ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 156

ตอนนี้ตาแก่เฉินเข้าใจแล้วเล็กน้อย เฉินจื่ออานกับเฉินจื่อฉายเป็นคนที่เขาสามารถพึ่งพาได้ในอนาคต ถึงแม้เขาจะรักเฉินจื่อคังมากแค่ไหน แต่ก็ต้องคอยใส่ใจลูกชายสองคนนี้ จะให้ลูกๆเสียใจไม่ได้

เฉินหลี่ซื่อก็รู้ตัวว่าผิด รีบขอโทษกับเฉินจื่อฉาย “จื่อฉาย แม่ใจร้อนไปหน่อยน่ะ”

เฉินจื่อฉายส่ายหน้า “ไม่เป็นไรขอรับ ข้านึกขึ้นได้ว่ายังมีของที่ยังไม่ได้ไปส่ง ข้าขอตัวลาก่อน”

“จื่อฉาย!” เฉินหลี่ซื่อรีบเรียกเขาไว้ “แม่ยังพูดไม่จบเลยนะ” เฉินจื่อฟู่ก็รีบลากเฉินจื่อฉายไว้ “พี่ใหญ่ นี่เป็นเรื่องของทั้งครอบครัว เรื่องของพี่ค่อยทำทีหลังก็ได้”

เฉินจื่อฉายจึงต้องจำใจอยู่ต่อ เฉินหลี่ซื่อก็ไม่กล้าลีลา ครั้งนี้ นางพูดเข้าประเด็นทันที

“จื่ออาน เจ้าอยากช่วยพี่น้อง แม่ดีใจมาก ความหมายของแม่คือ ยังไงเจ้าก็ร่วมหุ้นกับตระกูลจวงทำโรงงาน เจ้าจะยกเลิกสัญญาก็ไม่ได้ เอาแบบนี้ เจ้าแบ่งสูตรการทำบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปให้พี่น้องของเจ้าคนละชุด ให้พวกเขาเปิดโรงงานเอง แบบนี้ไม่ดีกว่าเหรอ”

เฉินจื่ออานก็ถึงรู้สึกตัว ที่แท้เฉินหลี่ซื่อก็อยากพูดเรื่องนี้นี่เอง

ลู่ม่านก็เดาออกตั้งนานแล้ว เกรงว่าอยากจะช่วยพี่น้องเป็นข้ออ้าง อยากจะช่วยหลี่ยวี่มาเอาสูตรการทำบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไปมากกว่า

“ไม่ได้!” เฉินจื่ออานปฏิเสธ “สูตรนี้เป็นสูตรลับเฉพาะของเสี่ยวม่าน”

ครั้งนี้สายตาของทุกคนก็มองไปยังลู่ม่าน ลู่ม่านมองพวกเขากลับด้วยสีหน้าไร้อารมณ์

เฉินหลี่ซื่อพูดทันทีว่า “เสี่ยวม่านแต่งเข้ามาบ้านเฉินของพวกเราแล้วไม่ใช่เหรอ?”

ลู่ม่านแสยะยิ้มเย็นชา “ท่านแม่หมายความว่า สะใภ้แต่งเข้ามาแล้ว สมบัติที่สะใภ้เอามาด้วยก็ต้องให้บ้านสามีงั้นเหรอ?”

ในสังคมชนบทไม่มีใครเขาโลภอยากได้สมบัติของสะใภ้หรอก ดังนั้นลู่ม่านเลยตั้งใจพูดแบบนี้

เฉินหลิ่วเอ๋อที่อยู่ข้างๆก็พูดว่า “พี่สะใภ้สาม ตอนนั้นพี่ไม่มีสมบัติสักหน่อย”

เห็นได้ชัดว่า เฉินหลี่ซื่อก็คิดเช่นนี้ “นั่นสิ เสี่ยวม่าน”

ลู่ม่านแทบจะบ้าตายกับสองแม่ลูกนี้ “แล้วยังไง? ข้าไม่มีสมบัติ ข้าก็ต้องเอาสูตรลับของตระกูลข้าให้พวกเจ้างั้นเหรอ?”

“น้องเสี่ยวม่าน จะพูดเช่นนี้ไม่ได้นะ” เฉินจื่อฟู่รีบไกล่เกลี่ย “แม่แค่เห็นว่าพวกเราพี่น้องไม่มีอาชีพหลักทำ ก็เลยเป็นห่วงเท่านั้น”

เฉินจื่ออานก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติ เขาจึงพูดอีกทีว่า “ข้าบอกแล้วว่าจะช่วยพวกเจ้า”

“ท่านพ่อก็คิดเช่นนี้ใช่หรือไม่?” เฉินจื่ออานมองไปยังตาแก่เฉิน หลายวันก่อน ตาแก่เฉินพูดความในใจกับเขา แถมยังดังอยู่ในหูของเขาไม่หายไปไหน

เขาแค่อยากรู้ผลลัพธ์ ถ้าตาแก่เฉินก็คิดแบบนี้ งั้นก็ไม่มีอะไรต้องคุยกันแล้วล่ะ

ลู่ม่านก็มองไปยังตาแก่เฉินเช่นกัน นางก็อยากรู้ว่า ตาแก่เฉินจะแสดงเป็นบทบาทอะไรในเรื่องนี้? ตามคำพูดรู้สึกผิดของเขาครั้งก่อน ไม่น่านะ

ตาแก่เฉินก็ขมวดคิ้วอย่างลำบากใจ เคาะหม้อยาสูบในมือแล้วสูบฟอดใหญ่ “ในเมื่อจื่ออานบอกว่าจะช่วย งั้นก็จบแค่นี้เถอะ!”

ลู่ม่านอึ้ง หรือว่าตาแก่เฉินจะไม่รู้แผนการของเฉินหลี่ซื่อพวกเขาจริงๆ?

“ตาแก่!”

“ท่านพ่อ!”

เฉินหลี่ซื่อกับพวกลูกชายลูกสาวต่างก็เรียกพร้อมกัน ตาแก่เฉินขมวดคิ้ว “ทำไม? ตกลงกันแล้วไงว่าจะทำงานกับจื่ออานคนละนิดละหน่อย? ตอนนี้จื่ออานก็ลำบากเหมือนกัน ข้าว่าคำแนะนำของเขาไม่เลวเลย”

เฉินหลี่ซื่อแทบจะบ้าตายอยู่แล้ว แต่นางก็ยังพูดความจริงไม่ได้ จื่อคังบอกแล้วว่า ตอนนี้หลังจากที่พ่อผ่านเรื่องราวมามากมาย ใจก็ลำเอียงไปยังเฉินจื่ออานแล้ว ถ้าพูดความจริงออกไป เขาไม่มีทางยอมแน่

เฉินหลี่ซื่อก็โทษตาแก่เฉินในใจ หลายวันก่อนตอนที่พวกผู้อาวุโสในตระกูลบอกว่าจะไล่นางออกจากตระกูล ให้นางหย่ากับเขา เขายังลังเลตัดสินใจไม่ได้

ดังนั้น ตอนนี้นางเลยใส่ใจแค่เรื่องของเฉินหลิ่วเอ๋อ ถ้าลูกสาวเอาบ้านมาได้ และแต่งเข้าจวนอ๋องหนิงได้สำเร็จ ถึงเวลานางก็จะได้เป็นญาติของจวนอ๋องหนิง เขาก็อย่าคิดที่จะหย่ากับนางอีก?

แต่ตอนนี้จะทำยังไงดี?

เฉินหลี่ซื่อร้อนใจมาก ถ้าครั้งนี้ปล่อยเฉินจื่ออานกับลู่ม่านกลับไปแบบนี้ ครั้งหน้าจะพูดเรื่องนี้อีกก็ยากแล้ว คิดได้ดังนี้ เฉินหลี่ซื่อก็กลอกตามองบนแล้วล้มสลบลงไป

เฉินหลี่ซื่อสลบกะทันหัน เฉินหลิ่วเอ๋อตกใจอย่างมาก รีบเข้าไปกอดเฉินหลี่ซื่อไว้ “ท่านแม่ ทำยังไงดี?”

เฉินจื่อคังตอนแรกยังตกใจอยู่ แต่เขาก็คิดได้อย่างรวดเร็ว รู้สึกว่านี่เป็นโอกาสที่ดี จึงหันไปมองเฉินจื่ออาน “พี่สาม แม่แค่เป็นห่วงพวกเราเลยพูดข้อเสนอแนะ พวกพี่ก็ไม่ได้เสียหายอะไรสักหน่อย ทำไมถึงต้องทำให้แม่โมโหด้วย?”

เฉินจื่ออานก็ตกใจเหมือนกัน เฉินจื่อฉายก็รีบวิ่งออกไปตามหมอข้างนอก

ลู่ม่านเหลือบมองร่างกายที่แข็งแกร่งของเฉินหลี่ซื่อ ตามหลักแล้ว นางไม่เหมือนคนที่โกรธแล้วจะสลบ ครั้งก่อนเรื่องที่เฉินจื่อคังเข้าคุกหนักกว่านี้อีก ตาแก่เฉินล้มป่วย เฉินหลี่ซื่อยังอ้วนขึ้นหลายโลเลย

คิดได้ดังนี้ ลู่ม่านก็ขยับเข้าไปสังเกตดูเฉินหลี่ซื่ออย่างละเอียด

เฉินหลิ่วเอ๋อเห็นแล้วก็มองค้อนลู่ม่านอย่างไม่พอใจ “ดูอะไร? เป็นเพราะเจ้าคนเดียว ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้า แม่จะกลายเป็นแบบนี้ไหม?”

อยู่เฉยๆก็โดนด่าเฉย ก็เหมือนกับ เจ้ามีของรักของหวงชิ้นหนึ่งที่ชอบมาก และสำคัญต่อเจ้ามาด้วย

แต่ว่า คนรอบข้างเจ้าอยากได้มัน ดังนั้นจึงพยายามหาทางขอกับเจ้าทางอ้อม เจ้าปฏิเสธและยังอยากอธิบายว่าสิ่งของนี้สำคัญกับเจ้ามาก จะให้คนอื่นไม่ได้

จากนั้น คนรอบข้างของเจ้าก็รับไม่ได้แล้วล้มป่วย

เรื่องนี้จะโทษเจ้าได้เหรอ? ลู่ม่านได้ยินเรื่องการขโมยซึ่งๆหน้าแบบนี้ครั้งแรก แต่ว่า ดูจากคำพูดของคนบ้านเฉิน นางก็รู้สึกว่าสมเหตุสมผลดี

คนบ้านเฉิน นอกจากเฉินจื่ออานแล้ว คนที่เหลือแปลกประหลาดกันหมด

ในขณะที่เฉินหลิ่วเอ๋อร้องไห้ต่อว่าเฉินจื่ออาน เฉินจื่ออานก็เริ่มเป็นห่วงขึ้นมา โดยเฉพาะเฉินจื่อคังที่คอยพูดข้างๆว่า “หลายวันก่อน เพราะเรื่องที่แม่จะโดนตระกูลขับไล่ออกไป แม่เสียใจหลายวันมาก ไม่ได้กินข้าวดีๆ แล้วดูพี่สิ กว่าแม่จะดีขึ้นมาได้ พี่ยังมาทำให้แม่โกรธแบบนี้อีก พี่สาม พี่เปลี่ยนไปแล้วจริงๆ”

ยังดีที่เฉินจื่อฉายพาหมอมาแล้ว เฉินจื่ออานรีบหลีกทางให้หมอ “รีบดูอาการของแม่ข้าหน่อย?”

หมอเข้าไปตรวจดูอาการของเฉินหลี่ซื่อ สุดท้ายก็ส่ายหัวแล้วพูดว่า “พี่สาวดูจะไม่เป็นอะไรมากนะ?”

“ไม่จริง ถ้าไม่เป็นอะไร แม่ข้าจะสลบแบบนี้ได้ยังไง?” เฉินหลิ่วเอ๋อร้อนใจ เฉินหลี่ซื่อกับนางค่อนข้างสนิทกัน เพราะยังไง ในบ้านหลังนี้ก็มีเพียงเฉินหลี่ซื่อที่คอยตามใจนาง

หมอไม่พอใจขึ้นมา “ข้าบอกว่าไม่เป็นไรก็ไม่เป็นไรไง ถ้าเจ้าไม่เชื่อ ก็ไปหาคนอื่นมารักษาเถอะ” ว่าแล้ว เขาก็กลับหลังหันเดินออกไป

เฉินหลิ่วเอ๋อรีบพูดว่า “พี่สี่ ส่งแม่ไปรักษาตัวที่ตำบลกันเถอะ?”

เฉินจื่อคังกลับสังเกตเห็นถึงความผิดปกติ เมื่อครู่หมอคนนั้นรักษาคนทั้งหมู่บ้าน ตามหลักแล้วไม่น่าจะดูผิดนะ ดังนั้น……แม่ไม่เป็นไรจริงเหรอ?

เฉินจื่อคังยื่นมือไปจับมือของเฉินหลี่ซื่อ กำลังคิดอยู่นั้น เฉินหลี่ซื่อก็ได้ยินคำพูดของเฉินหลิ่วเอ๋อ ก็รีบจับมือของเฉินจื่อคังอย่างรวดเร็ว เฉินจื่อคังก็วางใจขึ้นมาทันที

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน