ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 187

เพิ่งจะมาถึงทางเข้าหมู่บ้าน ก็เห็นว่าเฉินจื่ออานที่เพิ่งนอนตื่นเดินออกมาแล้ว

รับเอาหวงฮวาเฮาจากมือของลู่ม่านไป แล้วเขาก็หันไปรับของเหอเยว่เหอเยว่รีบส่ายหน้าทันที “ข้าแบกเองได้ ”หลังจากนั้น ฉวยโอกาสตอนที่ทั้งสองไม่ทันสังเกต เดินยิ้มกริ่มกับไกลแล้ว

หลังจากกลับไปถึงบ้าน ลู่ม่านนำเอาถั่วที่ผึ่งไว้จนเย็น เอาเข้าไปไว้ในห้องที่เก็บของที่เย็น จากนั้น ก็ใช้หวงฮวาเฮาคลุมไว้ด้านบนอย่างระวัง

เหอเยว่ถามขึ้นอย่างอดใจไม่ไหวว่า “ต่อไปพวกเราจะทำอะไร”

“รอ ”ลู่ม่านพูดยิ้มๆ ต่อจากนี้ น่าจะต้องรออีกหลายวัน ลู่ม่านจะไปสังเกตการณ์เจริญเติบโตของยีสต์ทุกวัน เมื่อใกล้จะครบเจ็ดวัน ยีสต์จึงเจริญเติบโตสำเร็จอย่างเต็มที่

ตอนที่เอาถั่วขึ้นมา จะเห็นได้ว่าบนถั่วจะมีเส้นใยยาวๆเกาะติดอยู่ ขอเพียงเข้าใกล้ถั่วก็จะได้กลิ่นหอมประหลาดสายหนึ่ง นั่นเป็นกลิ่นของเชื้อราที่หมักถั่ว น่าสนใจจริงๆ

เมื่อถึงเวลานี้ ลู่ม่านเอาถั่วที่มีเชื้อราไปวางเอาไว้ในตะกร้าไม้ไผ่ จากนั้นก็วางเอาไว้ในที่เย็นเหมือนกัน แต่ว่าต้องเป็นสถานที่ที่ระบายอากาศได้ดี

ให้ความชื้นในถั่วค่อยๆระเหยแห้งไป นี่ก็เป็นขั้นตอนที่ยาวนานเช่นกัน

และอาศัยเวลาในช่วงนี้ ลู่ม่านก็ไปสั่งทำถังขนาดใหญ่จำนวนมาก

สุดท้าย เอาถั่วทั้งหมด ไปคลุกกับเกลือเม็ดจากนั้นก็ใส่ลงไปในถังขนาดใหญ่ รอให้หมักจนกลายเป็นซีอิ๊ว

ในขั้นตอนนี้ ใช้เวลายาวนานกว่าตอนหมักถั่ว ตั้งแต่ทำเสร็จขั้นตอนทั้งหมด ก็ถามขึ้นมาว่า “จะสำเร็จเมื่อไหร่ ”

เมื่อลู่ม่านบอกว่า ต้องใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งปี นางก็เหมือนจะสติหลุดลอยไปทันที

ลู่ม่านมองดูนางที่สีหน้าไร้ชีวิตชีวา ก็หัวเราะขึ้นมาทันที “เอาล่ะ ตอนนี้ยังกินซีอิ๊วไม่ได้ แต่ว่าถั่วเหลืองกินได้”

ก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน ลู่ม่านเห็นว่าถั่วที่ปลูกในที่นาจำนวนห้าสิบไร่ของนางนั้นกำลังออกฝักแล้ว กำลังอ่อนพอดี ลู่ม่านก็รู้สึกอยากกินจึงคิดจะไปเก็บกลับมาต้มกินสักหน่อย

แม้ว่า แม้ว่าพันธุ์ถั่วเหลืองในยุคนี้จะไม่ดีเท่ากับถั่วลันเตาที่ใช้ผัดเป็นกับข้าวในยุคปัจจุบัน แต่ก็ไม่ต่างกันมากนัก

ตอนที่ทั้งสองคนไปเก็บถั่วแระ พบเข้ากับเฉินจูชิงพอดี ในวันธรรมดาหากเขาไม่ยุ่งกับการส่งของ ก็จะไปช่วยดูแลที่ไร่ที่นา

สำหรับเรื่องเหล่านี้ ลู่ม่านก็ไม่ได้เอาเปรียบเขา หลังจากปรึกษากับเฉินจื่ออานแล้ว ต้องให้ค่าตอบแทนที่สมน้ำสมเนื้อ แต่ว่าเด็กคนนี้ค่อนข้างซื่อสัตย์ ตอนแรกไม่ว่าอย่างไรก็ไม่รับปาก บอกว่าตนเองก็แค่มาฝึกฝนเท่านั้น เป็นแค่งานง่ายๆ

สุดท้าย เฉินจื่ออานบอกว่าถ้าหากไม่รับ วันหลังก็ไม่สามารถออกไปทำงานได้อีก เขาจึงรับเอาไว้ แต่ว่า ตอนนี้ยิ่งทำงานหนักมากขึ้นไปอีก

เห็นว่าลู่ม่านมา เขาก็เดินขึ้นมาจากท้องนา เช็ดเหงื่อและพูดว่า “แม่นางลู่”

ลู่ม่านมองดูผิวของเขาที่ถูกแดดเผาจนดำคล้ำ จึงพูดว่า “เวลาที่แดดจัด ก็ต้องพักบ้าง”

“ขอรับ” เฉินจูชิงตอบรับและถามขึ้นมาว่า “ไม่ทราบว่าพวกท่านมาทำอะไร”

“ข้ามาเด็ดถั่วสดๆสักหน่อย”ระหว่างที่ลู่ม่านพูด ก็เดินลงไปในนาเอง เหอเยว่กับเฉินจูชิงเดินตามลงไป

ทำตามคำแนะนำของลู่ม่าน เด็ดถั่วที่ฝักโตเต็มที่แล้วส่วนหนึ่ง

ทั้งสองคนต่างก็ชอบทำงาน และทำได้คล่องแคล่วว่องไว ไม่ช้าพวกนางก็ทำงานกันอย่างมีความสุขมาก

ลู่ม่านหันกลับไปอย่างไม่ตั้งใจ เห็นท่าทีของเหอเยว่กับเฉินจูชิงกำลังกระซิบพูดกันเบาๆ ก็เม้มปากอมยิ้ม หาข้ออ้างขอตัวขึ้นไปก่อนอย่างรู้ตัว บอกว่า

“เสี่ยวเยว่ ข้ามีเรื่องนิดหน่อยต้องกลับไปก่อน ประเดี๋ยวเจ้าเอาถั่วกลับไปแล้วกัน”

“เจ้าค่ะ”เหอเยว่ไม่สงสัยในตัวนาง ทำการเด็ดถั่วกับเฉินจูชิงต่อไป

ลู่ม่านเพิ่งจะกลับมาถึงหมู่บ้าน ก็เห็นว่ามีเกวียนหลายเล่มกำลังขับเข้ามาในหมู่บ้าน ที่แท้ก็เป็นวัสดุที่จะใช้ก่อสร้างโรงเรียนที่ผู้ใหญ่บ้านได้ติดต่อไว้ถูกส่งมาแล้ว

ตำแหน่งที่จะสร้างโรงเรียนสุดท้ายก็เป็นบริเวณใกล้กับทางเข้าหมู่บ้าน เป็นพื้นที่ว่างเปล่าที่อยู่ใกล้กับต้นไทรเก่าแก่อายุนับร้อยปีต้นนั้น หอบรรพบุรุษของหมู่บ้านก็อยู่บริเวณนั้นเช่นกัน

ถ้าหากโรงเรียนปรับปรุงเสร็จแล้ว ก็สามารถมองเห็นความเจริญรุ่งเรืองในเส้นทางหลวงของหมู่บ้านไป่ฮัวแล้ว นี่เป็นเรื่องที่ดีมาก สำหรับคนแก่ในหมู่บ้านที่ชอบโอ้อวด

ลู่ม่านไม่ได้รู้สึกอะไรกับเรื่องนี้ ขอเพียงตั้งใจเล่าเรียน อยู่ที่ไหนก็เหมือนกัน

เมื่อมองเห็นลู่ม่าน ผู้ใหญ่บ้านเฉินก็พูดยิ้มๆว่า “เสี่ยวม่าน ข้ากำลังจะไปหาเจ้าพอดี ป้ายประตูโรงเรียนของหมู่บ้านเรา ข้าอยากให้เจ้าไปหาคุณชายจวงให้ช่วยเขียนให้พวกเรา”

“คุณชายจวง?”ลู่ม่านนิ่งอึ้ง “ทำไมไม่ให้อาจารย์โจวเขียนให้เล่า”

“นี่เจ้าคงยังไม่รู้สินะ”ผู้ใหญ่บ้านเฉินพูดด้วยรอยยิ้มที่ขึงขัง “หลังจากเรื่องที่พวกเราตัดสินใจจะสร้างโรงเรียน ไม่กี่วันต่อมา บ่าวรับใช้ของคุณชายจวงก็มาหาข้า บอกว่าความก้าวหน้าของตระกูลจวงนั้นหนีไม่พ้นหมู่บ้านไป่ฮัว เพราะฉะนั้น น่าจะช่วยหมู่บ้านไป่ฮัวทำประโยชน์อะไรบ้าง”

ลู่ม่านไม่รู้เรื่องนี้จริงๆ ก่อนหน้านี้เอาแต่ยุ่งอยู่กับการหมักซีอิ๊ว

“เขาทำประโยชน์อะไร”ลู่ม่านถามอย่างอยากรู้

“อ๋อ คุณชายจวงบริจาคเงินจำนวนสิบตำลึงทอง บอกว่าอยากจะสร้างโรงเรียนดีๆให้กับเด็กๆ……”

จุ๊ ใจกว้างเสียไม่มี ลู่ม่านเลิกคิ้วขึ้น “ในเมื่อคุณชายจวงมีความคิดเช่นนี้ เรื่องที่จะให้เขียนป้ายโรงเรียนเขาคงไม่ปฏิเสธกระมัง”

ผู้ใหญ่บ้านเฉินรู้สึกลำบากใจขึ้นมากะทันหัน “พูดอย่างนั้นก็จริง แต่ไม่รู้ว่าคุณชายจวงเป็นอะไรไป ไม่ว่ายังไงก็ไม่ยินดีจะเขียนให้ ข้าได้ถามผู้ดูแลบ้านตั้งหลายครั้งแล้ว เขาก็ปฏิเสธตลอด”

ยังมีเรื่องเช่นนี้อยู่หรือ นี่ถ้าหากเป็นยุคปัจจุบัน คงจะเป็นอย่างวีรชนที่ชื่อเหลยเฟิงแล้วกระมัง

“ในเมื่อเขาไม่ยอมเขียนให้ ก็ไม่เห็นเป็นไรนี่นา”ลู่ม่านไม่อยากจะบังคับผู้อื่น

“เสี่ยวม่าน เรื่องมันไม่ง่ายอย่างนั้น ตระกูลจวงมีฐานะสูงส่ง ถ้าหากสามารถใช้ชื่อเสียงของพวกเขา สำหรับหมู่บ้านไป่ฮัวของพวกเราแล้วถือเป็นเรื่องที่ดีมาก”

ก็จริง ไม่ต้องพูดถึงอนาคต แค่ตอนนี้ ผู้ใหญ่บ้านเฉินก็นับว่าปฏิบัติกับพวกนางไม่เลวแล้ว ลู่ม่านควรจะช่วยเหลือบ้างจริงๆ

“ก็ได้ ข้าจะลองดู”

ผู้ใหญ่บ้านเฉินได้ยินคำพูดนี้ ก็รีบพูดกับลู่ม่านด้วยความหวังดีว่า “เมื่อครู่ข้าเห็นเกวียนของคุณชายจวงไปทางด้านโรงงานแล้ว ถ้าหากวันนี้เขาสะดวก ก็น่าจะไปทำความตกลง……”

……

ลู่ม่าน “……”เป็นหลุมพรางทั้งสิ้น

แต่ว่า ตอบตกลงแล้วจะกลับคำก็ไม่ได้ ลู่ม่านได้แต่จำใจไปทำเท่านั้น

……

ในโรงงาน จวงลี่จ้งยังคงมีใบหน้าเรียบเฉยเหมือนเดิม กำลังตรวจบัญชีกับผู้ดูแล เห็นลู่ม่านเดินเข้ามา ทั้งสองคนก็ไม่มีทีท่าจะหยุดลง

ลู่ม่านเดินตรงไปนั่งลงข้างๆ รอพวกเขาตรวจบัญชีจนเสร็จ

หลังจากสิ้นสุดแล้ว ลู่ม่านจึงเดินเข้าไปพูดยิ้มๆว่า “คุณชายจวง ข้าได้ยินว่า ท่านบริจาคเงินให้หมู่บ้านหรือ”

“บริจาค”จวงลี่จ้งรู้สึกประหลาดใจ กับศัพท์ใหม่นี้

“อ๋อ ไม่ใช่ หมายถึงบริจาคทอง……”

“ก็แค่เรื่องเล็กน้อยที่พอช่วยได้”จวงลี่จ้งพูด

“แต่ว่าคนในหมู่บ้านต่างก็ซาบซึ้งใจกันมาก ไม่ทราบว่าคุณชายจวงจะสามารถทำเรื่องเล็กน้อยอีกสักครั้งได้หรือไม่ ป้ายชื่อโรงเรียน ยังขาดตัวอักษรอยู่”

“ออ”จวงลี่จ้งทำท่าเหมือนไม่ใส่ใจ ปิดสมุดบัญชีในมือแล้วพูดว่า “ข้าได้ยินมาว่า ช่วงนี้ถั่วเหลืองที่บ้านเจ้าทำการเก็บเกี่ยวแล้วใช่ไหม”

ลู่ม่านหัวใจกระตุกวูบ มองดูใบหน้าที่เรียบเฉยไร้ความรู้สึกของจวงลี่จ้ง นางเผลอถอยหลังไปก้าวหนึ่ง

“อืม ใช่”

“ขายให้ข้าซิ”จวงลี่จ้งพูดอย่างสบายใจ “ร้านค้าของตระกูลจ้วง กำลังรับซื้อถั่วเหลืองพอดี ราคาก็ไม่เลว”

“ไม่ ……ไม่เป็นไร”ลู่ม่านยิ้มอย่างทำตัวไม่ถูก

“เห็นที แม่นางลู่คงมีเรื่องอะไรปิดบังข้าอยู่กระมัง”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน