หลังจากกลับไปแล้วไม่กี่วัน บ้านเหยาก็เปิดร้านจริงๆ
พวกเขาสองสามีภรรยาฉลาดมาก รู้ตัวว่ากำลังมุ่งเป้าไปยังสายชาวบ้านทั่วไป ดังนั้นจึงไม่คิดที่จะไปเปิดที่ย่านเศรษฐี ไปเปิดอยู่นอกถนนในตลาดตะวันออก เช่าพื้นที่ร้านสิบตารางเมตร
มีเคาน์เตอร์ด้านใน นอกจากนี้ยังมีเตียงขนาดเล็กด้านหลังคั่นด้วยเคาน์เตอร์ สามารถพักผ่อนได้ในยามปกติ ยังมีลานว่างไม่ใหญ่ แต่สามารถทำกับข้าวได้
บางครั้งหากหวังเอ้อร์หนิวไม่กลับไป ก็สามารถพักที่นี่ได้ ทุกอย่างมีครบหมด
เดิมหวังเอ้อร์หนิวก็มีฝีมือไม่เลว เคาน์เตอร์ภายในร้านล้วนทำเองทั้งหมด ประณีตอย่างมาก บนนั้นยังแกะสลักดอกไม้ด้วย เพราะก่อนหน้านี้เรียนรู้มาจากลู่ม่าน วันแรกที่เปิดร้าน พวกเขายังมีของแถมมากมาย
ไม่เพียงซื้อเพิ่มแล้วมีของขวัญ ยังมีกิจกรรมลุ้นจับฉลากรางวัล บรรยากาศคึกคักอย่างเป็นประวัติการณ์
เหยาซื่อคงคิดไม่ถึงว่า บรรยากาศในวันแรกจะดีมากขนาดนี้ ทั้งสองสามีภรรยางานยุ่งจนเท้าทั้งคู่แทบไม่ได้แตะพื้น เดิมลู่ม่านกับเฉินจื่ออานก็อยากมางานเปิดร้าน แต่ผลสุดท้ายก็ขายของอยู่ที่นั่นแล้ว
ในขณะที่กำลังยุ่งอยู่ ด้านหลังมีคนพูดขึ้นว่า “เอาผลไม้กวนมาให้ข้าสิบขวด”
ลู่ม่านตอบรับ แล้วก็รีบถามว่าจะเอารสอะไร เมื่อยื่นไปให้ เงยหน้าขึ้นเห็นคนที่มาคือเหลียงจื่อโต้ง เหลียงจื่อโต้งก็จำลู่ม่านได้ รีบหันไปพูดกับคนด้านหลังว่า
“จื่อคัง ที่แท้ก็เป็นพี่ชายพี่สะใภ้เจ้านี่”
ลู่ม่านค่อยเห็นว่า ที่แท้คนที่อยู่ด้านหลังเหลียงจื่อโต้งห่างออกไปไม่ไกลยังมีอีกคนหนึ่ง นั่นก็คือเฉินจื่อคัง
นี่เป็นครั้งแรกที่ลู่ม่านเห็นเฉินจื่อคัง หลังจากที่เขาออกมาจากคุก ผ่ายผอมไปมาก คนทั้งคนไม่แลดูสง่างามเหมือนเมื่อก่อนแล้ว
ตอนที่ลู่ม่านหันไปมอง ก็เห็นเฉินจื่อคังกำลังจ้องมองสิ่งของในร้านนี้ด้วยสายตาเย็นชา แววตาค่อนข้างซับซ้อน
เมื่อได้ยินเสียง เขาค่อยหันกลับมา ไม่แม้แต่จะมองลู่ม่านก็เดินออกมาเลย
เหลียงจื่อโต้งค่อนข้างเก้อเขิน จึงพูดขึ้นว่า “จื่อคังคงอารมณ์ไม่ดี”
“ไม่เป็นไร” ลู่ม่านพูดขึ้น
เพราะก่อนหน้านี้เคยไปซื้อของที่ร้านหนังสือบ้านเหลียง ทุกครั้งบ้านเหลียงก็จะมีของแถมให้ ดังนั้นลู่ม่านก็ไม่ขี้เหนียว ใช้ชื่อของตนเองแถมแยมรสใหม่สองขวดให้กับเหลียงจื่อโต้ง
เหลียงจื่อโต้งรับไปอย่างดีใจ ลู่ม่านค่อยพูดกับเหยาซื่อที่อยู่ด้านข้างว่า “สองขวดเมื่อกี้นั่นข้าซื้อเอง”
“ไม่เป็นไร” เหยาซื่อส่ายหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “แค่ผลไม้กวนสองกระปุกเอง ของเจ้าหรือของข้าก็เหมือนกัน”
ลู่ม่านพูดขึ้นอย่างจริงจังว่า “นี่ไม่เหมือนกัน เหยาซื่อ ถ้าข้าเอาไปเองข้าก็จะไม่เอาเงินให้เจ้า แต่ตอนนี้ข้าเอาให้คนอื่น นั่นถือเป็นน้ำใจของข้า”
เหยาซื่อฟังแล้วก็เห็นว่าถูก จึงยื่นมือรับมา แล้วหันไปมองทางหน้าประตูพร้อมพูดขึ้นอย่างเป็นกังวลว่า “จื่อคังเป็นอะไรหรือ? ทำไมแววตาดูน่ากลัวแบบนั้น? ก็แค่สอบไม่ติดเองไม่ใช่หรือ? เขายังหนุ่มยังแน่น ปีหน้าค่อยสอบใหม่อีกไม่ได้หรือ?”
คนในหมู่บ้าน ต่างรู้ว่าเฉินจื่อคังสอบไม่ติด แต่ไม่รู้ว่าทำไมถึงสอบไม่ติด เพื่อให้เรื่องนี้สงบเงียบ ตระกูลจวงลงทุนลงแรงไม่น้อย ดังนั้นเรื่องการลอกโกงข้อสอบ นอกจากคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องไม่กี่คนที่รู้แล้ว คนอื่นไม่มีใครรู้
แน่นอนว่าลู่ม่านก็จะไม่พูดออกไป เพียงแค่พูดขึ้นอย่างเรียบเฉยว่า “น่าจะอารมณ์ไม่ดีมั้ง?”
“คงใช่แหละ” เหยาซื่อพูดขึ้นว่า “ร่ำเรียนมาตั้งนานหลายปีขนาดนี้ สอบไม่ติดแล้วสภาพจิตใจจะดีหรือ? แต่ปีหน้าก็ยังมีการสอบอีกไม่ใช่หรือ? จื่อคังไม่กลัวหรือ”
“อืม” ลู่ม่านตอบอย่างคลุมเครือ
ช่วงบ่ายตอนที่กลับไป ลู่ม่านก็พูดกับเฉินจื่ออานว่า “ดูแล้วสภาพจื่อคังไม่ค่อยดีเลย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน
เป็นพอ.ที่กลับกรอก เป็นที่พึ่งไม่ได้เลย ยอกจะออกจากครอบครัวเลวๆนี่ไม่จริงอีก ภาระของนางเอก ถ่วงแข้งถ่วงขาจริงๆ...
เด็กไม่ตายเพราะแม่คลอดยากจะตายเพราะคนรับใช้ป้อนโจ๊กข้าวจนอิ่มตื้อ รอดได้คือดวงแข็งเว่อ...
อ่านไป งงไป ตัดสินประหาร หรืออภัยโทษ?...
หม่อมข้า? ใช้ MS Word ไม่ระวังเลย...
ตั้งแต่ต้นจนถึงตอน 337 แล้ว โดยภาพรวมพระเอกไม่ค่อยมีเสน่ห์ ไม่เฉียบแหลมเลย...
อะไรจะมีปมขนาดนั้น วุ่นวายตอกย้ำเหลือเกินเกี่ยวกับระบบศักดินา ทั้งที่มันเป็นคนละยุคสมัยกัน...
ตอน285-287 หายทำไงดี...
ตอนหายค่ะ 284แล้วกระโดดไป288เลยค่ะ...
บท 285-287 หายค่ะ 284แล้ว288เลย รบกวนด้วยค่ะ...
281-311 รบกวนด้วยค่ะ...