ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 145

ลู่ม่านเห็นแบบนี้ ก็ลุกขึ้นมา

“ทุกคนรู้มาจากไหนว่าจื่ออานไม่เอาพ่อแม่”

คนที่พูดตำหนิคนนั้นเห็นแบบนี้ ก็พูดขึ้นทันทีว่า “เพราะจื่ออานทำแบบนี้แน่ ถึงมีข่าวออกมาแบบนี้ คงไม่ร่ำลือกันไปเรื่อยมั้ง?”

ลู่ม่านมองดูคนนั้นด้วยสายตาเย็นชา คนคนนั้นลู่ม่านยังพอจำได้ เป็นคนเสเพลที่มีชื่อเสียงในหมู่บ้าน และก็เป็นน้องชายของสามีเฉินเหมยเซียงที่หายสาบสูญคนนั้น

ครั้งก่อนตอนที่ในหมู่บ้านรับซื้อส้ม เขาก็ขัดคออยู่ตรงนั้น ครั้งนี้ก็เป็นเขาอีก

สายตาลู่ม่านเยือกเย็นลง พร้อมพูดขึ้นว่า “งั้นเรื่องที่เจ้าทอดทิ้งพ่อแม่ คนในหมู่บ้านต่างก็รู้ หรือว่า นี่ก็เป็นความจริง?”

“เจ้าพูดไปเรื่อย” คนคนนั้นสีหน้ามืดดำทันที ยังไงคนในหมู่บ้านต่างก็ไม่ชอบเขาอยู่แล้ว จึงล้วนหัวเราะออกมา

เมื่อทุกคนหัวเราะ คนคนนั้นยิ่งไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน

เขาชี้หน้าลู่ม่าน พร้อมกัดฟันพูดขึ้นว่า “นังบ้า เชื่อไหมว่าข้าจะตบเจ้า”

ยังพูดไม่จบ ก็ถูกเฉินจื่ออานคว้าจับข้อมือไว้ ได้ยินเพียงเสียงกระดูกหัก พร้อมเสียงกรีดร้องของเขา

“ระวังปากหน่อย เจ้าเป็นคนยังไง คนในหมู่บ้านต่างก็รู้ดี”

คนคนนั้นไม่อยากยอมรับ แต่เฉินจื่ออานออกแรงไม่เบา เขาเจ็บปวดจนทนไม่ไหว จนต้องร้องขอว่า “จื่ออาน ข้าพูดผิดไปแล้ว เจ้ารีบปล่อยมือ”

เฉินจื่ออานโยนมือของเขาออกไป คนคนนั้นก็ไม่สนใจที่จะอยู่ดูต่อไปแล้ว วิ่งหนีออกไปทันที

สถานการณ์สงบลง เฉินจื่ออานค่อยพูดขึ้นว่า “ข้าเฉินจื่ออานเติบโตอยู่ในหมู่บ้าน ข้าเป็นคนยังไงกันแน่ ข้าคิดว่าในใจทุกคนในหมู่บ้านต่างรู้ดี คำพูดเมื่อกี้พวกนั้น ข้าจะถือว่าไม่ได้ยิน ส่วนเรื่องที่ข้าจะออกจากตระกูล เป็นเรื่องส่วนตัวของบ้านเฉิน ข้าเห็นว่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องอธิบายให้ใครฟัง”

“ใช่ จื่ออานพูดถูก” หวังเอ้อร์หนิวยืนออกมาพูดเป็นคนแรกว่า “ทุกคนลืมไปแล้วหรือว่า จื่ออานนำความเจริญมาสู่หมู่บ้าน? เมื่อก่อน เราทำงานในตำบล เดือนหนึ่งมีรายได้มากสุดก็แค่สองร้อยตำลึง แต่ตอนนี้ จื่ออานให้อย่างน้อยก็สามร้อยเหวิน ไม่เพียงเท่านี้ จื่ออานยังเอากระดิ่งไม้ไผ่พวกนั้นแบ่งให้คนในหมู่บ้านทำ ไม่ใช่เพื่อให้ทุกคนมีกินมีใช้ขึ้นมาหรือ? พวกเจ้าเคยคิดไหม หากจื่ออานไปแล้ว หมู่บ้านของเราจะกลายเป็นยังไง?”

หวังเอ้อร์หนิวพูดให้ทุกคนมีสติขึ้นมา เริ่มแรกพวกเขาต่างตั้งใจมาดูเพื่อความสนุก คราวนี้ จู่ๆ ก็ได้สติขึ้นมา เฉินจื่ออานจะออกจากตระกูล งั้นก็จะไม่ใช่คนหมู่บ้านไป่ฮัวแล้ว ด้วยความสามารถของเขา สามารถไปอยู่ที่อื่นได้ และก็จะต้องมีคนมากมายที่อยากได้เขาไป งั้นถ้าเขาไปแล้ว คนในหมู่บ้านจะทำยังไง?

ครอบครัวคนที่มีคนทำงานในโรงงานเฉินจื่ออาน ต่างหันมามองเฉินจื่ออานอย่างร้อนใจ

เฉินจื่ออานไม่มีอารมณ์อธิบายเรื่องพวกนี้ให้พวกเขาฟัง เพราะพวกผู้อาวุโสกับผู้ใหญ่บ้านมากันแล้ว โดยเฉพาะผู้ใหญ่บ้าน สีหน้าย่ำแย่มาก

เข้าประตูมาก็หันไปถามเฉินจื่ออานว่า “เฉินจื่ออาน เกิดอะไรขึ้นกันแน่หรือ? ต้องถึงกับออกจากตระกูลเลยหรือ?”

เฉินจื่ออานเม้นริมฝีปาก พร้อมพูดขึ้นว่า “ท่านลุงผู้ใหญ่บ้าน เข้าไปคุยกันข้างในดีกว่า”

ผู้ใหญ่บ้านพยักหัว แล้วก็หันมองไปที่ฝูงชนที่อยู่ข้างหลังเขาที่กำลังเฝ้าดูด้วยความตื่นเต้น โบกมืออย่างจนใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “กลับไปกันเถอะ งานในทุ่งกำลังยุ่งไม่ใช่หรือ? ที่บ้านว่างงานหรือ?”

คำพูดของผู้ใหญ่บ้าน ยังคงมีอำนาจในหมู่บ้าน คนส่วนใหญ่ต่างก็เตรียมจะกลับไปแล้ว มีคนแก่คนหนึ่งคว้าจับข้อมือผู้ใหญ่บ้านไว้ พร้อมพูดขึ้นว่า “จื่ออานจากไปไม่ได้นะ”

ผู้ใหญ่บ้านพยักหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้ารู้ เรื่องนี้ข้าจะจัดการเอง”

พูดเสร็จเขาค่อยเชิญพวกผู้อาวุโสเดินเข้าไปในบ้านเฉิน

เฉินหลี่ซื่อ ตาแก่เฉิน เฉินจื่อฟู่ ลู่ม่าน เฉินจื่ออาน ยังมีผู้ใหญ่บ้านกับผู้อาวุโสหลายคน ต่างที่นั่งแล้วนั่งลง สีหน้าผู้ใหญ่บ้านไม่ดีเลย แต่ก็ยังคงเชิญให้ผู้อาวุโสพูดก่อน

คนแรกที่พูดก็คือ ผู้อาวุโสที่อาวุโสที่สุดในบ้านเฉินตอนนี้ ตาแก่เฉินเรียกเขาว่าลุงสี่ ถึงจะอายุมาก แต่สายตาเฉียบคมมาก

มาถึงก็จ้องมองดูเฉินจื่ออานสักพัก หากในใจมีความคิดเป็นอื่น คงถูกเขาทำให้ตกใจตายแน่

แต่สีหน้าเฉินจื่ออานไม่เปลี่ยนแปลง เขาค่อยพูดขึ้นว่า “จื่ออาน เจ้าพูดมาว่าเกิดอะไรขึ้น?”

“ท่านปู่สี่ รุ่นหลังไม่มีอะไรต้องพูดอธิบาย ข้าพูดได้เพียงว่า เรื่องนี้ตอนที่อยู่เมืองหย่งอาน แม่รับปากแล้ว ดังนั้นขอท่านปู่สี่ตกลงด้วย”

“เหลวไหล” ท่านปู่สี่ตบโต๊ะอย่างแรง พร้อมพูดขึ้นว่า “เรื่องออกจากตระกูล สามารถทำได้อย่างขอไปทีหรือ? บ้านเฉินเรา เมื่อไหร่ที่ผู้หญิงมาใช้นิ้วชี้สั่งได้ เจ้าห้า? เจ้าก็เห็นด้วยหรือ?”

เจ้าห้าที่ท่านปู่สี่พูดถึงก็คือตาแก่เฉิน ด้วยอายุของเขาเป็นผู้ชายที่จัดอยู่ในลำดับที่ห้าของตระกูล

ตาแก่เฉินเอามือกุมหัวนั่งอยู่ตรงนั้น ได้ยินว่าถูกเรียกชื่อ จึงถามขึ้นว่า “อืม ข้าตกลงแล้ว”

“เหลวไหล ผู้หญิงไม่รู้เรื่อง เจ้าเองก็ไม่รู้เรื่องหรือ? เกิดอะไรขึ้นกันแน่? เจ้าเล่ามาให้หมด”

อย่างเห็นว่าปกติตาแก่เฉินอยู่บ้านวางท่าเข้มงงด อยู่ตรงหน้าตาแก่เฉิน ก็กลายเปลี่ยนเป็นขี้ขลาดเหมือนเด็ก

เมื่อครุ่นคิดดูแล้ว ค่อยเล่าเรื่องที่เขารู้มา ตอนที่เกิดเรื่องตอนอยู่เมืองหย่งอาน

ฟังดูก็เกินเหตุแล้ว แต่ตามที่พวกผู้อาวุโสรู้จักเฉินหลี่ซื่อ เกรงว่าสถานการณ์ความจริงของเรื่องนี้ ร้ายแรงยิ่งกว่าตาแก่เฉินเล่ามาแน่

แต่เฉินหลี่ซื่อกลับไม่รู้สึกอะไร หรี่ตาลงพร้อมลากเสียงพูดขึ้นว่า “หากจื่ออานไป ค่าเลี้ยงดูขาดไม่ได้.....”

เฉินจื่อฟู่ที่อยู่ด้านข้างยังอยากช่วยพูดเสริม แต่ท่านปู่สี่ตะคอกพูดขึ้น คำพูดของเฉินจื่อฟู่ที่มาถึงปาก ล้วนถูกกลืนกลับไปด้วยความตกใจ

“หุบปาก” ท่านปู่สี่ตบโต๊ะอย่างแรง ลุกขึ้นมาชี้หน้าเฉินหลี่ซื่อ พร้อมตะคอกพูดขึ้นว่า “เจ้าห้า เมียแบบนี้เจ้าไม่เลิก จะเก็บไว้ทำอะไร?”

ท่าทีท่านปู่ท่วมท้น ทำให้ทุกคนทั้งบ้านตกตะลึงทันที เฉินหลี่ซื่อได้สติขึ้นมาก่อน นั่งลงกับพื้นแล้วก็เริ่มร้องห่มร้องไห้

“ทำไมต้องเลิกกับข้า? ข้ามีลูกชายให้กับบ้านเฉินสามคน ฝาแฝดอีกหนึ่งคู่ ข้ามีคุณความดีทำไมต้องเลิกกับข้า?”

“เพราะเจ้าไม่ฉลาดเฉลียวไม่มีเมตตา” สี่หน้าท่านปู่สี่เขียวปัด พร้อมพูดขึ้นว่า “จื่ออานเป็นลูกหลานบ้านเฉิน เจ้ามีสิทธิ์อะไรให้เขาออกไปจากตระกูล? เจ้ามีอำนาจอะไร?”

“ข้า.....ข้า......” เฉินหลี่ซื่ออ้ำๆ อึ้งๆ อยู่นาน ค่อยพูดออกมาว่า “เขาเป็นลูกชายของข้า ทำไมข้าจะทำไม่ได้?”

“ฮ่าๆ” ด้านข้างท่านปู่สี่หลายคนที่ไม่พูดอะไรมาตลอด ก็พูดขึ้นว่า “หลี่ซื่อ เจ้าพูดผิดแล้ว เจ้าแต่งงานเข้ามาในบ้านเฉิน ไม่ได้ความว่าเจ้าเป็นคนของบ้านเฉิน ลูกหลานต่างหากที่เป็นรุ่นหลังของบ้านเฉิน เจ้าสามารถถูกเลิกได้”

คำพูดประโยคนี้ช่างโหดร้ายจริงๆ ลู่ม่านฟังแล้วยังรู้สึกใจหาย นี่คือความโศกเศร้าของผู้หญิงในสังคมศักดินา แต่ลู่ม่านไม่อยากสงสารเฉินหลี่ซื่อ นางทำตัวนางเอง

ในสุดเฉินหลี่ซื่อก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก นางรีบวิ่งไปหาตาแก่เฉิน พร้อมพูดขึ้นว่า “ตาแก่ เจ้าจะเลิกกับข้าไม่ได้ ข้าอยู่กับเจ้ามาตั้งนานหลายปีขนาดนี้ ไม่มีคุณความดี แต่ก็ผ่านความทุกข์ยากมาด้วยกัน”

ตาแก่เฉินกับเฉินหลี่ซื่อยังคงมีความผูกพันกัน ยังไงก็เป็นสามีภรรยาที่ผ่านความทุกข์ยากมาด้วยกัน ตอนแรกเขายังอยู่บ้านที่สุดโทรม เฉินหลี่ซื่อก็แต่งงานกับเขาแล้ว ต่อให้เอาแต่ใจไปบ้าง แต่หลายปีมานี้ ก็ยังถือว่าเชื่อฟังเขามาตลอด

หลังจากที่พวกลูกๆ ต่างเติบโตแล้ว หลายปีมานี้จึงค่อนข้างเกินไปหน่อย ปกติบอกว่าจะเลิกกับนาง แต่ก็เพียงแค่พูดไปอย่างนั้นเอง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน