เบ้าตาของซ่งซานเเดงก่ำเเละยังจงใจใช้หลังมือเช็ดน้ำตาอย่างเงียบๆ
ส่งมาถึงวิลล่าแล้ว
เเววตาของซ่งซานมองดูที่สีจิ่วเฉินอย่างคาดหวัง “จิ่วเฉินเข้าไปข้างในดื่มชาก่อนไหม”
“ไม่ล่ะ เดี๋ยวมีประชุมที่บริษัท” สีจิ่วเฉินปฎิเสธ
“เเค่น้ำชาถ้วยเดียวใช้เวลาไม่นานหรอก ฉันอยู่ที่นี่คนเดียวรู้สึกเหงา”
“ผมบอกแล้ว ถ้าคุณรู้สึกเหงาก็พาครอบครัวมาอยู่ด้วยกัน” สีจิ่วเฉินเเนะนำ
“ฉันบอกพวกเขาเเล้ว พวกเขาไม่คุ้นกับที่นี่” ซ่งซานรีบพูดเท็จ ความสบายแบบนี้ เธอจะให้ครอบครัวที่เธอเกลียดชังมาเสวยสุขด้วยได้ยังไง?
พวกเขานำความเจ็บปวดมาให้ก็เพียงพอเเล้วที่เธอจะเกลียดพวกเขา
“งั้นก็เกลี้ยกล่อมพวกเขาให้มาอยู่เป็นเพื่อนคุณสิ” สีจิ่วเฉินพูดจบก็เหลือบมองนาฬิกา “ผมต้องไปแล้ว”
ซ่งซานรู้ว่าไม่อาจรั้งเขาไว้ได้เเต่เมื่อมองดูความหล่อเหลาที่น่าหลงใหลตรงหน้า เธอก็ทำใจกล้าโน้มตัวมาจากตำเเหน่งของเธอยื่นมือออกไปคิดจะกอดสีจิ่วเฉินมาจูบก่อนลงจากรถ
เเต่ปฎิกิริยาของสีจิ่วเฉินก็ไวเช่นกัน พอลมหายใจของซ่งซานมาใกล้ ฝ่ามือใหญ่ของสีจิ่วเฉินก็หยุดเธอไว้ สายตาของเขามีพลังที่ไม่สามารถทนได้ชนิดหนึ่ง “ลงรถไปเถอะ!”
ซ่งซานหน้าเเดงด้วยความเขินได้เเต่ลงจากรถไปอย่างอับอาย
มองรถของสีจิ่วเฉินออกไปเเล้วใบหน้าก็ยังรู้สึกร้อน ในใจคิดสงสัยว่าสีจิ่วเฉินไม่มีความต้องการทางร่างกายเลยหรือ หรือว่าข้างกายเขามีผู้หญิงคนอื่น?
เธออดคิดถึงครั้งก่อนที่บนคอของเขามีรอยจูบไม่ได้ ถ้าหากไม่ใช่ของถังจือซย่าก็ต้องเป็นของคนอื่นเเน่
บนเเท๊กซี่ถังจือซย่านั่งดูข้อความอย่างนึกเบื่อ ทันใดนั้นเธอมองไปที่การสนทนาระหว่างเธอกับจ้านฉิงเหย่ด้วยความประหลาดใจ เธอไม่ได้ตอบกลับข้อความเหล่านี้นี่นา!
เธอนึกย้อนไปอีกครั้ง เมื่อคืนเธออาบน้ำตอนเก้าโมงเป็นไปไม่ได้ที่ลูกชายจะมาตอบข้อความเหล่านี้ เเต่ตอนนั้นมีเเค่สีจิ่วเฉินที่อยู่บ้านของเธอคนเดียว
หรือว่าเป็นเขา
ถังจือสย่าอ่านคำพูดคำจาที่ใช้ ก็เดาได้เลยว่าต้องเป็นเขา!
น่าเกลียด!
เขามาเเอบดูข้อความของเธอเเละยังตอบข้อความกลับให้เธออีก
มาดูที่จ้านฉิงเหย่สารภาพรัก ถังจือซย่าไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี จ้านฉิงเหย่สารภาพรักอยู่บ่อยๆ เเละทุกครั้งก็ลึกซึ้งซะจนเธอเห็นเป็นเรื่องปกติ
ที่บริษัท
ถังจือซย่ามาทันเวลาเข้าประชุมพอดี หลี่เหมยกำลังเตรียมตัวทำนิทรรศการอัญมณีในสัปดาห์หน้า ผลงานของเธอเเละไอ้หย่าต่างได้รับคัดเลือกเข้ารอบ หลี่เหมยหวังว่าพวกเธอทั้งคู่จะได้รับรางวัลเเละสร้างชื่อเสียงให้กับบริษัท
ไอ้หย่าเเละถังจือซย่ากลายเป็นคู่เเข่งกันในนิทรรศการอัญมณีครั้งนี้ ในที่ประชุม สายตาของไอ้หย่าเต็มไปด้วยความมั่นใจ
เมื่อเผชิญกับสายตาที่ยั่วยุของไอ้หย่า ถังจือซย่าก็ไม่ได้หลบ อย่างไรเสีย เงินรางวัลในครั้งนี้ก็น่าดึงดูดใจ
ทางทิศตะวันออกของอาคารทรงเตี้ยขนาดใหญ่ของหอรุ่ยเป่ามีตึกสูงตระหง่านเสียดฟ้าตั้งอยู่ สำนักงานใหญ่ของสีเอ็มไพร์กรุ๊ป ตึกที่เหมือนเสาค้ำยันเชื่อมต่อระหว่างโลกและสวรรค์ ทำให้บรรดาตึกรอบๆ ต่างรู้สึกยำเกรงสีเอ็มไพร์กรุ๊ป
บรรยากาศในห้องประชุมเคร่งขรึม
สีจิ่วเฉินนั่งที่ตำแหน่งประธานด้วยท่าทีดุจราชา
ในวันนี้ใบหน้าที่หล่อเหลาเเละมีเสน่ห์ของเขาไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆ สายตามองไปที่ๆเดียว ดูสง่างาม เเต่ที่จริงจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
“ประธานสี…ประธานสี?”
หัวหน้าเเผนกบัญชีเรียกติดๆ สองครั้ง เพราะเขาเพิ่งเสนอเเผนการของเขาเสร็จเเละต้องการรอเขาอนุมัติ
สีจิ่วเฉินละสายตาอันเฉียบคมของเขามองไปยังบริเวณด้านหน้าที่มีการนำเสนอแผนการอีกครั้งด้วยแววตาที่เย็นเยียบยากที่จะคาดเดา
“พูดคำถามเมื่อกี้อีกครั้ง”
หัวหน้าเเผนกบัญชีทำหน้านิ่งเเล้วรีบกระเเอมให้คอโล่งพูดใหม่อีกครั้ง ครั้งนี้สีจิ่วเฉินไม่ได้เหม่อเเล้ว
เมื่อกลับมาที่ห้องทำงานหลังจบประชุม สีจิ่วเฉินยืนอยู่ที่หน้าต่างบานใหญ่หรูหรา สายตาของเขามองไปยังทางสำนักงานที่หอรุ่ยเป่า เขาอดรำคาญตัวเองไม่ได้ เมื่อกี้ในห้องประชุม เขาเอาแต่นึกถึงผู้หญิงคนนั้นจนเหม่อเลยงั้นหรือ
นี่เป็นครั้งเเรกตั้งเเต่ที่เขาเข้ามาดูแลกิจการ
เขาเหลือบดูนาฬิกาหันกลับไปที่โทรศัพท์ตรงหน้า กดเบอร์ภายในแล้วพูดกับฉู่เฮ่า “ไปเตรียมตัวเถอะ เดี๋ยวตามฉันไปทำงานที่หอรุ่ยเป่า”
“ได้ครับประธานสี”
ครึ่งชั่วโมงก่อนเลิกงาน ถังจื่อซย่าทำงานในส่วนของวันนี้เสร็จแล้ว เตรียมตัวเลิกงานออกไปรับลูกชายกลับจากโรงเรียน
ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เธอเอื้อมมือไปรับ “ฮัลโหล!”
“มาที่ห้องทำงานฉันหน่อย” เสียงลุ่มลึกของผู้ชายดังมา
“ประธานสีมีธุระหรือ?” ถังจือซย่ายังไม่อยากเจอเขาจริงๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักป่วน ๆ ฉบับแม่เลี้ยงเดี่ยว