้านไว้ตัวคนเดียว แถมยังต้องเลี้ยงดูหลานที่อายุน้อยอีก สีจิ่วเฉินในตอนนั้นก็คือความหวังสุดท้ายของเธอจริงๆ

ตอนนี้ สีจิ่วเฉินสามารถยืนหยัดได้ด้วยตนเอง ดูแลบริษัทได้อย่างมีระเบียบ เธอถึงจะปล่อยมือแล้วเสวยสุขกับชีวิตวัยชราได้

“แม่เธอยิ่งใหญ่มาก แม้ว่าฉันจะไม่เคยพูดคุยกับเธอมาก่อน แต่ในใจของฉัน เธอก็เป็นเหมือนวีรสตรี”

ในตอนนั้นถังจือซย่าเองก็ยังเล็ก อายุไม่ถึงสองปี ความทรงจำที่เธอมีต่อแม่ ก็มีเพียงแค่ผู้หญิงกล้าหาญในรูปถ่ายเท่านั้น ตอนนั้นพ่อของเธอออกจากบริษัทได้ไม่นาน เธอก็ถูกส่งไปฝากเลี้ยงที่บ้านยาย สองปีต่อมาพ่อแต่งงานกับหลี่เจี๋ย แถมยังพาลูกสาวมาหนึ่งคน หลังจากที่ยายป่วยแล้วจากไป ถังจือซย่าก็ถูกพ่อรับกลับไปใช้ชีวิตต่อที่บ้าน

นายหญิงใหญ่สีรีบจบบทสนทนา ไม่อยากจะไปสะกิดความเจ็บปวดของเธอ ท่านยิ้ม “ จือซย่า เธอลองเดาดูสิ ว่าอีกสักพักใครจะมากินข้าวกับเราด้วย?”

ถังจือซย่าไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเป็นจ้านฉิงเหย่ เธอได้แต่แกล้งไม่รู้ “มีแขกคนอื่นอีกเหรอคะ”

“ฉิงเหย่ไง ครั้งนี้ฉันชวนพวกเราสองคนออกมากินข้าว ก็เพราะอยากจะคุยกับพวกเธอ ฉันคิดไม่ถึงเลยว่า เธอก็คือผู้หญิงที่ช่วยฉิงเหย่ไว้ในตอนนั้น เป็นพรหมลิขิตจริงๆ!”

ถังจือซย่าเม้มปากยิ้ม “หนูก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะเป็นหลานของท่าน”

นายหญิงใหญ่สีจึงให้เธอเล่าเหตุการณ์ช่วยคนให้เธอฟังอย่างละเอียด ถังจือซย่าจึงพูดเล่าละเอียดไปตลอดทาง ทั้งยังพูดถึงเรื่องราวที่อยู่กับจ้านฉิงเหย่ที่เมืองนอก เมื่อนายหญิงใหญ่สีได้ฟังแล้ว ก็คิดว่านี่เป็นเรื่องราวที่พวกเขาได้รักกัน

ชักอยากจะจับให้พวกเขาเป็นคู่กันแล้วสิ ขอแค่ถังจือซย่ายอมแต่งเข้าตระกูลจ้าน เธอก็ยังสามารถดูแลและตอบแทนเธอได้ทุกวิถีทาง

ขณะนั้น รถสปอร์ตสีเทากำลังขับตรงมาทางร้านอาหาร เมื่อคืนจ้านฉิงเหย่ได้รับแจ้งจากคุณยาย ว่าวันนี้ให้เขาแต่งตัวหล่อหน่อยแล้วมากินข้าวด้วยกัน นอกจากนั้น ถังจือซย่าก็อยู่เหมือนกัน

และนี่ทำให้จ้านฉิงเหย่ตื่นแต่เช้าไปที่ร้านทำผม จัดแต่งทรงผมที่ทั้งดูดีและมีสไตล์ มีใบหน้าที่หล่อเหลาอยู่แล้วแท้ๆ พอได้จัดแต่งหน่อย ก็ยิ่งมีชีวิตชีวาและหล่อมากขึ้น

เขามาถึงร้านอาหารก่อน นั่งอยู่บนรถ จ้านฉิงเหย่ไม่ลืมที่จะส่องกระจก ให้กำลังใจตนเอง “จ้านฉิงเหย่ วันนี้จะต้องพิชิตถังจือซย่าให้ได้ ให้เธอกลายมาเป็นภรรยาของนาย สู้ๆ”

จ้านฉิงเหย่เปิดประตูลงจากรถ เดินเข้าไปที่ร้านอาหาร เดินไปรอที่ห้องนั่งพิเศษตามการนำทางของพนักงาน

สิบเอ็ดโมงห้าสิบนาที นายหญิงใหญ่สีกับถังจือซย่าก็มาถึงแล้ว ระหว่างทาง ถังจือซย่าคิดอยู่ตลอดว่าอีกเดี๋ยวจะอธิบายเรื่องการขอแต่งงานให้ชัดเจนยังไง ให้นายหญิงใหญ่สีล้มเลิกความคิดที่จะจัดงานแต่ง

เมื่อเดินเข้าไปในห้องนั่งพิเศษ จ้านฉิงเหย่รีบลุกขึ้นมาต้อนรับ เรียกเสียงหวานว่า “คุณยาย มากันแล้วเหรอครับ”

พูดจบ นัยน์ตาสองชั้นที่ดูเจ้าชู้เย้ายวนก็มองถังจือซย่าอย่างลึกซึ้ง “จือซย่า”

ถังจือซย่าเม้มปากยิ้ม “นายมาไวขนาดนี้เลยเหรอ”

“มากินข้าวกับเธอ ฉันกล้ามาสายที่ไหน” จ้านฉิงเหย่ตอบอย่างขำขัน

ถังจือซย่าถึงกับหัวเราะออกมา การกระทำของทั้งสองอยู่ในสายตาของนายหญิงใหญ่ตลอด แล้วความสุขก็ผุดขึ้นในใจ เกิดมาคู่กันจริงๆเหมาะสมนัก!

“มือเธอเป็นอะไร ฉันดูหน่อย” จ้านฉิงเหย่เองก็เห็นในเวลาแรก รีบยื่นมือไปจับมือเธอมาตรวจดู

ถังจือซย่ารีบดึงมือตนเองออก “ไม่เป็นไร ตอนหั่นผักไม่ทันระวังก็เลยโดนบาด”

“ไม่ระวังเลยนะ ต่อไปไม่ต้องทำกับข้าวแล้ว ฉันพาไปกินข้างนอกเอง”

“ไม่ได้ เฉินเฉินไม่ชินกับกับข้าวข้างนอก”

“มา นั่งลงเถอะ! เรามาสั่งอาหารกัน” นายหญิงใหญ่สีนั่งอยู่ที่นั่งตรงกลาง ผู้จัดการมารับออเดอร์ด้วยตนเอง และแนะนำเมนูพิเศษของร้านนี้ ถังจือซย่าฟังผู้จัดการแนะนำวัตถุดิบสดใหม่แสนแพงที่นำเข้าจากทั่วโลก ขนส่งทางอากาศมาที่ร้าน แค่ฟังวิธีการขนส่งวัตถุดิบ ก็รู้เลยว่าคนธรรมดากินไม่ไหวแน่นอน

“เอามาอย่างละหนึ่งแล้วกัน!” นายหญิงใหญ่สีพูดอย่างห้าวหาญ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักป่วน ๆ ฉบับแม่เลี้ยงเดี่ยว