ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 185

“เป็นอย่างไรบ้าง ตอนนี้ให้คำตอบกับข้าได้หรือยัง”

หลังจากสนทนาได้สักพัก ลู่ม่าสก็เอ่ยถามเฉินเหมยเซียงอย่างจริงจัง

เฉินเหมยเซียงตอบกลับอย่างไม่มีท่าทางลังเลเลย “แม่นางลู่ แน่นอนข้าจะทำ”

“ดีมาก!” ลู่ม่านเอื้อมมือไปตบไหล่นางเบาๆ “มอบงานดูแลโรงงานผงเครื่องเทศสิบสามชนิดให้เจ้า ข้าวางใจได้ที่สุดแล้ว”

หลังจากนั้นก็บอกให้เฉินเหมยเซียงกลับไปเตรียมตัว ช่วงบ่ายลู่ม่านก็พาเฉินเหมยเซียงไปที่โรงงานเพื่อทำการแนะนำตัวในตำแหน่งผู้ดูแลอย่างเป็นทางการ ส่วนผู้ดูแลคนเก่าถูกลู่ม่านลดตำแหน่งลงมาเป็นคนงานธรรมดา

ลู่ม่านอยู่ในโรงงานสักพัก และเห็นเฉินเหมยเซียงทำการเรียกประชุมเล็ก ๆ บอกถึงกฎระเบียบพื้นฐานของการทำงาน ลู่ม่านเห็นว่านางเก่งมาก ก่อนจะจากไปอย่างสบายใจ

หลังจากออกจากโรงงาน ลู่ม่านก็ตรงไปยังนาที่ไม่ค่อยดีนักของบ้านนาง

คนงานชั่วคราวที่เหยาซื่อแนะนำมาเริ่มงานกันแล้ว ด้วยสภาพอากาศที่ร้อน ทำให้ถั่วเหลืองที่อยู่บนกิ่งถูกตากจนแห้ง แค่สัมผัสก็จะระเบิดออกมา

ทุกคนทำงานกันอย่างระวัง หลังจากที่ฟันต้นถั่วเหลืองลงมาแล้ว พวกเขาก็เอามากองไว้ด้วยกันด้านข้าง

มีอีกกลุ่มที่รับผิดชอบในการขนย้าย ดังนั้นพวกเขาจึงทำการขนถั่วเหลืองทั้งหมดไปที่เกวียนวัว แล้วมัดรวมกัน ก่อนจะส่งไปที่บ้านของลู่ม่าน

ที่ดินบริเวณป่าไผ่รอบบ้าน ลู่ม่านทำการซื้อไว้หมดแล้ว ดังนั้นที่นาบริเวณรอบล้วนแต่เป็นของบ้านนาง นางทำการเลือกพื้นที่ราบที่อยู่ไม่ไกลจากบ้าน และมีลมพัดผ่าน เพื่อใช้ในการตีถั่วเหลืองออกจากต้น

การเก็บเกี่ยวของที่นี่ยังเป็นแบบโบราณ ไม่เหมือนในยุคปัจจุบันที่มีทั้งเครื่องแยกเมล็ด พวกเขาใช้ลูกกลิ้งหินทรงกลมขนาดใหญ่มาวางไว้บนต้นถั่วเหลืองที่วางราบไว้กับพื้น แล้วใช้วัวลากให้กลิ้งทับไปมา

ฝักจพแตกออกจากัน และเมล็ดถั่วก็ร่วงหล่นลงบนพื้น

จากนั้น ทุกคนก็ใช้ง่ามเหล็กความต้นถั่วเหลืองออก และกวาดส่วนด้านล่างเข้ารวมกัน สุดท้ายใช้ประโยชน์จากแรงลมที่พัดเข้ามา รีบยกผ้าขึ้น ยืมแรงของลมพัดเศษหญ้าที่เหลือออกไป เหลือไว้เพียงเมล็ดถั่วที่สะอาด

ถึงแม้วิธีการจะค่อนข้างเป็นโบราณ แต่นี่เป็นวิธีเดียวที่ทำได้ในตอนนี้

ตั้งแต่ต้นถั่วเริ่มออกผล ลู่ม่านก็ได้แต่ภาวนาอย่าให้ฝนตกลงมา เพราะถ้าหากฝนตกมา ถั่วทั้งหมดจะถูกอัดไว้ที่นั่น จนสุดท้ายพวกมันก็จะงอกต้นอ่อน แล้วใช้งานไม่ได้อีกเลย

แต่กลัวว่าจะเกิดอะไรก็จะเกิดขึ้นจริงตามนั้น หลังจากที่แยกเมล็ดถั่วเสร็จ ฝนก็ตกลงมาอย่างหนัก

ทันทีที่ลู่ม่านเห็นว่าท้องฟ้ากำลังมืดครึ้มขึ้นมาเรื่อยๆ นางก็รีบไปที่ลาน คนงานที่กำลังทำงานก็เป็นพวกที่มีประสบการณ์ พอเห็นว่าท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้ม พวกเขาก็รีบไปเก็บถั่วเหลืองใส่ถุงทันที

ลู่ม่านไม่เคยมีประสบการณ์เร่งรีบเก็บเกี่ยว แต่เธอเคยเห็นมาก่อน

ในยุคปัจจุบันตอนที่นางยังเป็นเด็ก หมู่บ้านข้างๆ สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าที่นางอาศัยอยู่นั้น ในช่วงฤดูทำนา ทุกครั้งที่ฝนตก ลูกหลานของชาวนาจะผลัดกันเข้าสู่สนามรบ รีบไปช่วยพ่อแม่เก็บเกี่ยว

พอเทียบกับงานที่นั่งเบื่ออยู่บนเก้าอี้แล้ว ในตอนนั้น ทุกคนจะเร่งรีบเก็บเกี่ยวอย่างสุดกำลัง

สุดท้าย พอฝนจะตกลงมา ทุกคนก็สภาพมอมแมมกันหมด

ลู่ม่านรีบหยิบง่ามเหล็กที่อยู่ข้างลานมา และเตรียมจะเข้าไปช่วย แต่เหอเย่วคว้านางไว้ก่อน “พี่เสี่ยวม่าน อย่าขยับ ข้าไปช่วยเอง”

หลังจากนั้น นางก็คว้าง่ามเหล็กจากมือของลู่ม่าน และวิ่งไปที่ใจกลางลาน

ลู่ม่านไม่รอช้า รีบหาง่ามเหล็กอีกอันจากด้านข้างแล้ววิ่งไปช่วยงานทันที

เหอเย่วที่กำลังยุ่ง พอนางเห็นลู่ม่านวิ่งเข้ามาอีกครั้ง นางก็พูดขึ้นมา คราวลู่ม่านห้ามนางไว้ได้ก่อน “ทำเร็วเข้า จะไม่ทันแล้ว”

เมฆดำบนท้องฟ้ากำลังเคลื่อนตัวมาเรื่อยๆ และมันก็สายเกินไปแล้วจริงๆ เมื่อคว้าคุณไม่จำเป็นต้องสนใจเกี่ยวกับตัวตนของคุณ คุณสามารถคว้าเพียงเล็กน้อย

ตรงกลางลานมียุ้งฉาง ที่สร้างไว้สำหรับเก็บถั่วเหลือง ลู่ม่านและคนอื่นๆ รีบเคลื่อนถั่วเหลืองไปตรงนั้น

ไม่นานเฉินจื่ออานก็ตามมา เขาเอากระดานขนาดใหญ่มาด้วย และข้างหลังเขามีเฉินจูชิงตามมาด้วย เขาเพิ่งกลับจากการส่งของ และเห็นว่าฝนใกล้จะตกแล้ว เขาก็รีบตามมาช่วยทันที

เขากับเฉินจื่ออานคนหนึ่งดัน อีกคนหนึ่งดึง ทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานสูงมาก

แต่ถึงอย่างนั้น ฝนก็เริรมโปรยปรายลงมา ฝนในช่วงฤดูร้อนนี้ มันมาพร้อมกับเสียงฟ้าร้อง และอันตราย ขนาดของเม็ดฝนใหญ่จนสาดกระเซ็นเป็นวงกว้าง

แต่ว่า ไม่มีใครลดความเร็ว ยังคงเร่งรีบกันสุดกำลัง

ท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมา มีเงผู้คนจำนวนหนึ่งวิ่งมา พอเข้ามาใกล้ ถึงเห็นว่าเป็นตาแก่เฉิน และมีเฉินหลี่ซื่อ เฉินจื่อฟู่ หลิวซื่อ และเฉินหลิ่วเอ๋อตามข้างหลังเขามาด้วย

ในมือของทุกคนถืออุปกรณ์ไว้ ตาแก่เฉินมาถึงก่อนใคร พอเข้ามาถึงก็เริ่มเข้าช่วยเหลือทันที แล้วมีหลิวซื่อที่ทำงานมากที่สุดในบ้านเฉินตามมา

ส่วนเฉินหลี่ซื่อ เฉินหลิ่วเอ๋อ และเฉินจื่อฟู่ ที่ตามหลังมายังมีท่าทางเงอะงะราวกับว่าไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรบ้าง

ตาแก่เฉินที่กำลังช่วยงาน พอหันกลับมา พบว่าทั้งสามคนยังยืนนิ่ง จึงดุว่าอย่างโมโห “ยังไม่รีบมาช่วยอีก”

เฉินจื่อฟู่รีบเดินไปข้างหน้าและตามหลังหลิวซื่อไปช่วยงาน

เฉินหลี่ซื่อลากเฉินหลิ่วเอ๋อเดินตามไป ถึงแม้จะเงอะงะไปบ้าง แต่ก็เข้าร่วมการทำงานอย่างรวดเร็ว

นี่เป็นครั้งแรกที่ลู่ม่านมาถึงที่นี่ แล้วช่วยกันเก็บเกี่ยวพร้อมกับทุกคนในครอบครัว บรรยากาศนี้สร้างความประทับใจเป็นอย่างมาก ไม่เพียงแต่ลู่ม่านเท่านั้น แต่สำหรับคนงานคนอื่นๆ ก็ด้วย

ขนาดคนในครอบครัวของเจ้านายยังพยายามช่วยงานถึงขนาดนี้ พวกเขาจะยอมแพ้ได้อย่างไร?

ครึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น ในที่สุดถั่วเหลืองทั้งหมดก็ถูกเก็บเสร็จเรียบร้อย

ทุกคนวางกระดาษน้ำมันที่เตรียมไว้บนถั่วเหลือง พอมองไปที่ถั่วเหลืองที่รวบรวมเสร็จเรียบร้อย ลู่ม่านก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก วินาทีต่อมา มีเงาดำปกคลุมเหนือศีรษะของนาง

พอลู่ม่านเงยหน้าขึ้น นางก็เห็นเฉินจื่ออานหยิบกระดาษน้ำมันขึ้นมาจากพื้นข้างๆ และกางไว้เหนือศีรษะของลู่ม่าน

เขายกแขนขึ้น เหมือนกิ่งต้นไม้ใหญ่ที่ช่วยบังแดดบังฝนให้ลู่ม่าน

หัวใจของลู่ม่านอบอุ่นมาก และพอหันกลับไปมอง นางเห็นเขาตาแก่เฉินและคนอื่นๆ ยืนหอบหายใจอยู่ข้างๆ เธอรีบส่งกระดาษน้ำมันครึ่งหลังไปให้หลิวซื่อ หลิวซื่อรับมา แล้วรีบดึงเฉินหลี่ซื่อ เฉินหลิ่วเอ๋อ และเฉินจื่อฟู่ไว้ภายใต้กระดาษที่ทาน้ำมัน

กระดาษน้ำมันที่ดูไม่เด่นสะดุดตาอะไร แต่กลับสามารถบังทั้งครอบครัวได้

ถึงแม้ใบหน้าของนางจะเต็มไปด้วยความรังเกียจ ส่วนเฉินหลี่ซื่อก็เต็มไป เฉินจื่อฟู่ที่เอื่อยเฉยพูดขึ้นมา “จื่ออาน วันนี้ทั้งครอบครัวมาที่นี่เพื่อช่วยงานเจ้า คืนนี้เจ้าต้องเลี้ยงข้าวทุกคนด้วย!”

ถึงแม้ทุกอย่างจะเหมือนเดิม แต่ในเวลานี้ ภายใต้กระดาษน้ำมันนี้ก็ยังรู้สึกอบอุ่นมาก

ชาวนา ไม่ว่าจะเวลาไหน ก็จะไม่ปล่อยให้อาหารเสียหายไปโดยเปล่าประโยชน์ อาหาร จะต้องถูกยกให้สำคัญเป็นอันดับหนึ่งเสมอ

ด้วยความที่หลิวซื่อไม่ได้สูงอะไรมาก ดังนั้นสุดท้ายนางจึงจับไว้ไหวอีกต่อไป

เฉินจื่อฟู่ยื่นมือออกไปจับกระดาษน้ำมันไว้ ส่วนหลิวซื่อก็ยืนอยู่ด้านข้างของเฉินจื่อฟู่ และก้มหน้าลง ท่าทางสงบเสงี่ยมเรียบร้อย

นี่เป็นครั้งแรก ที่ลู่ม่านเห็นท่าทางเขินอายของหญิงสาว บนใบหน้าของหลิวซื่อ หรือบางทีสาเหตุที่หลิวซื่อถูกรังแกอย่างไรก็ไม่ยอมจากไป อาจเป็นเพราะนางรักเฉินจื่อฟู่?

เฉินจื่ออานเองก็ไม่ปฏิเสธ ตอบรับคำขอของเฉินจื่อฟู่ทันที

“ตกลง เสี่ยวเย่วเจ้ารีบกลับไปเตรียมพร้อม”

เหอเย่วรีบหันกลับไป เฉินจื่ออานและคนอื่นๆ ยืนอยู่ต่ออีกสักพัก พอเห็นฝนตกบางลงแล้ว พวกเขาจึงเดินนำทุกคนกลับไปที่บ้าน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน