ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 135

เมนูเส้นทั้งหมดในร้าน วางเต็มบนโต๊ะพวกเฉินหลิ่วเอ๋อ เป็นที่สนใจของผู้คนไปมาไม่น้อย

ปกติเด็กร้านจะช่วยมักชอบมองหาสาวงามให้กับคุณชายรองอ๋องหนิง เวลาพูดเวลาจา ก็อ่อนหวานอย่างมาก เฉินหลิ่วเอ๋อฟังแล้วจิตใจก็เบิกบาน

เฉินหลี่ซื่อก็ถูกการเอาอกเอาใจนี้ ทำให้รู้สึกเหมือนไม่ใช่ความจริง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเฉินจื่อฟู่ที่ปกติก็การเอาใจอยู่แล้ว

ที่แท้การได้รู้จักจวนอ๋องหนิงดีเช่นนี้นี่เอง เพียงแค่เคยเจออย่างบังเอิญ อาหารเช้าก็มากมายขนาดนี้ เขาอดไม่ได้ที่จะคิดว่า หากเฉินหลิ่วเอ๋อได้เข้าไปในจวนอ๋องหนิงจริงๆ บ้านเฉินจะต้องสูงส่งยิ่งกว่าตอนที่เฉินจื่อคังสอบติดราชการไหม?

มีเพียงตาแก่เฉิน รู้สึกได้ถึงความผิดปกติ พูดปัดขึ้นมาว่า “พวกเราทานเสร็จแล้ว น้องชายนำกลับไปเถอะ”

เฉินจื่อฟู่กลัวจะเป็นการทำให้คุณชายรองโกรธ จึงรีบพูดห้ามขึ้นว่า “พ่อ ข้ายังกินไม่อิ่มเลย อีกอย่าง เมื่อกี้หลิ่วเอ๋อก็บอกว่าอยากกินเกี๊ยวน้ำ”

เฉินหลิ่วเอ๋อกำลังตกอยู่ในห้วงแห่งความฝัน โดยเฉพาะตอนนี้เห็นคุณชายรองน่าสนใจมาก อดไม่ได้ที่จะคิดถึงเมื่อคืน สิ่งที่คุณชายรองพูดเมื่อตอนที่ต้องการนาง

ตอนนั้นเพราะหวาดกลัวจึงไม่ได้สนใจ ตอนนี้เมื่อคิดดูแล้ว ทุกคำทุกประโยคนั้นหวานซึ้งอย่างมาก

“กินอะไรอีก?” ตาแก่เฉินเห็นเฉินหลิ่วเอ๋อเป็นแบบนี้ ในใจยิ่งโกรธจัด จนวางตะเกียบฟาดโต๊ะอย่างแรง

ฝันหวานของเฉินหลิ่วเอ๋อแตกสลาย ข้างหูก็ได้ยินเสียงตาแก่เฉินพูดตำหนิว่า “ยังไม่ไป?”

เฉินหลี่ซื่อเห็นว่าตาแก่โกรธมากแล้วจริงๆ จึงดึงเฉินหลิ่วเอ๋อไว้ พร้อมพูดขึ้นว่า “หลิ่วเอ๋อ ไปเถอะ”

ตอนที่เฉินหลิ่วเอ๋อถูกกระชากออกไป ได้หันไปมองทางด้านคุณชายรองแวบหนึ่ง แล้วก็มองสบกับสายตาเป็นกังวลของคุณชายรองพอดี นางรู้สึกภายในใจเหมือนมีอะไรแทง จนแสบจมูก

ที่แท้ความรู้สึกที่มีคนเป็นห่วงเป็นแบบนี้นี่เอง

……

เฉินจื่ออานกับลู่ม่านรออยู่ด้านนอก เห็นพวกตาแก่เฉินออกมาค่อยพูดสิ่งที่จะทำในวันนี้ว่า “พรุ่งนี้คดีของจื่อคังก็จะถูกส่งไปตัดสินแล้ว คุณชายจวงช่วยจัดการให้เราไปดูจื่อคังที่ศาลต้าหลี่”

แน่นอนว่าที่สำคัญคือต้องให้เฉินจื่อคัง พูดกลับคำสิ่งที่พูดไปเรื่อยพวกนั้น

เฉินหลี่ซื่อได้ยินว่าจะได้เห็นเฉินจื่อคังแล้ว ก็รู้สึกตื่นเต้นไปหมด พร้อมพูดขึ้นว่า “จื่ออาน ทำไมไม่บอกแต่แรก? จื่อคังอยู่ในคุกไม่ได้กินอาหารดีๆ ข้าจะไปซื้อเนื้อซื้อสุราอย่างดีไปด้วย”

เฉินจื่ออานขมวดคิ้ว พร้อมพูดขึ้นว่า “แม่ เจ้าไม่ต้องแล้ว”

“ทำไม” เฉินหลี่ซื่อร้องพูดขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าเป็นแม่ของจื่อคัง ทำไมข้าจะไปไม่ได้?”

ลู่ม่านอยากพูดจริงๆ ว่า เพราะเจ้าชอบร้องตะโกนเสียงดังแบบนี้ไง ดังนั้นจึงไปไม่ได้ สถานที่อย่างศาลต้าหลี่แบบนั้น คิดว่าใครก็สามารถเข้าไปได้หรือ? พวกเราเข้าไปยังต้องแอบเข้าไปเลย หากเฉินหลี่ซื่อก็ไปด้วย ตื่นเต้นกรีดร้องขึ้นมา เขายังจะมีชีวิตอยู่หรือ?

ตาแก่เฉินรู้จักหนักเบา จึงพูดตำหนิขึ้นว่า “เจ้าจะก่อเรื่องวุ่นวายอะไร? เป็นผู้หญิงก็อยู่ส่วนผู้หญิง”

เฉินหลี่ซื่อพูดขึ้นอย่างไม่ยอมอ่อนข้อว่า “ลู่ม่านก็ไปได้ไม่ใช่รึ?”

ลู่ม่าน “......อยู่เฉยๆ ก็ยังโดนแดกดัน” นางจึงยิ้มหัวเราะ พร้อมพูดขึ้นว่า “ที่ข้าไป เพราะคุณชายจวงขอให้ข้าไปดูสถานการณ์ หากเจ้าอยากไปจริงๆ งั้นข้าไม่ไปแล้ว ให้เจ้าไปเลย”

เฉินหลี่ซื่อดีใจ แต่ลู่ม่านก็พูดขึ้นอีกว่า

“แต่ข้าได้ยินว่า ในศาลต้าหลี่เข้มงวดอย่างมาก หากคนที่แอบเข้าไปถูกจับได้ จะถูกเผาด้วยคีบที่ร้อน ยังถูกถอนเล็บ......”

ก่อนหน้านี้เฉินหลี่ซื่อเคยติดคุก นางจึงตกใจจนกรีดร้องขึ้นมา

เฉินหลิ่วเอ๋อกอดเฉินหลี่ซื่อไว้ พร้อมพูดขึ้นว่า “แม่ เรารออยู่ที่นี่กันเถอะ”

เฉินหลี่ซื่อยังไม่อยากตายใจ ตาแก่เฉินก็พูดขึ้นอีกว่า “เจ้าอยากให้จื่อคังตายใช่ไหม?”

ครั้งนี้ ในที่สุดเฉินหลี่ซื่อก็ไม่พูดอะไรแล้ว ที่จริงนางเองก็รู้นิสัยของตัวเองดี เมื่อตื่นเต้นขึ้นมาก็จะไม่คำนึงผลที่จะตามมา หากทำอะไรส่งผลกระทบต่อเฉินจื่อคังจริงๆ งั้นก็จะกลายเป็นความผิดอย่างใหญ่หลวง

“งั้น....ข้าไปเตรียมของกินมาให้....”

“เอาอะไรอีก? จื่อคังไม่ได้ต้องกินมื้อสุดท้าย” ตาแก่เฉินพูดไม่น่าฟัง เฉินหลี่ซื่อก้มหน้าก้มตาลงทันที

มีขนบธรรมเนียมประเพณีพื้นบ้าน ไม่ว่าจะทำชั่วร้ายแรงแค่ไหน มื้อสุดท้ายของชีวิตจะต้องเป็นมื้อที่ดีที่สุด บ้านคนปกติ ต่อให้ไปเยี่ยมก็จะไม่เอาเมนูปลาเมนูเนื้อไป ถือว่าไม่มงคล

จวงลี่จ้งจัดการไว้ได้ดีมาก ดังนั้นพวกเขาจึงเข้ามาได้อย่างราบรื่น

เฉินจื่อคังหดหู่ลงอย่างมาก ความเหลื่อมล้ำที่เคยมั่นใจหายหมดสิ้นไป เหลือเพียงความเสื่อมโทรม

ตาแก่เฉินเห็นลูกชายกลายเป็นแบบนี้ น้ำตาร่วงไหลลงทันที พร้อมพูดขึ้นว่า “จื่อคัง.....” เขาพูดขึ้นด้วยเสียงสั่นเทา

เฉินจื่อคังลืมตาหันมาจับมือตาแก่เฉินไว้ พร้อมพูดขึ้นว่า “พ่อ มารับข้าออกไปใช่ไหม? ข้าบอกว่า ข้าไม่ได้ลอกผลงาน พวกนั้นล้วนเป็นคำพูดไปเรื่อยของพวกเขา”

สีหน้าตาแก่เฉินหนักอึ้ง ตบบนใบหน้าเฉินจื่อคังอย่างแรง ตบในครั้งนี้ เห็นได้ชัดว่าผิดหวังในตัวเขาอย่างมาก

ก่อนหน้านี้ ตอนที่เขาจะไปติดสินบน ตาแก่เฉินก็เคยพูดแล้ว การเป็นคน การซื่อสัตย์สุจริตสำคัญที่สุด ไม่ว่าตอนไหน จะทำให้บ้านเฉินเสื่อมเสียชื่อเสียงไม่ได้

แต่ว่าคิดไม่ถึงจริงๆ

ต่อให้ยังไม่ได้เจอเฉินจื่อคัง เขายังสามารถพูดอ้างต่อหน้าคนอื่น พูดว่าเป็นการเข้าใจผิด

แต่เมื่อเผชิญหน้ากับเฉินจื่อคัง มองเห็นแววตาที่รอคอยของเขา เขาจำเป็นต้องทำให้เขาเข้าใจในฐานะพ่อคนหนึ่ง ว่าตนเองทำผิดจริงๆ

เฉินจื่อคังถูกตีอย่างตั้งตัวไม่ติด นิ่งอึ้งไปสักพัก จากนั้น เขามองดูตาแก่เฉินอย่างไม่อยากเชื่อ พร้อมพูดขึ้นว่า “พ่อ? เจ้าตบข้า?”

“เรื่องเกิดขึ้นแล้ว” ตาแก่เฉินพูดขึ้นอย่างเสียใจว่า “ไม่มีทางถอยแล้ว”

เฉินจื่อคังรีบลุกขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่ พ่อ นี่เป็นไปได้อย่างไร? ตระกูลจวงล่ะ? ตระกูลจวงก็จะไม่ช่วยข้าแล้วหรือ? พวกเขาไม่กลัวว่าข้าจะพูดอะไรที่เป็นการทำให้พวกเขาเสื่อมเสียไปมากกว่านี้หรือ?”

พูดถึงตรงนี้ ก็ไม่มีอะไรต้องถามอีกแล้ว

จวงลี่จ้งไม่ได้ใส่ร้ายเขา เรื่องที่ดึงตระกูลจวงมาเกี่ยวข้องด้วย เป็นฝีมือของเฉินจื่อคัง อีกอย่าง ตอนนี้ฟังความหมายของเขา ที่เขาทำแบบนี้ ล้วนเป็นเพราะอยากดึงตระกูลจวงลงมาเกี่ยวข้องด้วย จากนั้นตระกูลจวงก็จำเป็นต้องช่วยเขา?

ไร้เดียงสาจริงๆ

“เจ้าหุบปาก” ตาแก่เฉินรีบห้ามไม่ได้เขาพูดไปเรื่อย คนที่พาพวกเขาเข้ามาเมื่อกี้ จะต้องเป็นคนของตระกูลจวงแน่ หากเฉินจื่อคังยังพูดอะไรไปเรื่อยอีก แล้วเขาได้ยิน ผลที่จะตามมาไม่อาจคาดคิด

“จื่อคัง เจ้าพูดความจริง คนที่เจ้าพูดถึงคนนั้นรับสินบนมาจริงๆ หรือเปล่า?” ตาแก่เฉินพูดขึ้นอย่างถอดถอนใจ

เฉินจื่อคังไม่พอใจที่ถูกตาแก่เฉินตบ ดังนั้นจึงพูดจาแข็งกระด้างขึ้นมาว่า “สิ่งที่ควรพูด ข้าพูดหมดแล้ว”

“เฉินจื่อคัง” ในที่สุดเฉินจื่ออานก็อดไม่ไหว เรียกชื่อเขาด้วยเสียงเข้ม พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าคิดว่าเจ้าพูดเช่นนี้ ตระกูลจวงก็จะช่วยเจ้าหรือ? คนคนนั้นสำคัญจริง แต่คนในตระกูลใหญ่โตแบบนั้น จะสนใจคนคนเดียวหรือ? เมื่อมีความจำเป็น พวกเขายินยอมที่จะทิ้ง จะไม่เก็บคนคนนั้นไว้ให้เป็นภัย ถึงตอนนั้น เจ้าจะเป็นยังไง เจ้าไม่รู้หรือ?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน