ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 184

การจะส่งเด็กคนหนึ่งเข้าเรียน จะต้องใช้เงินเป็นจำนวนไม่น้อย

ถึงแม้เฉินเหมยเซียงจะบอกว่าตอนนี้นางก็ทำงานเช่นกัน แต่เงินที่นางได้จากการทำงานก่อนหน้านี้ ได้ใช้ไปกับการรักษาอาการป่วยของพ่อสามีแม่สามีไปแล้ว ตอนนี้ในมือของนาง ไม่มีเงินเก็บอะไรแล้ว

มีเพียง เงินที่อยู่ในมือของพ่อสามีแม่สามีนาง ตอนที่ยังสามารถติดต่อกับพ่อของชิงซานได้ เงินที่ส่งกลับมา ก็ถูกแม่สามีเก็บไปหมดแล้ว

ถ้านางสามารถเอาออกมาส่งชิงซานเข้าโรงเรียน ก็คงจะดีมาก

“แม่นางลู่ ขอเวลาข้าคิดหนึ่งวันได้ไหม?” ในที่สุดเฉินเหมยเซียงก็รวบรวมความกล้าพูดกับลู่ม่าน

ลู่ม่านถอนหายใจในใจ และพยักหน้าให้ “ได้!”

หลังจากออกมาจากบ้านของเฉินเหมยเซียงแล้ว ลู่ม่านก็ยังรู้สึกผิดหวังมาก นางนึกว่าด้วยความสามารถของนาง จะสามารถเปลี่ยนชะตากรรมของผู้หญิงที่นี่ได้บ้าง แต่ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้ นางคงไร้เดียงสามากเกินไป

ทุกคน ต่างก็มีปัญหาของตัวเอง

แต่ว่า ถ้าเฉินเหมยเซียงไม่มาทำงาน แล้วผู้ดูแลโรงงานผงเครื่องเทศสิบสามชนิดล่ะจะทำอย่างไร? นี่ก็เป็นอีกหนึ่งปัญหาเช่นกัน

และตอนนี้ เธอก็กำลังจะทำซีอิ๊วอีก นางไม่มีเวลามาดูแลโรงงาน และหาคนที่นางพอใจมาดูแลโรงงานให้ก็ยาก แล้วถ้าคนใหม่ที่หามาทำเหมือนคนก่อนนางจะทำอย่างไร?

ในขณะที่กำลังขมวดคิ้วคิดหนักอยู่นั้น อาจารย์โจวก็เดินออกมาจากด้านหลัง

“แม่นางลู่ ทำไมวันนี้เจ้าดูท่าทางเคร่งเครียดแบบนี้ล่ะ”

ลู่ม่านพยักหน้าอย่างเหนื่อยใจ “อืม ท่านอาจารย์ไม่เคยอารมณ์เสียบ้างเลยเหรอ?”

อาจารย์โจวเองก็ยกยิ้มอย่างเหนื่อยใจ “ให้ข้าเดานะ ที่ทำให้เจ้าอารมณ์เสียไม่ใช่เพราะงานใช่ไหม?”

ก็ประมาณนั้น! ลู่ม่านพยักหน้า “ตำแหน่งผู้ดูแลในโรงงานว่าง ข้าหาคนที่เหมาะสมไม่ได้ก็เลยอารมณ์เสียเล็กน้อย แล้วท่านอาจารย์ล่ะ?”

อาจารย์โจวถอนหายใจออกมา “แต่ข้ากลับตรงกันข้าม ที่ข้าอารมณ์เสีย เพราะข้าเบื่อมาก”

ลู่ม่านตกตะลึง แล้วได้ยินอาจารย์โจวพูดขึ้นมาอีกครั้ง “เมื่อก่อนตอนอยู่ที่บ้าน ข้ายังได้ทำนาทุกวัน ทำให้ชีวิตเต็มไปด้วยความน่าสนใจ แต่ตอนนี้ กลับนั่งเบื่อไปวันๆ!”

“งั้นท่านก็หาสิ่งที่ท่านชอบทำสิ” ลู่ม่านกล่าว

“หืม?” อาจารย์โจวยกยิ้ม “แม่นางลู่หมายความว่าอย่างไร?”

จู่ๆ ลู่ม่านก็ยิ้มออกมา เรื่องมันเป็นไปตามที่นางคาดหวังไว้ เหมือนสวรรค์เป็นใจเลย “ท่านอาจารย์เคยคิดอยากจะทำการสรรหาเสาหลักที่ดีและมั่นคงให้กับบ้านเมืองหรือไม่”

อาจารย์โจวเหลือบมองมาที่ลู่ม่าน “เจ้าคิดถึงอะไรอยู่”

ลู่ม่านรีบหุบรอยยิ้มบนใบหน้าของนาง และพูดอย่างจริงจัง “ในหมู่บ้านไป่ฮัวของเรากำลังพัฒนาและเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ที่นี่ยังไม่มีโรงเรียนในหมู่บ้าน ถ้าท่านอาจารย์ไม่รังเกียจ ท่านช่วยรับผิดชอบดูแลโรงเรียนในหมู่บ้านจะได้ไหม?”

“โรงเรียน?” อาจารย์โจวขมวดคิ้ว “เจ้าก็รู้ ว่าข้าไม่เต็มใจ”

“แน่นอน ข้ารู้ดี ความมุ่งมั่นของอาจารย์โจวคือสิ่งใหญ่กว่านั้น จะมาทำเรื่องเล็กๆ เช่นนี้ได้อย่างไร แต่เด็กๆ ก็ถือเป็นความหวังของบ้านเมืองเช่นกัน ถ้าท่านเปรียบเทียบเด็กๆ เป็นดอกไม้ อาจารย์โจวก็คือคนสวน ถ้าไม่มีคนสวนที่ทำงานหนัก คอยดูแลปลูกฝังดอกไม้อย่างดี ดอกไม้ก็คงไม่สามารถเบ่งบานออกมาอย่างสวยงามได้...”

ลู่ม่านปากหวาน นางดึงคำอุปมาในยุคปัจจุบันออกมาใช้ด้วย

และแน่นอนว่า อาจารย์โจวเริ่มหวั่นไหวด้วยแล้วเล็กน้อย

“ดอกไม้กับคนทำสวนอย่างนั้นเหรอ?” แววตาของอาจารย์โจวที่มองลู่ม่านอ่อนโยนมากขึ้น “แม่นางลู่ เจ้าเป็นคนที่ฉลาดรอบรู้มาก แต่น่าเสียดาย ที่เจ้าเป็นผู้หญิง...”

ชิ! ผู้ชายหัวโบราณ ทำไมถึงได้ซื่อบื้อถึงขนาดนี้? เป็นผู้หญิงแล้วยังไง? ผู้หญิงก็สามารถปกครองคนได้!

ลู่ม่านรีบปกปิดคำนินทาในใจไว้ จะตีเหล็กต้องตีตอนที่มันร้อน “ถ้าท่านเปิดโรงเรียน ท่านก็ยังอยู่ที่บ้านได้ ห้องอ่านหนังสือที่เตรียมไว้เป็นของท่านเสมอ และนอกจากค่าสอนที่ทางหมู่บ้านให้แล้ว พวกเราจะให้เงินท่านเพิ่มอีก...”

สำหรับเรื่องนี้ อาจารย์โจวไม่สนใจอยู่แล้ว

ไม่นานเขาก็พยักหน้าให้ “ตกลง ข้าจะลองดู”

“อาจารย์โจว การตัดสินใจของท่านช่างดีเหลือเกิน!” ในครั้งนี้ลู่ม่านดีใจมากจริงๆ ถ้าอาจารย์โจวเปิดโรงเรียนในหมู่บ้าน ไม่เพียงแต่ เฉินสือซ่วน แต่เฉินชิงซานก็สามารถไปเรียนได้เช่นกัน

ในอนาคต ถ้านางมีลูกก็สามารถไปเรียนได้เช่นกัน

ถึงแม้ บ้านของนางจะสามารถเชิญอาจารย์โจวมาได้ แต่ว่า สำหรับเด็กๆ แล้ว บางครั้งบรรยากาศในการเรียนรู้ของแต่ละคนก็แตกต่างกัน

ที่สำคัญกว่านั้น ลู่ม่านสามารถรั้งเฉินเหมยเซียงไว้ได้แล้ว ในอนาคตจะเป็นอย่างไรนางไม่รู้ แต่อย่างน้อยตอนนี้ นางก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องนี้แล้ว

จากนั้น นางก็สามารถทุ่มเทไปกับการคิดค้นเกี่ยวกับการทำซีอิ๊วแล้ว

หลังจากเจรจากับอาจารย์โจวแล้ว ลู่ม่านก็รีบเดินไปที่แปลงนาทันที และบอกเรื่องนี้กับเฉินจื่ออาน

ตั้งแต่ตอนเด็กเฉินจื่ออานก็อิจฉาเด็กคนอื่นที่สามารถเข้าเรียนได้ พอได้ยินลู่ม่านพูดแบบนี้ มีหรือที่เขาจะไม่เต็มใจ

และพอดีกับที่ว่า งานปลูกพริกก็เรียบร้อยจนเกือบจะสมบูรณ์แล้ว ดังนั้นเขากับลู่ม่านจึงกลับมาที่บ้าน

จากนั้นเขาก็ให้เหอเย่วไปเชิญผู้ใหญ่บ้านมา ลู่ม่านคิดไว้หมดแล้ว นางจะสร้างโรงเรียนในหมู่บ้านไป่ฮัวโดยใช้ชื่อของเฉินจื่ออาน

จากนั้น ลูกหลานของคนงานที่ทำงานในโรงงาน มีสิทธิได้เข้าเรียนก่อน

ไม่เพียงแค่นั้น ลูกหลานของคนงานที่ทำงานในโรงงานเข้าเรียน ยังมีส่วนลดด้านค่าเล่าเรียนให้อีกด้วย

นโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนแบบนี้ สำหรับผู้ใหญ่บ้านแล้ว มันเป็นข่าวดีที่สุดของหมู่บ้านเลย เขาถามเพื่อให้มั่นใจอยู่หลายครั้ง ก่อนจะได้รับการยืนยันจากปากของอาจารย์โจวแล้ว เขาถึงได้ดีใจจนลุกขึ้นมา

“เรื่องนี้ช่างเป็นเรื่องที่ดีมากจริงๆ ข้าจะรีบไปจัดการเดี๋ยวนี้เลย” เขาหยุดนิ่งไปเล็กน้อย แล้วพูดขึ้นมาอีกครั้ง “ในเมื่อพวกเจ้าเต็มใจจะออกค่าใช้จ่าย ทางหมู่บ้านจะให้พวกเจ้าเหนื่อยแน่นอน ข้าจะเป็นตัวแทนของหมู่บ้านจะช่วยเหลือด้วยอีกแรง เพื่อสร้างโรงเรียนที่ดีที่สุดขึ้นมา!”

หลังจากตัดสินใจแล้ว ผู้ใหญ่บ้านเฉินก็รีบไปเตรียมการทันที

ระยะเวลานี้ห่างจากการเริ่มเข้าศึกษาใหม่ ยังเหลืออีกหลายเดือน รีบทำการสร้างโรงเรียนขึ้นมาให้เสร็จก่อน ไม่น่าจะมีปัญหา

ข่าวที่เฉินจื่ออานจะสร้างโรงเรียน ไม่นานก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งหมู่บ้าน ครอบครัวส่วนใหญ่ที่มีลูกมีหลาน ต่างก็พากันตั้งตารอคอย

ทำให้ในเวลานี้ ชื่อเสียงของเฉินจื่ออาน ยิ่งดังไปทั่วหมู่บ้านมากขึ้น

ตอนที่ออกไปข้างนอก ทุกคนก็เข้ามาทักทายกันอย่างสนิทสนม

แต่ทางบ้านเฉินนั้น กลับต่างกัน พวกเขาลำบากกันมาก โดยเฉพาะเรื่องที่เฉินจื่ออานถอนชื่อออกจากตระกูลในช่วงก่อนหน้านี้ ก็ถูกนำออกมาพูดกันอีกครั้ง ทางฝั่งบ้านเฉินนอกจากตาแก่เฉินแล้ว คนอื่นๆ ต่างก็ไม่มีหน้าจะออกไปไหน

ทุกครั้งที่ตาแก่เฉินออกไปข้างนอก เขาจะมักจะถูกพูดว่า “พี่เฉิน ท่านเลือกคนที่ด้อยกว่า แล้วทิ้งคนที่มีความสามารถไปแท้ๆ เลย”

ตาแก่เฉินยิ้มแหย ในใจรู้สึกไม่พอใจมาก

วันรุ่งขึ้น เฉินเหมยเซียงมาหาลู่ม่าน แล้วถามเรื่องที่ลู่ม่านจะสร้างโรงเรียนในหมู่บ้าน ลู่ม่านให้คำตอบเพื่อยืนยัน “เจ้ามีสิทธิ์ในการตัดสินใจทุกอย่างโดยอิสระ ไม่ควรจะปล่อยให้คนอื่นมาควบคุม แบบนั้นถึงจะเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับชิงซานได้ ในอนาคตชิงซานเข้าเรียนในโรงเรียน เขาถึงจะเรียนรู้ทุกอย่างได้ดีขึ้น”

เฉินเหมยเซียงร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ “แม่นางลู่ นี่...”

“ข้าไม่ได้ทำเพื่อเจ้าทั้งหมด!” ลู่ม่านยกยิัม “มีผู้หญิงอีกหลายคนในโรงงานของเราที่เป็นเหมือนเจ้า ข้าหวังว่าในอนาคตผู้หญิงจะไม่จำเป็นต้องพึ่งพาผู้ชาย แบบนั้นไม่ดีกว่าหรือ”

ถึงแม้ในตอนนี้เฉินเหมยเซียงจะไม่เข้าใจ แต่นางก็รอคอยอนาคตที่ลู่ม่านกล่าวไว้อย่างตื่นเต้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน