ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 157

แอบส่งซิกทางสายตาให้เฉินหลิ่วเอ๋อ แต่ใครจะรู้ว่า เฉินหลิ่วเอ๋อจะโง่ขนาดนี้

ลูกตาของเฉินจื่อคังแทบถลนออกมาอยู่แล้ว เฉินหลิ่วเอ๋อก็ยังไม่รู้เรื่องรู้ราวอีก แต่ลู่ม่านกลับสังเกตดูการกระทำของพวกเขาตลอดเวลา

ภายในห้องนี้ ตอนนี้ก็มีแต่คนนอกอย่างนางที่ไม่เป็นห่วงเฉินหลี่ซื่อเลยสักนิด ยังมีความคิดแบบคนปกติอยู่

และเฉินจื่ออานหลังจากที่โดนอ้างหลักศีลธรรมแล้ว ก็รู้สึกผิดต่อเฉินหลี่ซื่ออย่างมาก

กำลังคิดอยู่นั้น ทันใดนั้นเฉินหลิ่วเอ๋อก็ร้องไห้โวยวายเสียงดัง เฉินหลี่ซื่ออดไม่ไหวบีบเฉินหลิ่วเอ๋อแรงๆ

เฉินหลิ่วเอ๋อก็ถึงรู้ว่าแม่ตัวเองกำลังแกล้งสลบอยู่ จึงรีบหุบปากแล้วพูดว่า “พี่สาม แม่ล้มป่วยเพราะพี่คนเดียว คนอื่นต่างก็พูดว่า อาการป่วยทางใจต้องหมอทางใจมารักษา หรือว่าตอนนี้พี่ไม่ควรพูดปลอบใจแม่หน่อยเหรอ?”

เฉินจื่ออานขมวดคิ้ว “รีบพาแม่ส่งไปที่ร้านยาฉืออานก่อนเถอะ!”

เฉินหลิ่วเอ๋อรีบห้าม “แม่อายุมากแล้ว ร้านยาฉืออานก็อยู่ไกลขนาดนั้น แม่จะลำบากเดินทางไกลได้ยังไง? ก็แค่คำพูดปลอบใจ พี่ยังไม่ยอมพูด ถ้าพี่ตกลงคำของแม่ แม่ก็คงไม่ต้องล้มป่วยแบบนี้”

เฉินหลิ่วเอ๋อพูดอย่างเป็นธรรม เหมือนถ้าเฉินจื่ออานไม่รับข้อเสนอนี้ ก็จะกลายเป็นลูกอกตัญญูทันที

ลู่ม่านเม้มปาก เดินเข้าไปสังเกตดูเฉินหลี่ซื่อ ทันใดนั้นก็ร้องขึ้นอย่างตกใจว่า “นั่นคืออะไรน่ะ?”

เฉินหลิ่วเอ๋ออึ้ง มองดูสีหน้าที่ตื่นตกใจของลู่ม่าน ก็หวั่นใจขึ้นมา “มีอะไรที่ไหนกัน? เจ้าอย่ามาพูดจาไร้สาระนะ”

“พวกเจ้าไม่เห็นเหรอ?” ลู่ม่านยังทำท่าหวาดกลัวอยู่ “อยู่บนหนังตาของแม่ มีคนตัวเล็กใส่เสื้อแดงนั่งอยู่บนนั้น……ทำไมถึงไม่เห็นล่ะ เหมือนเถาฮัวเลย?”

ลู่ม่านทำท่ากลัวแล้วพูดว่า “เถาฮัวอยู่กับแม่ไม่ใช่เหรอ? นางลุกขึ้นมาแล้ว หลิ่วเอ๋อ นางกำลังเดินไปที่มือของเจ้าแล้ว”

“กรี๊ด!” เฉินหลิ่วเอ๋อรีบผลักเฉินหลี่ซื่อออกไป แล้วกระโดดขึ้นมา

ขนาดสีหน้าของเฉินจื่อฟู่ยังเปลี่ยนไปเล็กน้อยเลย เฉินจื่อคังก็ประหลาดเช่นกัน และเฉินจื่อฉายที่ได้ยินเสียงแล้วก็รีบวิ่งเข้ามา “เถาฮัวอยู่ไหน? อยู่ที่ไหน?”

ท่าทีของเฉินจื่อฉาย ทำให้บรรยากาศตึงเครียดมากกว่าเดิม

ลู่ม่านจึงเข้าไปจับแขนของเฉินหลี่ซื่อ “นี่ไง!”

“กรี๊ด!!!” ครั้งนี้คนที่กรีดร้องคือเฉินหลี่ซื่อ นางใช้แรงสะบัดมือของลู่ม่านออก แล้วพิงไปบนกำแพงด้วยใบหน้าแตกตื่น “อย่าแตะตัวข้านะ ไม่เกี่ยวกับข้า ไม่เกี่ยวกับข้า”

ลู่ม่านยิ่งสงสัยเข้าไปใหญ่ เมื่อครู่นางแค่อยากหลอกพวกนางจึงตั้งใจพูดชื่อใครสักคนออกมา แต่ในบ้านหลังนี้ ตอนนี้มีเพียงแค่เถาฮัวที่ไม่อยู่ในบ้าน

ถึงแม้จะไม่รู้ว่าตอนพวกนางอยู่เมืองหย่งอานเกิดอะไรขึ้น แต่ทำให้เฉินจื่อฉายผิดหวังต่อคนในครอบครัวขนาดนี้ คงต้องเกี่ยวกับเถาฮัวแน่ๆ

เพราะเฉินจื่อฉายคงไม่เย็นชาต่อพ่อแม่ตัวเองเพื่อจ้าวซื่อหรอก คนที่ทำให้เขาทำแบบนี้ได้ต้องเกี่ยวข้องกับลูกสาวของเขาแน่

เป็นอย่างที่คิดจริงๆด้วย

ลู่ม่านหันไปมองเฉินจื่อฉาย เห็นสีหน้าของเฉินจื่อฉายแย่ลงกว่าเดิม ไม่นาน เขาก็เดินออกจากห้องนี้ไป

ลู่ม่านก็ถึงพูดด้วยรอยยิ้มอย่างมีความสุขว่า “ท่านตื่นแล้วเหรอ? เมื่อครู่ท่านสลบไป จื่ออานเห็นห่วงท่านมากเลยนะ”

เฉินหลี่ซื่อยังคงตกใจไม่หาย และไม่มีอารมณ์มาต่อล้อต่อเถียงกับลู่ม่านด้วย นางมองแขนตัวเองอย่างหวาดกลัว แล้วพูดว่า “ข้าเหนื่อยแล้ว ข้าอยากพักผ่อน”

“งั้นพวกเราขอตัวลาก่อนนะ!” ลู่ม่านจับมือเฉินจื่ออาน เมื่อครู่เฉินจื่ออานเป็นห่วงจริงๆ แต่พอเห็นท่าทีของเฉินหลี่ซื่อแล้ว ก็รู้ว่าเฉินหลี่ซื่อแกล้งสลบ

ดังนั้น ความรู้สึกผิดที่มีต่อเฉินหลี่ซื่อเมื่อครู่ก็หายไปทั้งหมด ไม่เหลือเลยสักนิดเดียว จากนั้นก็กลับหลังหันเดินออกไปกับลู่ม่าน

จนกระทั่งเดินออกมาไกลแล้ว เขาก็ถึงขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ท่านแม่พวกเขาครั้งนี้ทำเกินไปจริงๆ”

“เหอะ……” ลู่ม่านแสยะยิ้ม “จื่ออาน เจ้าเคยคิดหรือไม่ ทำไมพวกเขาถึงต้องทำแบบนี้?”

“ไม่ใช่เพื่อสูตรเหรอ?” เฉินจื่ออานถามอย่างสงสัย

“ก็ต้องเพื่อสูตรอยู่แล้ว แต่จะเอาสูตรให้ใครล่ะ!”

เฉินจื่ออานขมวดคิ้ว “เสี่ยวม่าน เจ้ารู้อะไรมาใช่หรือไม่?”

เมื่อวานลู่ม่านแค่บอกเรื่องของหลี่ยวี่ แต่ไม่ได้บอกเรื่องของเฉินหลิ่วเอ๋อ วันนี้ นางรู้สึกว่าถึงเวลาพูดแล้วจริงๆ จึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นของเมื่อวานทั้งหมด

เฉินจื่ออานปวดใจมาก “ความหมายของเจ้าคือ เมื่อวานหลิ่วเอ๋อหลอกเจ้าขึ้นไปที่นั่นเหรอ?”

ลู่ม่านพยักหน้า “ที่นั่นเป็นที่ที่พวกเราเคยไปกันบ่อยๆ เรื่องนี้มีแค่คนในบ้านเฉินเท่านั้นที่รู้ว่า ถ้าไม่ใช่นางแล้วจะเป็นใครได้อีก?”

เฉินจื่ออานก็รู้ว่าเรื่องนี้แก้ตัวไม่ได้จริงๆ จึงกลับหลังหัน “ข้าจะไปหานาง!”

“จื่ออาน!” ลู่ม่านจับมือเขาไว้ “เรื่องของหลิ่วเอ๋อก็ช่างเถอะ ยังไงข้าก็ไม่เป็นไรแล้ว เรื่องของหลี่ยวี่เป็นปัญหาในตอนนี้ของพวกเรา เห็นได้ชัดว่าเขาพุ่งมายังโรงงานของพวกเรา ครั้งนี้ไม่สำเร็จ เขาต้องหาวิธีอื่นอีกแน่ หลิ่วเอ๋อพวกเขาก็พยายามช่วยเขาขนาดนั้น หรือเจ้าไม่รู้สึกถึงความผิดปกติเหรอ? แม่กับพี่สองพวกเขาถ้าไม่มีผลประโยชน์ พวกเขาไม่มีทางทำหรอกนะ”

ลู่ม่านไม่ได้เกรงใจมาก เฉินจื่ออานก็รู้ดีอยู่แก่ใจ

“หลิ่วเอ๋อพูดเรื่องหมั้น?” ในที่สุดเฉินจื่ออานก็คิดได้ “พวกเขาต้องถูกหลอกแน่ หลี่ยวี่อะไรนั่นจะแต่งงานกับหลิ่วเอ๋อได้ยังไง?”

“พวกเราต่างก็รู้ดี แต่พวกนางกลับไม่ยอมเชื่อ” เกรงว่าเฉินจื่อคังยังคาดหวังอยู่ ถ้าเฉินหลิ่วเอ๋อแต่งเข้าจวนอ๋องหนิงได้ ช่วยให้เขาได้เป็นขุนนางอีกครั้ง

เฉินจื่ออานขมวดคิ้ว “เรื่องนี้พวกเราต้องบอกกับคุณชายจวงก่อน มีเพียงคุณชายจวงที่จะไปหาอ๋องหนิงได้ จึงจะสามารถยับยั้งหลี่ยวี่ได้”

ลู่ม่านก็คิดแบบนี้ ทั้งสองตัดสินใจเสร็จสรรพแล้ว ก็ไปที่โรงงานด้วยกัน

บอกเรื่องนี้กับผู้ดูแลเสร็จแล้ว ผู้ดูแลก็บอกว่าจะสั่งคนให้รีบส่งจดหมายไปให้จวงลี่จ้ง ตอนที่ออกมา เฉินจื่ออานก็มองลู่ม่านอย่างสงสัย

“เรื่องของเถาฮัวคืออะไรยังไง? ทำไมเมื่อครู่เจ้าพูดถึงเถาฮัว แม่ถึงตกใจตื่นเลย?”

ลู่ม่านส่ายหน้า “ที่จริงข้าก็ไม่รู้หรอก ข้าแค่รู้สึกได้ การจากไปของเถาฮัวกับจ้าวซื่อน่าจะเกี่ยวกับแม่และคนอื่นๆ ไม่งั้นพี่ใหญ่จะแยกตัวออกจากพวกเขาได้ยังไง? ดังนั้น ข้าสังเกตจากข้อนี้น่ะ”

เฉินจื่ออานขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม “แม่สร้างกรรมไว้มากเท่าไหร่กันนะ?”

ใครจะรู้ล่ะ ยังไงลู่ม่านรู้สึกว่ายังดีที่พวกเขาออกมาจากบ้านเฉินเร็ว ไม่งั้น ตอนนี้พวกเขาคงลำบากมากกว่านี้

ทั้งสองกำลังพูดกันอยู่นั้น ทันใดนั้นเฉินจื่อฉายไม่รู้ว่าเดินมาจากไหน เข้ามาลากแขนของเฉินจื่ออานเอาไว้

“จื่ออาน เจ้าช่วยพี่ชายหน่อยนะ!”

เฉินจื่อฉายพูดด้วยน้ำเสียงสะอื้น เขาดูทรุดโทรมลงไปมาก ปกติ เฉินจื่อฉายไม่ค่อยชอบพูด นอกจากจะมีนิสัยอารมณ์ร้อนกับกตัญญูจนเกินเหตุแล้ว อย่างอื่นก็ยังใช้ได้

เฉินจื่ออานเห็นเฉินจื่อฉายเสียใจขนาดนี้ครั้งแรก จึงร้อนใจขึ้นมาทันที “พี่ใหญ่ เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ?”

“ช่วยพี่หน่อยเถอะ พี่เองก็ไม่มีปัญญาแล้วเหมือนกัน” เฉินจื่อฉายพูดไปด้วย ร้องไห้ไปด้วย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน