ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 155

ถึงแม้เฉินหลิ่วเอ๋อจะมั่นใจมากว่าหลี่ยวี่จะมาขอนางแต่งงาน แต่ยังไงตอนนั้นหลี่ยวี่ก็เป็นคนที่ลักพาตัวเฉินหลิ่วเอ๋อไป ดังนั้นพวกเขาไม่อยากให้เฉินจื่ออานกับลู่ม่านรู้เรื่องนี้

อ้ำอึ้งอยู่สักพักใหญ่ ตาแก่เฉินก็พูดว่า “เรื่องนี้ยังตกลงกันไม่เสร็จ เลยยังไม่ได้บอกน่ะ”

“นั่นสิ วันนี้แม่เรียกพวกเจ้ามาเพื่อพูดเรื่องโรงงานกัน” เฉินหลี่ซื่อกลับเข้ามาที่ประเด็นโรงงานอีกครั้ง “ข้าว่าโรงงานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปของพวกเจ้า ตอนนี้ดีขึ้นเรื่อยๆ ทำไมไม่ให้ครอบครัวตัวเองร่วมหุ้นด้วยล่ะ?”

ในที่สุดก็พูดเป้าหมายของพวกเขาออกมาสักที ลู่ม่านจ้องมองเฉินหลี่ซื่อเงียบๆ เฉินจื่ออานก็ขมวดคิ้วเป็นปมแน่น

เฉินหลี่ซื่อพูดต่อว่า “ตอนนี้จื่อคังอยู่บ้านก็ไม่มีอะไรทำ พี่ใหญ่ของเจ้าก็ช่วยเจ้าส่งของ พี่รองเจ้าก็ไม่มีอะไรทำ เอาแต่ว่างงานอยู่บ้าน พวกเจ้าเป็นพี่น้องกัน ทำไมไม่ทำด้วยกันล่ะ?”

เฉินหลี่ซื่อพูดแนะนำอย่างจริงใจ ถ้าคนที่ไม่รู้มาได้ยินเข้า คงคิดว่านางเป็นแม่ที่วางแผนอนาคตให้ลูกตัวเอง

“พวกเราเขียนสัญญากับตระกูลจวงแล้ว ถ้าพวกเราทำแบบนี้ จะต้องจ่ายค่าชดเชยด้วย!” เฉินจื่ออานพูด

“เท่าไหร่?” เฉินหลี่ซื่อถาม

ลู่ม่านที่อยู่ข้างๆก็รีบพูดว่า “ทองหนึ่งพันตำลึง!”

ที่จริงนางก็พูดไปงั้นแหละ ถ้าต้องชดเชยจริงๆ ไม่ต้องใช้เงินเยอะขนาดนี้หรอก ตอนที่เขียนสัญญา ไม่คิดว่าโรงงานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปจะทำได้ดีขนาดนี้

เฉินจื่ออานก็ไม่รู้ ตอนที่ลงชื่อในสัญญา เขายังอ่านหนังสือไม่ออก ต่อมา ถึงแม้จะอ่านออกแล้ว แต่ตอนนั้นก็ลงชื่ออะไรเสร็จหมดแล้ว เขาก็ไม่เคยเอามาอ่านอีก

ตอนนี้พอได้ยินลู่ม่านพูดแบบนี้ หัวใจของเขาก็สั่นเทาขึ้นมา แต่การทำธุรกิจร่วมกันก็ต้องเป็นแบบนี้ จะต้องมีความซื่อตรง ในเมื่อตกลงกันไว้แล้ว จะทำลายสัญญาก่อนไม่ได้

และเขายังไม่เคยคิดที่จะทำลายสัญญาเลย ร่วมหุ้นเปิดโรงงานกับพี่น้องตัวเอง เขาไม่ค่อยอยากทำแบบนั้นเท่าไหร่

เฉินหลี่ซื่อก็ตกใจจนหัวใจเต้นตึกตักอย่างรวดเร็ว “ตระกูลจวงเป็นตระกูลเศรษฐีไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงใจดำขนาดนี้”

สีหน้าของคนอื่นๆก็แย่ลงตามๆกัน ตาแก่เฉินก็จุดหม้อยาสูบในมือตัวเอง แล้วสูบยาแห้งเข้าไปหลายฟอด

บรรยากาศตึงเครียดมากขึ้น เฉินจื่อฟู่สูดหายใจเข้า “จื่ออาน พวกเจ้าถูกคนหลอกแล้วล่ะ? ชดเชยเงินเยอะขนาดนี้ จะจ่ายหมดเมื่อไหร่ล่ะ?”

เฉินจื่ออานเงียบไม่พูด ลู่ม่านพูดด้วยรอยยิ้มว่า “พี่รองพูดผิดแล้ว พวกเราไม่ได้คิดที่จะยกเลิกสัญญากับคนอื่นเลย คนอื่นจะให้เราชดเชยเงินได้ยังไง?”

“แล้วจะทำยังไงดี?” เฉินจื่อฟู่มองไปยังเฉินจื่อคัง

ลู่ม่านดูออกตั้งนานแล้วว่า แผนการครั้งนี้จะต้องเป็นแผนของเฉินจื่อคังแน่ ถึงแม้เขาจะไม่พูด แต่คนที่ฉลาดที่สุดในบ้านหลังนี้ ก็คงเป็นเขาคนที่เจ้าเล่ห์ที่สุดเท่าที่เคยเจอมา

เฉินจื่อฉายที่เงียบตลอดก็รีบพูดว่า “จื่ออาน ข้าไม่เป็นไรนะ ตอนนี้ข้าส่งของให้เจ้าก็ดีมากแล้ว เจ้าร่วมงานกับตระกูลจวงต่อไปเถอะ!”

คำพูดของเฉินจื่อฉาย ทำเอาเฉินจื่อคังขมวดคิ้วแน่นเป็นปม ไม่นานเขาก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกไป

เฉินจื่อคังออกไป การประชุมนี้ก็ดำเนินต่อไปไม่ได้ ตาแก่เฉินจึงพูดว่า “ไปตามพี่สะใภ้รองเจ้ามาทำอาหาร มื้อเที่ยงนี้พวกเจ้าก็อยู่กินกันที่นี่เถอะ!”

เฉินจื่ออานอยากจะบอกว่าไม่ต้องแล้ว ลู่ม่านกลับชิงพูดตัดหน้าว่า “ดีเลย ไม่ได้กินข้าวที่นี่นานแล้ว” ที่จริง นางอยากจะดูว่า พวกเขาจะทำยังไงกันแน่?

เมื่อกี้เฉินจื่อคังออกไปกะทันหัน หลังจากนั้น เฉินหลิ่วเอ๋อกันเฉินหลี่ซื่อ เฉินจื่อคังพวกเขาก็หาข้ออ้างออกไปกันหมด เห็นได้ชัดว่า พวกเขาออกไปคุยเรื่องแผนการต่อไปกัน

เฉินจื่ออานเคารพในการตัดสินใจของลู่ม่านตลอด นางพูดแบบนี้แล้ว เขาจึงต้องอยู่ทานข้าวต่อ

หลิวซื่อดีใจมาก นางใช้ชีวิตอยู่ในโลกของตัวเองตลอด ในใจมีแต่เรื่องทำงานๆ ในบ้านหลังนี้ ก็มีแต่ลู่ม่านที่ทำให้นางรู้สึกได้ถึงการที่มีคนเคารพ ดังนั้นลู่ม่านอยู่กินข้าวที่นี่ นางรู้สึกยินดีอย่างมาก

ไม่นานเฉินหลี่ซื่อพวกเขาก็กลับมา กลับมามีหน้าตาที่ยิ้มแย้มแจ่มใสอีกครั้ง เฉินหลี่ซื่อยังอยากจะพูดอะไรอีก แต่ถูกตาแก่เฉินพูดแทรกก่อน

“นานๆทีจื่ออานจะมากินข้าวที่นี่ มีเรื่องอะไร ก็ค่อยว่ากันหลังกินข้าวเสร็จเถอะ”

นี่จะใช้มุกตีสนิทเหรอ ลู่ม่านเม้มปากเงียบๆ เฉินหลี่ซื่อก็พยักหน้า จับมือเฉินจื่ออานกับเฉินจื่อฟู่พวกเขาแล้วคุยเรื่องตอนเด็กๆกัน

ลู่ม่านฟังไม่ลงเลยเดินออกไป เห็นหลิวซื่อทำอาหารคนเดียว ก็เลยเข้าไปช่วยนาง

เมื่อก่อน ลู่ม่านอาจจะผัดอาหารด้วย ตอนนี้นางไม่ได้คิดจะทำอาหารให้คนบ้านนี้กิน แต่หลิวซื่อก็ดีใจมากแล้ว ตอนเที่ยงหลิวซื่อก็พูดไม่หยุดเลย

วันนี้เฉินหลี่ซื่อใจกว้างมาก เอาของอร่อยๆในบ้านออกมาหมดเลย

ตอนที่ให้ของ เห็นลู่ม่านมาช่วยทำอาหาร นางก็แสร้งทำเป็นห่วง “เสี่ยวม่าน ทำไมมาทำงานตรงนี้ล่ะ?”

ลู่ม่านยิ้มอ่อนๆ “พี่สะใภ้สองทำคนเดียวไม่ทัน ข้าเลยมาช่วยน่ะ”

เฉินหลี่ซื่อทำท่าพึงพอใจ พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ถึงว่าล่ะ เสี่ยวม่านเป็นสะใภ้ที่เก่งที่สุดในบ้านแล้วล่ะ”

หลิวซื่อที่อยู่ข้างๆได้ยินแล้วก็ก้มหน้าลง

หลิวซื่อทำงานให้กับบ้านเฉินอย่างกับทาส แต่ทุกคนในบ้านเฉินกลับไม่มีใครทำดีกับนางเลย ถึงแม้จะเป็นแม่พระแค่ไหน ได้ยินคำพูดแบบนี้แล้วก็ต้องมีไม่สบายใจกันบ้าง?

ลู่ม่านไม่พูดไม่จา เฉินหลี่ซื่อจึงไม่ได้พูดอะไรอีกแล้วกลับหลังหันเดินออกไปทันที

รอภายในห้องเหลือแค่ลู่ม่านกับหลิวซื่อแล้ว หลิวซื่อก็พูดว่า “น้องเสี่ยวม่าน ข้าอิจฉาเจ้าจริงๆ ข้าแต่งเข้ามาในบ้านเฉินจะสิบปีแล้ว ไม่เคยเห็นแม่พูดกับพวกเราแบบนี้เลย”

หลิวซื่อไม่ได้โกหก นางอิจฉาจริงๆ น้ำเสียงและคำพูดนั้นอิจฉาลู่ม่านจากใจจริง

ลู่ม่านแค่พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “พี่สะใภ้สอง พี่น่าจะรู้นะว่าทำไมแม่ถึงพูดแบบนั้นกับข้า เมื่อก่อนนางก็ทำอะไรแย่ๆไว้กับข้าเยอะเหมือนกัน!”

ลู่ม่านบอกเหตุผลเยอะขนาดนั้น หลิวซื่อเคยฟังเข้าไปบ้างไหม? ดังนั้น ลู่ม่านพูดถึงแค่นี้ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก หลิวซื่อก็ไม่ได้ถามอะไรมาก

ตอนที่กินข้าวเที่ยง เฉินหลี่ซื่อแตกต่างจากเมื่อก่อน เอาแต่บอกให้ลู่ม่านกิน หลายครั้งที่อยากจะคีบอาหารให้ลู่ม่าน ยังดีที่ลู่ม่านไหวพริบเร็วและปฏิเสธได้ทันเวลา

หลังจากที่กินข้าวเสร็จแล้ว หลิวซื่อก็เก็บถ้วยชามเอาไปล้าง เฉินหลี่ซื่อก็ถึงถอนหายใจ “จื่ออาน หมู่บ้านของพวกเรา แม่ไม่เป็นห่วงเจ้าแล้วล่ะ พวกเราจะล่วงเกินตระกูลจวงก็ไม่ได้ แต่พี่น้องของเจ้าตอนนี้ต่างก็ไม่มีอาชีพหลักของตัวเอง จะทำยังไงดีล่ะ?”

เฉินจื่ออานมองเฉินจื่อฉายแล้วพูดว่า “หากพี่ใหญ่อยากทำธุรกิจ ข้าสามารถช่วยได้”

“ข้าไม่ทำ……” เฉินจื่อฉายรีบปัดมือ “ข้าไม่เหมาะกับการทำธุรกิจ”

เฉินจื่อฉายยังพูดไม่ทันจบ เฉินหลี่ซื่อก็มองค้อนเขา “ดูเจ้าสิ ทำไมถึงไร้ประโยชน์เช่นนี้?”

เฉินจื่อฉายถูกด่าจนก้มหน้าลง ไม่พูดอะไรอีก บรรยากาศตึงเครียดลงมาอีกครั้ง ตาแก่เฉินมองค้อนเฉินหลี่ซื่ออย่างไม่เห็นด้วย “เจ้าพูดก็พูดไปสิ จะด่าเจ้าใหญ่ทำไม? เจ้าใหญ่ซื่อตรงและมั่นคงไม่ดีตรงไหน?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน