ทั้งสองเดินไปโดยรู้ดีแก่ใจ พอเดินเข้าไป ก็เห็นคนบ้านเฉินมากันครบทุกคนแล้ว
ตาแก่เฉินกับเฉินหลี่ซื่อนั่งอยู่บนที่นั่งหลักตามเคย นั่งหลังตรงอยู่ตรงนั้นนิ่งๆ คนต่อมาที่นั่งข้างเฉินหลี่ซื่อคือเฉินจื่อคัง เขามองพื้นด้วยท่าทีไม่สนใจ
ด้านข้างก็ตาแก่เฉินก็เป็นเฉินจื่อฉายกับเฉินจื่อฟู่ เฉินจื่อฟู่ตั้งแต่ที่โดนทำโทษให้คุกเข่าในหอบรรพบุรุษแล้ว เขาก็ดูทรุดโทรมลงไปมาก
สีหน้าของเฉินจื่อฉายเป็นเหมือนกับเฉินจื่ออานที่เพิ่งเข้ามา งุนงงไปหมด ดูท่าแล้ว ตั้งแต่ที่เฉินจื่อฉายแยกตัวออกจากพ่อแม่ ขนาดเรื่องในครอบครัวก็ไม่มีสิทธิ์รับรู้แล้ว
หลิวซื่อยังอยู่ด้านนอกเหมือนปกติ เหมือนไม่เคยมีนางอยู่ในบ้านหลังนี้มาก่อน
ส่วนเหอฮัวกับเฉินสืบซ่วน ตอนนี้กำลังทำงานยังไม่กลับมา
คนที่พูดก่อนคือตาแก่เฉิน เขาเคาะหม้อยาสูบเก่าๆในมืออย่างเคยชิน นิ้วมือก็ชี้ไปยังข้างๆของเฉินหลี่ซื่อ “จื่ออาน นั่ง!”
เฉินจื่ออานมองไป ที่ตรงนั้นใกล้ที่นั่งตรงกลางมากกว่าเฉินจื่อคัง ไม่คิดว่า ตำแหน่งนั้นเขาจะได้นั่งกับคนอื่นด้วย?
ลู่ม่านสังเกตเหตุการณ์รอบข้างเงียบๆ ตั้งแต่ที่เข้ามาเฉินหลิ่วเอ๋อก็ไปนั่งด้านหลังของเฉินหลี่ซื่อทันที เรื่องนี้ต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่
เขาจับมือลู่ม่านอีกครั้งแล้วพานางไปนั่งลงตรงนั้น เฉินหลี่ซื่อเห็นแล้วก็เหลือบตามองลู่ม่านอย่างไม่พอใจ เหมือนไม่พอใจอย่างมากที่ลู่ม่านนั่งตรงนั้น
ลู่ม่านไม่สนใจหรอกนะ นางยิ่งไม่มีความสุข ลู่ม่านก็จะนั่งตรงนั้นให้นางดู ได้เพิ่มความโกรธให้นางเล็กน้อยก็ยังดี!
ตาแก่เฉินเจ้าเล่ห์กว่า พอเห็นแล้วก็รีบพูดกับเฉินหลิ่วเอ๋อ “หลิ่วเอ๋อ ไปยกเก้าอี้มาให้พี่สะใภ้สามของเจ้า”
ถึงแม้เฉินหลิ่วเอ๋อจะไม่พอใจ แต่ก็ลุกไปยกมาอยู่ดี
รอทุกคนนั่งลงเสร็จแล้ว ตาแก่เฉินก็อ้าปาก ลังเลอยู่นานมากก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา สุดท้าย จึงต้องส่งซิกให้เฉินหลี่ซื่อ
เฉินหลี่ซื่อไม่พูดพร่ำทำเพลงหรอกนะ
แต่ว่า หลังจากผ่านเรื่องการหย่าครั้งก่อน นางก็ลดทอนนิสัยแย่ๆลงไปแล้วบ้าง ดูท่าแล้วจะเรียนมาจากเฉินจื่อคัง เข้ามาก็พูดเกริ่นนำอย่างเกรงใจก่อน
“จื่ออาน ช่วงนี้แม่เห็นเจ้าผอมลงไปเยอะเลย งานที่โรงงานมีเยอะเกินไปหรือเปล่า?”
“ไม่หรอกขอรับ ท่านแม่” เฉินจื่ออานพูดอย่างเรียบเฉย คงจะเจอเรื่องผิดหวังมาเยอะเกินไป เขาจึงไม่ค่อยรู้สึกอะไรกับเฉินหลี่ซื่ออีกแล้ว ถ้าเฉินหลี่ซื่อรักและห่วงเขาดั่งหัวแก้วหัวแหวนขึ้นมากะทันหัน เขาคงจะไม่เชื่อเท่าไหร่
ลูกชายไม่เล่นด้วย เฉินหลี่ซื่อยิ้มแห้งๆ
แต่ถ้าแค่นี้จะยอมแพ้ นั่นก็ไม่ใช่เฉินหลี่ซื่อแล้ว ดังนั้นไม่นาน นางก็พูดขึ้นว่า “ข้าได้ยินมาว่า ตอนนี้หุ้นส่วนใหญ่ของโรงงานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปถูกพวกตระกูลจวงเอาไปหมดแล้วเหรอ?”
เรื่องนี้ถือเป็นความลับ ไม่รู้ว่าเฉินหลี่ซื่อไปได้ยินมาจากไหน
ลู่ม่านกับเฉินจื่ออานสบตากัน ทั้งสองต่างก็เดาออกว่าเฉินหลี่ซื่อพวกเขาตอนนี้กำลังจะเข้าเรื่องโรงงานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป
“ทั้งสองบ้านร่วมงานกัน ไม่มีใครได้เยอะกว่าหรือน้อยกว่าหรอก” เฉินจื่ออานพูดอ้อมๆให้เรื่องนี้ผ่านไป
เฉินหลี่ซื่อกลับไม่ยอมง่ายๆ “จื่ออาน แม่เป็นห่วงเจ้านะ ตระกูลจวงเก่งขนาดนั้น แต่ยังไงก็ไม่ได้อยู่ข้างเดียวกับเจ้า เจ้าดูสิ พวกเจ้าเพิ่งร่วมงานกันได้ไม่กี่เดือน พวกเขาก็เอาหุ้นส่วนใหญ่ไปแล้ว ถ้านานๆเข้า โรงงานก็ต้องถูกพวกเขาเอาไปทั้งหมดน่ะสิ?”
คำพูดนี้พูดได้มีเหตุผลมาก คงไม่ใช่ความคิดของเฉินหลี่ซื่อแน่ ลู่ม่านมองไปยังเฉินจื่อคังที่เอาแต่ก้มหน้าไม่พูดไม่จา
เฉินจื่อคังรับรู้ได้ถึงสายตาของลู่ม่าน ก็สบตานางกลับ แต่ก็ยังไม่ได้อะไรอยู่ดี
“ท่านแม่ ใครเป็นคนพูดเช่นนี้กัน?” เฉินจื่ออานถามตรงๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน
เป็นพอ.ที่กลับกรอก เป็นที่พึ่งไม่ได้เลย ยอกจะออกจากครอบครัวเลวๆนี่ไม่จริงอีก ภาระของนางเอก ถ่วงแข้งถ่วงขาจริงๆ...
เด็กไม่ตายเพราะแม่คลอดยากจะตายเพราะคนรับใช้ป้อนโจ๊กข้าวจนอิ่มตื้อ รอดได้คือดวงแข็งเว่อ...
อ่านไป งงไป ตัดสินประหาร หรืออภัยโทษ?...
หม่อมข้า? ใช้ MS Word ไม่ระวังเลย...
ตั้งแต่ต้นจนถึงตอน 337 แล้ว โดยภาพรวมพระเอกไม่ค่อยมีเสน่ห์ ไม่เฉียบแหลมเลย...
อะไรจะมีปมขนาดนั้น วุ่นวายตอกย้ำเหลือเกินเกี่ยวกับระบบศักดินา ทั้งที่มันเป็นคนละยุคสมัยกัน...
ตอน285-287 หายทำไงดี...
ตอนหายค่ะ 284แล้วกระโดดไป288เลยค่ะ...
บท 285-287 หายค่ะ 284แล้ว288เลย รบกวนด้วยค่ะ...
281-311 รบกวนด้วยค่ะ...