ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 154

ทั้งสองเดินไปโดยรู้ดีแก่ใจ พอเดินเข้าไป ก็เห็นคนบ้านเฉินมากันครบทุกคนแล้ว

ตาแก่เฉินกับเฉินหลี่ซื่อนั่งอยู่บนที่นั่งหลักตามเคย นั่งหลังตรงอยู่ตรงนั้นนิ่งๆ คนต่อมาที่นั่งข้างเฉินหลี่ซื่อคือเฉินจื่อคัง เขามองพื้นด้วยท่าทีไม่สนใจ

ด้านข้างก็ตาแก่เฉินก็เป็นเฉินจื่อฉายกับเฉินจื่อฟู่ เฉินจื่อฟู่ตั้งแต่ที่โดนทำโทษให้คุกเข่าในหอบรรพบุรุษแล้ว เขาก็ดูทรุดโทรมลงไปมาก

สีหน้าของเฉินจื่อฉายเป็นเหมือนกับเฉินจื่ออานที่เพิ่งเข้ามา งุนงงไปหมด ดูท่าแล้ว ตั้งแต่ที่เฉินจื่อฉายแยกตัวออกจากพ่อแม่ ขนาดเรื่องในครอบครัวก็ไม่มีสิทธิ์รับรู้แล้ว

หลิวซื่อยังอยู่ด้านนอกเหมือนปกติ เหมือนไม่เคยมีนางอยู่ในบ้านหลังนี้มาก่อน

ส่วนเหอฮัวกับเฉินสืบซ่วน ตอนนี้กำลังทำงานยังไม่กลับมา

คนที่พูดก่อนคือตาแก่เฉิน เขาเคาะหม้อยาสูบเก่าๆในมืออย่างเคยชิน นิ้วมือก็ชี้ไปยังข้างๆของเฉินหลี่ซื่อ “จื่ออาน นั่ง!”

เฉินจื่ออานมองไป ที่ตรงนั้นใกล้ที่นั่งตรงกลางมากกว่าเฉินจื่อคัง ไม่คิดว่า ตำแหน่งนั้นเขาจะได้นั่งกับคนอื่นด้วย?

ลู่ม่านสังเกตเหตุการณ์รอบข้างเงียบๆ ตั้งแต่ที่เข้ามาเฉินหลิ่วเอ๋อก็ไปนั่งด้านหลังของเฉินหลี่ซื่อทันที เรื่องนี้ต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่

เขาจับมือลู่ม่านอีกครั้งแล้วพานางไปนั่งลงตรงนั้น เฉินหลี่ซื่อเห็นแล้วก็เหลือบตามองลู่ม่านอย่างไม่พอใจ เหมือนไม่พอใจอย่างมากที่ลู่ม่านนั่งตรงนั้น

ลู่ม่านไม่สนใจหรอกนะ นางยิ่งไม่มีความสุข ลู่ม่านก็จะนั่งตรงนั้นให้นางดู ได้เพิ่มความโกรธให้นางเล็กน้อยก็ยังดี!

ตาแก่เฉินเจ้าเล่ห์กว่า พอเห็นแล้วก็รีบพูดกับเฉินหลิ่วเอ๋อ “หลิ่วเอ๋อ ไปยกเก้าอี้มาให้พี่สะใภ้สามของเจ้า”

ถึงแม้เฉินหลิ่วเอ๋อจะไม่พอใจ แต่ก็ลุกไปยกมาอยู่ดี

รอทุกคนนั่งลงเสร็จแล้ว ตาแก่เฉินก็อ้าปาก ลังเลอยู่นานมากก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา สุดท้าย จึงต้องส่งซิกให้เฉินหลี่ซื่อ

เฉินหลี่ซื่อไม่พูดพร่ำทำเพลงหรอกนะ

แต่ว่า หลังจากผ่านเรื่องการหย่าครั้งก่อน นางก็ลดทอนนิสัยแย่ๆลงไปแล้วบ้าง ดูท่าแล้วจะเรียนมาจากเฉินจื่อคัง เข้ามาก็พูดเกริ่นนำอย่างเกรงใจก่อน

“จื่ออาน ช่วงนี้แม่เห็นเจ้าผอมลงไปเยอะเลย งานที่โรงงานมีเยอะเกินไปหรือเปล่า?”

“ไม่หรอกขอรับ ท่านแม่” เฉินจื่ออานพูดอย่างเรียบเฉย คงจะเจอเรื่องผิดหวังมาเยอะเกินไป เขาจึงไม่ค่อยรู้สึกอะไรกับเฉินหลี่ซื่ออีกแล้ว ถ้าเฉินหลี่ซื่อรักและห่วงเขาดั่งหัวแก้วหัวแหวนขึ้นมากะทันหัน เขาคงจะไม่เชื่อเท่าไหร่

ลูกชายไม่เล่นด้วย เฉินหลี่ซื่อยิ้มแห้งๆ

แต่ถ้าแค่นี้จะยอมแพ้ นั่นก็ไม่ใช่เฉินหลี่ซื่อแล้ว ดังนั้นไม่นาน นางก็พูดขึ้นว่า “ข้าได้ยินมาว่า ตอนนี้หุ้นส่วนใหญ่ของโรงงานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปถูกพวกตระกูลจวงเอาไปหมดแล้วเหรอ?”

เรื่องนี้ถือเป็นความลับ ไม่รู้ว่าเฉินหลี่ซื่อไปได้ยินมาจากไหน

ลู่ม่านกับเฉินจื่ออานสบตากัน ทั้งสองต่างก็เดาออกว่าเฉินหลี่ซื่อพวกเขาตอนนี้กำลังจะเข้าเรื่องโรงงานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป

“ทั้งสองบ้านร่วมงานกัน ไม่มีใครได้เยอะกว่าหรือน้อยกว่าหรอก” เฉินจื่ออานพูดอ้อมๆให้เรื่องนี้ผ่านไป

เฉินหลี่ซื่อกลับไม่ยอมง่ายๆ “จื่ออาน แม่เป็นห่วงเจ้านะ ตระกูลจวงเก่งขนาดนั้น แต่ยังไงก็ไม่ได้อยู่ข้างเดียวกับเจ้า เจ้าดูสิ พวกเจ้าเพิ่งร่วมงานกันได้ไม่กี่เดือน พวกเขาก็เอาหุ้นส่วนใหญ่ไปแล้ว ถ้านานๆเข้า โรงงานก็ต้องถูกพวกเขาเอาไปทั้งหมดน่ะสิ?”

คำพูดนี้พูดได้มีเหตุผลมาก คงไม่ใช่ความคิดของเฉินหลี่ซื่อแน่ ลู่ม่านมองไปยังเฉินจื่อคังที่เอาแต่ก้มหน้าไม่พูดไม่จา

เฉินจื่อคังรับรู้ได้ถึงสายตาของลู่ม่าน ก็สบตานางกลับ แต่ก็ยังไม่ได้อะไรอยู่ดี

“ท่านแม่ ใครเป็นคนพูดเช่นนี้กัน?” เฉินจื่ออานถามตรงๆ

เฉินหลี่ซื่ออึ้ง เฉินหลิ่วเอ๋อที่อยู่ด้านหลังก็รีบพูดว่า “ต้องให้ใครพูดอีกล่ะ? แม่เราไม่ได้โง่นะ นี่เป็นเรื่องที่เห็นๆกันอยู่แล้ว”

เฉินจื่ออานขมวดคิ้ว ตาแก่เฉินที่อยู่ข้างๆก็พูดด่า “เป็นเด็กผู้หญิง อย่าพูดแทรก”

เฉินหลิ่วเอ๋อหุบปากลงอย่างไม่พอใจ ก้มหน้าเล่นเส้นผมของตัวเองต่อไป ลู่ม่านก็ถึงเห็นว่า วันนี้เฉินหลิ่วเอ๋อปักปิ่นทอง

ถึงแม้ตอนที่บ้านเฉินจะมีเงิน เฉินหลิ่วเอ๋อก็ใสแค่ปิ่นปักผมเงินเป็นบางครั้ง ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้บ้านเฉินก็หมดเงินไปกับครั้งก่อนที่เฉินจื่อคังเกิดเรื่องแล้ว

เฉินหลิ่วเอ๋อไปเอาเงินที่ไหนมาซื้อปิ่นปักผมทองกัน?

และปิ่นปักผมทองแค่ดูก็รู้แล้วว่าไม่ใช่ของธรรมดา ไม่เพียงแต่มีรูปแบบที่ประณีตสวยงาม ด้านบนยังเพรชพลอยติดอยู่ด้วย

ถ้าไม่บอกว่าเป็นของที่หลี่ยวี่ ก็คงไม่มีใครเชื่อหรอก

ตอนนี้เฉินหลิ่วเอ๋อกล้าใส่มันออกมาต่อหน้าทุกคนในบ้านเฉิน เห็นได้ชัดว่า พวกเขาน่าจะรู้เกี่ยวกับเรื่องของเฉินหลิ่วเอ๋อและหลี่ยวี่แล้วสินะ?

จิ๊……

ลู่ม่านเข้าใจแล้ว หลี่ยวี่มาที่นี่ก็เพื่อโรงงานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปจริงด้วย เดิมที เขาอยากใช้ประโยชน์จากเสี่ยวเย่ แต่ถูกพวกนางจับได้เสียก่อน

และเสี่ยวเย่เป็นแค่พนักงานธรรมดา ไม่มีโอกาสได้แตะต้องวิธีการทำที่ซับซ้อน มีบางขั้นตอนที่ต้องใช้คนที่พึ่งได้มาทำ

จากนั้นมีเรื่องที่หลอกลู่ม่านขึ้นเขา ถ้าวันนั้นนางไม่มีความสามารถในการป้องกันตัวเอง หลี่ยวี่คงจะหลอกและลงมือกับนางสินะ?

แผนการล้มเหลวทั้งหมด หลี่ยวี่ก็เริ่มแผนการอื่นแล้วเหรอ?

คิดได้ดังนี้ ลู่ม่านก็ฉีกยิ้มอ่อนๆแล้วพูดว่า “ปิ่นปักผมทองของหลิ่วเอ๋อสวยจังเลยนะ ซื้อเมื่อไหร่เหรอ?”

ยังไงเฉินหลิ่วเอ๋อก็ยังเด็กมากอยู่ดี พอถูกคนอื่นชมเข้าหน่อย จะไม่หวั่นไหวได้ยังไง ถึงแม้จะไม่ชอบลู่ม่านมากแค่ไหน นางก็เชิดหน้าขึ้นอย่างได้ใจ

เฉินจื่ออานถูกลู่ม่านเตือน ก็สังเกตเห็นถึงความผิดปกติ

“หลิ่วเอ๋อซื้อปิ่นปักผมทองมาจากไหน?” เฉินจื่ออานไม่พูดอ้อมค้อม เขาถามตรงๆ

ในใจของเขา ที่จริงก็เป็นห่วงว่าเฉินหลิ่วเอ๋อจะเดินผิดทาง ดังนั้น จึงถามด้วยน้ำเสียงสงสัย

เฉินหลิ่วเอ๋อไม่พอใจ “คนอื่นซื้อให้ข้า”

“ใคร?” เฉินจื่ออานไม่พอใจยิ่งขึ้นไปอีก “ทำไมต้องซื้อของแพงๆให้เจ้าโดยที่ไม่มีเหตุผลด้วย?” นึกถึงภาพตอนนั้นที่เฉินหลิ่วเอ๋อพยายามตามจีบจวงลี่จ้ง เฉินจื่ออานยังรู้สึกหงุดหงิดอยู่เลย

เฉินหลิ่วเอ๋อชะงัก กัดริมฝีปากแน่นแล้วพูดว่า “ไม่ได้ให้โดยไม่มีเหตุผลอยู่แล้ว!”

กลัวว่าเรื่องจะแย่ลง เฉินจื่อฟู่ก็รีบพูดว่า “หลิ่วเอ๋อหมั้นแล้ว” คำว่าหมั้นทำเอาเฉินหลิ่วเอ๋อเขินจนหน้าแดงระเรื่อ

พอได้ยินแบบนี้ เฉินหลี่ซื่อก็ถึงได้สติ นางพยักหน้าแล้วพูดว่า “ใช่ วันก่อนเพิ่งมีคนมาพูดเรื่องสู่ขอหลิ่วเอ๋อ”

ได้ยินคำว่าหมั้นแล้ว เฉินจื่ออานก็ถึงโล่งใจ แต่พอมาคิดอีกที เขากลับไม่รู้เรื่องนี้เลยสักนิด สีหน้าก็บึ้งตึงขึ้นมาทันที

เฉินจื่อฟู่กลัวว่าเรื่องจะไม่สำเร็จ เลยรีบอธิบายว่า “ที่จริงก็ไม่เชิงว่าหมั้นหรอก ก็แค่ทั้งสองบ้านกินข้าวด้วยกัน ถ้าหมั้นจริงๆแล้ว เจ้าสามเจ้าเป็นพี่ชายแท้ๆของหลิ่วเอ๋อ จะไม่เชิญเจ้ามาได้ยังไงกัน?”

ก็ยังอ้อมค้อมอยู่ดี เฉินจื่ออานจึงไม่ได้ถามอะไรมาก ลู่ม่านเป็นพี่สะใภ้จึงถามแบบนี้ได้

ดังนั้น นางจึงถามไปว่า “หลิ่วเอ๋อโชคดีจังเลยนะ ได้หมั้นกับตระกูลดีๆแบบนี้?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน