ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 143

หลังจากกลับไปแล้วไม่กี่วัน บ้านเหยาก็เปิดร้านจริงๆ

พวกเขาสองสามีภรรยาฉลาดมาก รู้ตัวว่ากำลังมุ่งเป้าไปยังสายชาวบ้านทั่วไป ดังนั้นจึงไม่คิดที่จะไปเปิดที่ย่านเศรษฐี ไปเปิดอยู่นอกถนนในตลาดตะวันออก เช่าพื้นที่ร้านสิบตารางเมตร

มีเคาน์เตอร์ด้านใน นอกจากนี้ยังมีเตียงขนาดเล็กด้านหลังคั่นด้วยเคาน์เตอร์ สามารถพักผ่อนได้ในยามปกติ ยังมีลานว่างไม่ใหญ่ แต่สามารถทำกับข้าวได้

บางครั้งหากหวังเอ้อร์หนิวไม่กลับไป ก็สามารถพักที่นี่ได้ ทุกอย่างมีครบหมด

เดิมหวังเอ้อร์หนิวก็มีฝีมือไม่เลว เคาน์เตอร์ภายในร้านล้วนทำเองทั้งหมด ประณีตอย่างมาก บนนั้นยังแกะสลักดอกไม้ด้วย เพราะก่อนหน้านี้เรียนรู้มาจากลู่ม่าน วันแรกที่เปิดร้าน พวกเขายังมีของแถมมากมาย

ไม่เพียงซื้อเพิ่มแล้วมีของขวัญ ยังมีกิจกรรมลุ้นจับฉลากรางวัล บรรยากาศคึกคักอย่างเป็นประวัติการณ์

เหยาซื่อคงคิดไม่ถึงว่า บรรยากาศในวันแรกจะดีมากขนาดนี้ ทั้งสองสามีภรรยางานยุ่งจนเท้าทั้งคู่แทบไม่ได้แตะพื้น เดิมลู่ม่านกับเฉินจื่ออานก็อยากมางานเปิดร้าน แต่ผลสุดท้ายก็ขายของอยู่ที่นั่นแล้ว

ในขณะที่กำลังยุ่งอยู่ ด้านหลังมีคนพูดขึ้นว่า “เอาผลไม้กวนมาให้ข้าสิบขวด”

ลู่ม่านตอบรับ แล้วก็รีบถามว่าจะเอารสอะไร เมื่อยื่นไปให้ เงยหน้าขึ้นเห็นคนที่มาคือเหลียงจื่อโต้ง เหลียงจื่อโต้งก็จำลู่ม่านได้ รีบหันไปพูดกับคนด้านหลังว่า

“จื่อคัง ที่แท้ก็เป็นพี่ชายพี่สะใภ้เจ้านี่”

ลู่ม่านค่อยเห็นว่า ที่แท้คนที่อยู่ด้านหลังเหลียงจื่อโต้งห่างออกไปไม่ไกลยังมีอีกคนหนึ่ง นั่นก็คือเฉินจื่อคัง

นี่เป็นครั้งแรกที่ลู่ม่านเห็นเฉินจื่อคัง หลังจากที่เขาออกมาจากคุก ผ่ายผอมไปมาก คนทั้งคนไม่แลดูสง่างามเหมือนเมื่อก่อนแล้ว

ตอนที่ลู่ม่านหันไปมอง ก็เห็นเฉินจื่อคังกำลังจ้องมองสิ่งของในร้านนี้ด้วยสายตาเย็นชา แววตาค่อนข้างซับซ้อน

เมื่อได้ยินเสียง เขาค่อยหันกลับมา ไม่แม้แต่จะมองลู่ม่านก็เดินออกมาเลย

เหลียงจื่อโต้งค่อนข้างเก้อเขิน จึงพูดขึ้นว่า “จื่อคังคงอารมณ์ไม่ดี”

“ไม่เป็นไร” ลู่ม่านพูดขึ้น

เพราะก่อนหน้านี้เคยไปซื้อของที่ร้านหนังสือบ้านเหลียง ทุกครั้งบ้านเหลียงก็จะมีของแถมให้ ดังนั้นลู่ม่านก็ไม่ขี้เหนียว ใช้ชื่อของตนเองแถมแยมรสใหม่สองขวดให้กับเหลียงจื่อโต้ง

เหลียงจื่อโต้งรับไปอย่างดีใจ ลู่ม่านค่อยพูดกับเหยาซื่อที่อยู่ด้านข้างว่า “สองขวดเมื่อกี้นั่นข้าซื้อเอง”

“ไม่เป็นไร” เหยาซื่อส่ายหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “แค่ผลไม้กวนสองกระปุกเอง ของเจ้าหรือของข้าก็เหมือนกัน”

ลู่ม่านพูดขึ้นอย่างจริงจังว่า “นี่ไม่เหมือนกัน เหยาซื่อ ถ้าข้าเอาไปเองข้าก็จะไม่เอาเงินให้เจ้า แต่ตอนนี้ข้าเอาให้คนอื่น นั่นถือเป็นน้ำใจของข้า”

เหยาซื่อฟังแล้วก็เห็นว่าถูก จึงยื่นมือรับมา แล้วหันไปมองทางหน้าประตูพร้อมพูดขึ้นอย่างเป็นกังวลว่า “จื่อคังเป็นอะไรหรือ? ทำไมแววตาดูน่ากลัวแบบนั้น? ก็แค่สอบไม่ติดเองไม่ใช่หรือ? เขายังหนุ่มยังแน่น ปีหน้าค่อยสอบใหม่อีกไม่ได้หรือ?”

คนในหมู่บ้าน ต่างรู้ว่าเฉินจื่อคังสอบไม่ติด แต่ไม่รู้ว่าทำไมถึงสอบไม่ติด เพื่อให้เรื่องนี้สงบเงียบ ตระกูลจวงลงทุนลงแรงไม่น้อย ดังนั้นเรื่องการลอกโกงข้อสอบ นอกจากคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องไม่กี่คนที่รู้แล้ว คนอื่นไม่มีใครรู้

แน่นอนว่าลู่ม่านก็จะไม่พูดออกไป เพียงแค่พูดขึ้นอย่างเรียบเฉยว่า “น่าจะอารมณ์ไม่ดีมั้ง?”

“คงใช่แหละ” เหยาซื่อพูดขึ้นว่า “ร่ำเรียนมาตั้งนานหลายปีขนาดนี้ สอบไม่ติดแล้วสภาพจิตใจจะดีหรือ? แต่ปีหน้าก็ยังมีการสอบอีกไม่ใช่หรือ? จื่อคังไม่กลัวหรือ”

“อืม” ลู่ม่านตอบอย่างคลุมเครือ

ช่วงบ่ายตอนที่กลับไป ลู่ม่านก็พูดกับเฉินจื่ออานว่า “ดูแล้วสภาพจื่อคังไม่ค่อยดีเลย”

“ข้าก็เห็นแล้ว” เฉินจื่ออานพูดขึ้นว่า “แต่เรื่องนี้ ที่สำคัญที่สุดก็ยังคงท่าทีของพ่อกับแม่ จื่อคังเขามีความคิดเป็นของตนเอง ไม่ยอมฟังข้าอย่างแน่นอน”

ลู่ม่านพยักหัวพร้อมพูดขึ้นว่า “หากเจ้ามีเวลา ก็ไปเตือนพวกเขาบ้าง”

เฉินจื่ออานได้ยินเช่นนี้ ก็หันมามองดูลู่ม่านอย่างซาบซึ้ง พร้อมพูดขึ้นว่า “เสี่ยวม่าน ข้าเข้าใจเจ้าดี เจ้าปากร้ายใจดี”

ลู่ม่าน “……”

ที่นางพูดก็เพราะดูจากสภาพเฉินจื่อคังแล้ว นางกลัวว่าใครจะคิดไม่ได้ อาจจะคิดแก้แค้นสังคม หรือคิดแก้แค้นพวกเขาต่างหาก?

หลังจากกลับไปแล้ว เฉินจื่ออานก็ไปที่บ้านเฉินแล้วพูดเรื่องนี้ ซึ่งเรื่องนี้เฉินหลี่ซื่อไม่แยแสเลย ยังตะคอกก่นด่าเฉินจื่ออานว่า “ยังไงจื่อคังก็เป็นน้องชายของเจ้า ตอนนี้กว่าจะดีขึ้นมาหน่อย ออกไปเดินเล่น ทำไมเจ้าถึงไม่คิดหวังดีกับเขาบ้าง? ยังพูดสาปแช่งเขา?”

เฉินจื่ออาน “……”

ตาแก่เฉินก็เห็นว่าเฉินจื่ออานคิดมากไป จึงพูดขึ้นว่า “จื่อคังยังอารมณ์ไม่ดี แต่เขาเป็นเด็กที่มีจิตใจเมตตา รู้จักหนักเบา เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง”

ในเมื่อพวกเขาต่างพูดเช่นนี้แล้ว เฉินจื่ออานจึงจำต้องเงียบ

เดินเฉินจื่อฟู่มาพูดขึ้นว่า “จื่ออาน ข้าได้ยินมาว่า หวังเอ้อร์หนิวกับเหยาซื่อเปิดร้านในตำบลแล้วหรือ? เจ้าเป็นคนจัดการหรือเปล่า?”

“เปล่า” เฉินจื่ออานพูดตามความจริงว่า “พวกเขาเป็นคนจัดการกันเอง นางเพียงแค่รับสินค้าไปจากข้าเท่านั้นเอง”

เฉินจื่อฟู่ยิ้มน้อย ๆ โดยไม่เผยอริมฝีปาก พร้อมพูดขึ้นว่า “จื่ออาน ดูเจ้าสิ ข้าเป็นพี่รองของเจ้า ไม่ใช่คนอื่นคนไกล จำเป็นจะต้องปิดบังกันแบบนี้ด้วยหรือ? ต่อให้เจ้าช่วยพวกเขาจริงๆ นั่นก็เป็นเรื่องของเจ้าเอง พี่รองก็แค่ถาม”

เฉินจื่ออานรู้สึกเหนื่อยใจขึ้นมาในทันที จึงพูดขึ้นว่า “พี่รอง เจ้าเข้าใจผิดแล้วจริงๆ ข้าไม่ได้ช่วยนาง”

“งั้นพวกเขาเอาเงินพวกนั้นมาจากไหน? เพียงแค่ช่วงเวลาไม่กี่เดือน แผงขายเล็กๆ ในตำบลของพวกนางนั้น สามารถเปิดเป็นร้านได้แล้วหรือ?”

ลู่ม่านที่ฟังอยู่ด้านนอก ในที่สุดก็อดทนไม่ไหว ก้าวเท้าเดินเข้ามา เมื่อกี้เฉินจื่ออานผ่านมา แล้วจะเข้ามาที่นี่ ลู่ม่านเป็นห่วงว่าเขาจะถูกรังแก ดังนั้นจึงลงมายืนฟังอยู่ตรงหน้าประตู

“หรือพี่รองคิดว่า สะสมเงินหลายเดือนเพื่อเปิดร้านต้องใช้เงินเยอะหรือ? จะว่าไปแล้ว พวกเขาทั้งสองคนมีความพยายามอย่างมากจริงๆ ทั้งเปิดแผงขาย และก็ยังทำนาที่บ้าน ไม่เหมือนกับคนบางคนในหมู่บ้าน วันๆ ดีแต่พูด เอาเปรียบคนอื่น”

คนฉลาดต่างก็รู้ว่า ลู่ม่านพูดประโยคนี้เพื่อเหน็บแนมเฉินจื่อฟู่ เฉินจื่อฟู่เองก็ฟังรู้เรื่อง

ดังนั้นสีหน้าเขาจึงเปลี่ยนไปทันที พร้อมพูดขึ้นว่า “น้องสะใภ้พูดเช่นนี้ หมายถึงข้าหรือ?”

“ข้าหมายถึงคนขี้เกียจ” ลู่ม่านพูดพร้อมหันไปยิ้มให้กับเฉินจื่อฟู่อย่างจริงใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “พี่รอง เจ้าเป็นคนขี้เกียจไหม?”

คำถามนี้ เฉินจื่อฟู่ไม่รู้ว่าจะโกรธหรือไม่โกรธดี สุดท้ายสีหน้ากลายเป็นจานผสมสีไปแล้ว

นี่ยังไม่จบ ลู่ม่านหันไปมองตาแก่เฉิน พร้อมพูดขึ้นว่า “ก่อนหน้านี้แม่เคยรับปากว่า หลังจากกลับมาจากเมืองหย่งอาน ก็จะจัดการเรื่องย้ายออกจากตระกูล ไม่รู้ว่าวันนี้พ่อมีเวลาว่างไหม วันนี้เราไปจัดการกันเลยดีไหม”

ลู่ม่านพูดขึ้นมาอย่างกะทันหัน ตาแก่เฉินอึ้งไปในทันที

“จื่ออานเจ้าจะย้ายออกจากตระกูลจริงๆ หรือ?”

เฉินจื่ออานก็รู้สึกว่าลู่ม่านพูดขึ้นมาอย่างกะทันหัน แต่ไม่ว่าจะช้าหรือเร็วก็ต้องจัดการ จึงพยักหัวพร้อมพูดขึ้นว่า “อืม ตอนนั้นแม่รับปากแล้ว”

ตาแก่เฉินได้ยินแบบนี้ ก็หันไปส่งสายตาดุให้กับเฉินหลี่ซื่อทันที

“ใครบอกว่าข้ารับปาก?” จู่ๆ เฉินหลี่ซื่อก็กลับคำ พร้อมพูดขึ้นว่า “ตอนนั้นพ่อของเจ้าตกอยู่ในสถานการณ์แบบนั้น เพราะไม่มีเงิน ข้าจึงตอบตกลงเพื่อพ่อของเจ้า ทำไมตอนนี้ถึงกลายเป็นความผิดของข้าล่ะ?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน