ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 134

ลู่ม่านพอใจกับผลที่ออกมาเป็นแบบนี้มาก คีบเกี๊ยวชิ้นหนึ่งให้กับเฉินจื่ออานภายใต้สายตาพวกเขา

แล้วก็พูดตามแบบเฉินหลี่ซื่อว่า “จื่ออาน กิน เมื่อคืนเจ้าเหน็ดเหนื่อยทั้งคืน ลำบากเจ้าแล้ว”

เฉินหลี่ซื่อกัดฟันด้วยมือสั่นเทา สักพักแล้วค่อยวางตะเกียบอย่างแรง พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่กินแล้ว” หูปิ่งคำสุดท้ายที่ตาแก่เฉินกำลังคีบจะวางเข้าปาก หล่นตกลงพื้น

จึงพูดขึ้นอย่างโกรธโมโหว่า “ยายแก่ ไม่กินก็ไสหัวไป”

เฉินหลี่ซื่อกรีดร้องขึ้นมาทันที พร้อมพูดขึ้นว่า “ตาแก่ เจ้ากล้าแค่ตะคอกใส่ข้าเท่านั้นแหละ เจ้าแน่จริง เจ้าไปช่วยจื่อคังของข้าออกมา จื่อคังของข้ากตัญญูมีความสามารถ ข้าไม่อยากไปดูคนเนรคุณคนนั้น”

จนถึงตอนนี้แล้ว เฉินหลี่ซื่อยังคิดว่าเฉินจื่อคังถูกใส่ร้าย ลู่ม่านเห็นว่า ความสามารถในการหลอกตัวเองแบบนี้ ช่างน่านับถือจริงๆ

คนที่มีสติที่สุดคงเป็นตาแก่เฉินแล้ว ไม่อย่างนั้นคงไม่โกรธโมโหจนล้มป่วย

ดังนั้น เวลานี้ได้ยินเฉินหลี่ซื่อพูดถึงเฉินจื่อคัง เท่ากับเป็นการเอามีดแทงบาดแผลของเขาที่เพิ่งหาย เปลือกตาตาแก่เฉินพลิก เกือบสลบตาไปอีกครั้ง

ยังดีที่เฉินจื่อฟู่หูตาไว ช่วยเขาไว้ทัน

“พ่อ พ่อไม่เป็นไรใช่ไหม?”

เฉินหลี่ซื่อเห็นแบบนี้ ก็ไม่กล้าโวยวายอีก เรื่องวุ่นวายจึงจบลงเท่านี้

ลู่ม่านก้มหน้าก้มตากินต่อ เกี๊ยวร้านนี้อร่อยมาก ลู่ม่านกินอย่างมีความสุข แล้วก็คีบให้เฉินจื่ออานหนึ่งอัน

ในขณะที่กำลังกินอยู่ มีคนสองคนกำลังเข้าประตูมาเดินไปด้วยพูดไปด้วยว่า “ตอนนี้จวนอ๋องหนิงจะเปิดตลาดต่างชาติแล้ว”

“ใช่ เห็นว่าคุณชายรองเป็นคนเปิด ข้าเพิ่งได้ยินมาว่า ตระกูลจวงเป็นคนแรกที่ลงนามสัญญาทำความร่วมมือกับจวนอ๋องหนิง”

ลู่ม่านขมวดคิ้ว ที่แท้เมื่อคืน จวงลี่จ้งพูดความจริง

คุณชายรองจวนอ๋องหนิงเริ่มทำการค้าระหว่างประเทศ นั่นก็หมายความว่า ผงเครื่องเทศสิบสามชนิดของนางสามารถได้ขายไปถึงต่างประเทศ? ถึงแม้จะไม่ใช่ในนามของนาง แต่เมื่อคิดว่าเป็นผลิตภัณฑ์ของนาง นางก็ยังคงมีความสุข

ในขณะที่กำลังพูด จู่ๆ คนด้านข้างก็พูดขึ้นว่า “หยุดพูดได้แล้ว คุณชายรองอ๋องหนิงมาแล้ว”

เพิ่งพูดเสร็จ ใบหน้าที่ดูอิ่มเอมใจเมื่อคืนคนนั้นเดินผ่านประตูเข้ามา มองเห็นเฉินหลิ่วเอ๋อ เขาค่อยเดินมายิ้มหัวเราะ พร้อมพูดขึ้นว่า “แม่นางเฉิน คิดไม่ถึงว่าเราจะมาวาสนาต่อกันเช่นนี้”

เฉินหลิ่วเอ๋อนิ่งอึ้ง เมื่อเห็นว่าคนคนนี้คือคนที่คิดไม่ดีกับตนเมื่อคืน จึงรีบหันหน้าไป พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าไม่รู้จักเจ้า”

เฉินหลี่ซื่อเป็นห่วงลูกสาว รีบเหลือกตาจ้องมองดูคุณชายรองอ๋องหนิง

บ่าวใช้ที่อยู่ข้างหลังคุณชายรองเห็นแล้ว จึงพูดตำหนิขึ้นว่า “บังอาจ นี่คือคุณชายรองจวนอ๋องหนิง ห้ามเสียมารยาท”

เพิ่งพูดเสร็จ เฉินหลิ่วเอ๋อนิ่งอึ้งไปสักพัก

เห็นได้ชัดว่า เมื่อคืนเฉินหลิ่วเอ๋อรู้เพียงว่าพวกเขาเรียกคนคนนี้ว่าคุณชายรอง กลับไม่รู้ว่า เขาก็คือคุณชายรองของจวนอ๋องหนิง

เฉินหลี่ซื่อรักลูกสาวมากจริงๆ ยังคงแสดงท่าทีไม่เป็นมิตร แต่ยังไงก็เก็บอาการอยู่บ้าง ยังไงคนบ้านจวงยังไม่เคยเห็นท่านอ๋องอะไร สำหรับพวกเขานั่นถือเป็นขุนนางขั้นสูงเลยทีเดียว

วันนี้คุณชายรองไม่ได้เสียมารยาทเหมือนครั้งก่อน ให้เกียรติเฉินหลิ่วเอ๋ออย่างมาก ในขณะที่กำลังพูดอยู่ บ่าวใช้คนหนึ่งยกเกี๊ยวมาให้ ตอนที่เดินผ่านเฉินหลิ่วเอ๋อ เท้าเขาพลิก ถ้วยร้อนๆ หกกระเด็นไปด้านบนหัวของเฉินหลิ่วเอ๋อ

เฉินหลิ่วเอ๋อนิ่งอึ้ง ไม่รู้จะทำตัวยังไงขึ้นมาในทันที

แต่คุณชายรองอ๋องหนิงที่อยู่ด้านข้าง สะบัดพัดในมือ กั้นน้ำร้อนที่กำลังกระเด็นมา

พระเอกขี่ม้าขาวช่วยเหลือหญิงงามนั้น เดิมก็เป็นเสน่ห์ที่หญิงสาวไม่อาจต้านทานได้ บวกกับเดิมคุณชายรองก็มีรูปร่างหน้าตาดีอยู่แล้ว เฉินหลิ่วเอ๋อรู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งหน้า ก้มหน้าลงอย่างเอียงอาย

คุณชายรองอ๋องหนิงยิ้มแย้ม นิสัยหว่านเสน่ห์กลับมาอีกแล้ว กำลังตั้งใจจะพูดอะไร หางตาหันไปเห็นลู่ม่าน มุมปากของเขายักยิ้ม ทิ้งเฉินหลิ่วเอ๋อแล้วเดินไปหาลู่ม่าน

ก่อนหน้านี้ เขาเคยได้ยินท่านแม่พูดถึง แม่นางลู่คนนี้เป็นคนฉลาดมาก ตอนนั้นเขาพูดว่า หากเขาได้เจอจะต้องสั่งสอนแทนแม่ ใครจะไปรู้ว่าเป็นหญิงงามคนหนึ่ง

ไม่เพียงงดงาม ยังเฉลียวฉลาดด้วย สิ่งของขึ้นชื่อในหมู่บ้านไป่ฮัว คนอื่นไม่รู้ แต่เขารู้ดี ส่วนใหญ่ล้วนเป็นฝีมือของผู้หญิงคนนี้ หากสามารถได้ครอบครองผู้หญิงคนนี้.....

เขาเลียริมฝีปาก แล้วก็กำหมัดแน่นอย่างไม่พอใจ

น่าเสียดาย ผู้หญิงคนนี้มีตระกูลจวงเป็นที่พึ่ง หากทำอะไรเกินเหตุไป ทางด้านพี่ชายคงยากที่จะอธิบาย

แต่หากนางยินยอมล่ะ?

