รักป่วน ๆ ฉบับแม่เลี้ยงเดี่ยว นิยาย บท 176

“ได้รู้จักกับพวกคุณก็ถือเป็นความโชคดีของฉันค่ะ”

“แม่ของเธอสละชีวิตของตัวเองเพื่อช่วยจิ่วเฉิน หนูก็ช่วยฉิงเหย่ตอนที่อยู่ต่างประเทศ บุญคุณครั้งนี้ทำให้หนูเปรียบเสมือนคนในครอบครัวของฉัน”

จ้านฉิงเหย่ตกใจ เขาเงยหน้าขึ้นถามด้วยความตกใจ “คุณยายพูดว่าอะไรนะครับ แม่ของจือซย่าช่วยพี่จิ่วเฉินไว้งั้นเหรอ นี้มันเรื่องอะไรกัน”

นายหญิงใหญ่สีหันหน้ามองเขา “แกอยู่ที่ต่างประเทศตลอดทั้งปี เรื่องนี้แกไม่รู้ก็โทษแกไม่ได้ จิ่วเฉินโดนลักพาตัวไปตอนหกขวบ และแม่จือซย่าก็ได้สละชีวิตของตัวเองเพื่อแลกกับชีวิตของจิ่วเฉิน ครอบครัวของจือซย่าเป็นผู้มีพระคุณที่ยิ่งใหญ่ของพวกเรา”

จ้านฉิงเหย่จ้องตาเป็นประกาย เขาไม่อยากเชื่อเลยว่าระหว่างถังจือซย่ากับพี่ชายก็พัวพันกันด้วยบุญคุณอันใหญ่โตเช่นนี้ อย่าบอกนะว่านี่เป็นเหตุผลที่พี่ชายยังวนเวียนอยู่ใกล้ๆ ถังจือซย่า? เขาทั้งสองคนกำลังตอบแทนบุญคุณต่อถังจือซย่าเหมือนกันอย่างนั้นเหรอ?

ตั้งแต่เขาซื้อกิจการ QRจิวเวลรี่กรุ๊ป จนถึงตอนนี้ที่เขาอยู่รักษาสถานะของกิจการที่หอรุ่ยเป่าตลอดทั้งปี เขาคงกำลังตอบแทนบุญคุณต่อถังจือซย่าอยู่

ตอนนี้ นายหญิงใหญ่สีพูดว่า “ฉันไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ”

“คุณย่า เดี๋ยวหนูไปเป็นเพื่อนนะคะ!” ถังจือซย่ารีบวางตะเกียบลง แล้วเข้ามาพยุงนายหญิงใหญ่สีลุกขึ้น นายหญิงใหญ่สีชอบใจที่ถังจือซย่าออกไปเป็นเพื่อน

ทันทีที่ประตูปิดลง จ้านฉิงเหย่ส่งสายตาข่มขู่ไปทางสีจิ่วเฉิน “พี่ครับ พี่กำลังตามจีบถังจือซย่าอยู่ใช่มั้ย”

สีจิ่วเฉินไม่หลีกเลี่ยงคำถามนี้ “ใช่”

“พี่กำลังตอบแทนบุญเธอหรือว่าชอบเธอจริงๆ” จ้านฉิงเหย่ซักถามอย่างตรงประเด็นอีกครั้ง

“ก็ทั้งสองอย่าง” สีจิ่วเฉินเปิดปากพูดกับน้องชายด้วยเสียงต่ำเพื่อแข่งกันเรื่องผู้หญิงคนหนึ่งอย่างไม่มีทางเลือก

“ผมตกหลุมรักจือซย่าก่อน พี่จะมาแย่งผมไม่ได้” จ้านฉิงเหย่กำหมัดแน่นและพูดออกไป

“เรื่องแบบนี้ไม่ได้วัดกันที่ใครมาก่อนมาหลัง ใครมีฝีมือคนนั้นก็จะได้เธอไปครอบครอง หรือพูดอีกอย่างได้ว่า สิทธิ์ในการเลือกอยู่ในกำมือของเธอ” สีจิ่วเฉินสีหน้าตึงเครียด

“ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็มาแข่งขันแบบยุติธรรมกัน ดูสิว่าใครจะมีความสามารถจนได้หัวใจของเธอมา ถ้าพี่ชนะผมก็จะเรียกเธอว่าพี่สะใภ้ ถ้าผมชนะพี่ก็เรียกเธอว่าน้องสะใภ้ เป็นยังไง” จ้านฉิงเหย่ประกาศศึกการแข่งขันแบบยุติธรรมอย่างตรงไปตรงมา ถึงแม้ว่าจะแพ้ ก็แพ้ให้กับสีจิ่วเฉิน เขาก็ยินดีที่จะยอมแพ้

ตามศักยภาพแล้ว เขารู้ว่าตัวเองเทียบไม่ได้กับสีจิ่วเฉิน เขาแค่ไม่เต็มใจยอมรับกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น ดังนั้น เขาจะต้องพยายามทำให้ได้ที่หนึ่ง

“ตกลง! งั้นก็มาแข่งกันแบบยุติธรรมเถอะ!” สีจิ่วเฉินก็เห็นด้วยกับวิธีแบบนี้ อย่างไรเสียมันก็ไม่ทำลายมิตรไมตรีของพี่ชายน้องชาย

ไม่นาน นายหญิงใหญ่สีกับถังจือซย่าก็กลับมา ชายหนุ่มทั้งสองคนทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ต่างคนต่างก็กินอาหารและดื่มชา สถานการณ์ตึงเครียดเมื่อสักครู่นี้ก็ค่อยๆ กระจายหายไป

“จือซย่า ฉันดื่มชาแทนเหล้าเพื่อเธอหนึ่งแก้วนะ” นายหญิงใหญ่สียกถ้วยชาหันไปดื่มให้กับถังจือซย่า

ถังจือซย่าปลาบปลื้มใจ เธอรีบลุกขึ้นและดื่มตอบเธอ “หนูดื่มให้ท่านค่ะ”

“ต่อไป พาเฉินเฉินลูกชายของเธอมาเที่ยวเล่นที่บ้านตระกูลสีบ้างนะ ฉันก็อยากเจอบ้าง!” นายหญิงใหญ่สีพูดกับเธอ

“ได้ค่ะ ถ้ามีเวลาหนูจะพามาเจอแน่นอนค่ะ” ถังจือซย่ารับปาก

ขณะที่ถังจือซย่าก้มหน้าก้มตากินข้าวอยู่ จู่ๆ ก็มีคนคีบอาหารมาใส่ในถ้วยของเธอ เธอคิดว่าเป็นจ้านฉิงเหย่ แต่ทิศทางกลับไม่ถูกต้อง เธอเงยหน้าขึ้นก็เห็นว่าสีจิ่วเฉินกำลังมองเธออยู่ เขาเป็นคนคีบอาหารนั่นให้เธอ

ถังจือซย่ามองเค้าอย่างตึงเครียด แฝงไปด้วยคำกล่าวเตือน เพราะไม่อยากแสดงพฤติกรรมที่สนิทสนมกันจนเกินไปต่อหน้านายหญิงใหญ่สี

จ้านฉิงเหย่เห็นมันในสายตา ก็รู้สึกแย่อยู่ในใจ เขามักจะรู้สึกว่าอะไรๆ ก็ตามหลังอยู่หนึ่งก้าวตลอด รู้แบบนี้เขาซื้อกิจการหอรุ่ยเป่าตั้งแต่แรกก็ดีแล้ว ให้ถังจือซย่ากลายเป็นพนักงานเขา จะดีมากถ้าเขาจะได้พลอดรักกับเธอในทุกๆ วันที่ไปทำงาน

แต่ตอนนี้ ถังจือซย่ากลายเป็นลูกน้องของพี่ชาย เหมือนกับปล่อยให้เขาคว้าดวงจันทร์ที่อยู่ใกล้ศาลาริมน้ำไปก่อนจริงๆ

เขากลุ้มใจจริงๆ จ้านฉิงเหย่รู้สึกว่าวันนี้อาหารช่างจืดชืดไร้รสชาติ

ในที่สุดก็กินข้าวเสร็จแล้ว สีจิ่วเฉินมองดูนาฬิกา แล้วก็พูดกับคุณย่า “คุณย่าครับ พวกเราต้องกลับบริษัทกันก่อนแล้ว”

“อะไรนะ ต้องกลับแล้วเหรอ” นายหญิงใหญ่สีถามด้วยความแปลกใจ

“อืม! ผมจะไปส่งคุณถังกลับบริษัทด้วยกันพอดีครับ” สีจิ่วเฉินพูดจบ ก็พูดกับหญิงสาวที่อยู่บนที่นั่ง “ไปกันเถอะ!”

ถังจือซย่างุนงงอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงรีบหยิบกระเป๋าขึ้นมา และพูดกับนายหญิงใหญ่สี “คุณย่าคะ พวกเราไปก่อนนะคะ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักป่วน ๆ ฉบับแม่เลี้ยงเดี่ยว