คุณชายรองเห็นแบบนี้ จู่ๆ ก็เกิดความรู้สึกมั่นใจขึ้นมา ผู้ชายของผู้หญิงคนนั้นสู้เขาไม่ได้อยู่แล้ว หากเขาเป็นฝ่ายจีบ เขาไม่เชื่อว่าจะไม่มีผู้หญิงชอบ

“แม่นางลู่ บังเอิญจัง” คุณชายรองพูดขึ้น

ในมือลู่ม่านกำลังคีบเกี๊ยวน้ำอย่างเบิกบานใจ นางชอบทานเส้นที่สุด โดยเฉพาะเส้นของบ้านนี้ อร่อยอย่างมาก

สุดท้าย กำลังจะเอาเข้าปาก ก็ได้ยินเสียงที่ทำให้รู้สึกไม่ดีเลย นางแอบกลอกตามองบนอยู่ในใจ แล้วก็วางเกี๊ยวน้ำในมือลง

ทานลงไปแล้วกลัวจะไม่สบายท้อง นางวางแผนไว้ว่า รอคนน่าเกลียดคนนี้ไปแล้วค่อยกิน

คุณชายรองเดินมาหาแล้ว นั่งอยู่ตรงที่นั่งตรงกลางระหว่างเฉินจื่ออานกับลู่ม่าน แล้วพูดขึ้นว่า “แม่นางไม่ถือสาใช่ไหม?”

“ถือสา” ลู่ม่านพูดขึ้นอย่างไม่ไว้หน้า

ที่ไหนได้ คุณชายรองคนนั้นกลับไม่ใส่ใจ หันไปสั่งเด็กร้านที่อยู่ข้างหลังว่า “ในเมื่อแม่นางถือสา ยังไม่รีบเอาโต๊ะมาต่อด้านข้างแม่นาง”

ลู่ม่าน “.......”

เคยเห็นคนหน้าด้าน แต่ไม่เคยเห็นใครหน้าด้านขนาดนี้

เฉินจื่ออานรู้เห็นได้ชัดว่าคุณชายรองพุ่งเป้ามาหาลู่ม่าน โดยเฉพาะคิดถึงเมื่อคืนตอนที่จวงลี่จ้งแนะนำ สีหน้าของเขายิ่งดูบึ้งตึง

ยังไงก็อยู่ในเมืองหลวง ลู่ม่านรู้ว่าเฉินจื่ออานจะวู่วามไม่ได้ รีบจับมือเฉินจื่ออานอยู่ใต้โต๊ะ แล้วส่ายหัวให้เขา

“จื่ออาน รีบทานข้าว เดี๋ยวเรายังต้องไปตระกูลจวง?”

นางตั้งใจเอาชื่อตระกูลจวงมาอ้าง เพื่อเตือนสติคุณชายรองคนนี้

คุณชายรองยิ้มมองดูลู่ม่านด้วยแววตาหวานเหยิ้ม แล้วก็นั่งลงตรงโต๊ะที่เด็กร้านยกมา

เห็นลู่ม่านกำลังทานเส้น เขาพูดขึ้นอย่างยิ้มแย้มว่า “แม่นางชอบทานเส้น?” จากนั้น เขาพูดสั่งเด็กร้านว่า “เมนูเส้นในร้านที่อร่อยที่สุด เอามาให้หมด”

เด็กร้านรับคำสั่งแล้วจากไป ลู่ม่านแอบก่นด่าอยู่ในใจ วางตะเกียบในมือ พร้อมพูดขึ้นว่า “จื่ออาน ข้าอิ่มแล้ว”

เฉินจื่ออานพยักหัว เขากลัวว่าหากตนเองนั่งต่อไป ไม่แน่ว่าอาจจะทนไม่ไหวลงมือต่อยคนแน่

“คุณชายรอง เจ้าตามสบาย” หลังจากเฉินจื่ออานพูดขึ้นอย่างเย็นชา ก็พาลู่ม่านเดินออกไป

มองดูเงาร่างทั้งสองคน พร้อมอมยิ้มที่มุมปาก เด็กร้านก็ยกอาหารมาพอดี เขาเลือกสิ่งที่ตนเองชอบไว้หนึ่งอย่าง จากนั้นเลื่อนที่เหลือออกไป พร้อมพูดขึ้นว่า “เอาไปให้คุณหนูหลิ่วเอ๋อ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน