จวงลี่จ้งนั้นเป็นพวกที่มีลักษณะเป็นพ่อค้าเจ้าเล่ห์ ลู่ม่านได้แต่ก่นด่าอยู่ในใจไม่หยุด
ขณะที่กำลังคิดว่าจะบอกปัดอย่างไรดีนั้น ไหนเลยจะคิดว่าจวงลี่จ้งจะเปลี่ยนท่าทีอย่างกะทันหัน ท่าทีดูผิดหวังมากและพูดขึ้นมาว่า “ข้าคิดว่า ก่อนหน้านี้เจ้าบอกว่าเราเป็นเพื่อนกันแล้ว เป็นเรื่องจริงเสียอีก……”
ว่าไงนะ สมองของลู่ม่านมึนงงไปชั่วครู่
ทำไมนางจึงเห็นว่าจวงลี่จ้งมีสีหน้าที่ดูผิดหวังมาก ราวกับถูกเพื่อนของตนเองทอดทิ้ง
เพื่อน ลู่ม่านรู้สึกละอายใจขึ้นมาบ้างเล็กน้อย “เรื่องนั้น ที่จริงก็ไม่มีอะไร ข้าก็แค่อยากจะทดลองทำเครื่องปรุงใหม่ๆบ้าง”
“เครื่องปรุงใหม่อะไร ใช้ถั่วเหลืองทำหรือ”จวงลี่จ้งมีท่าทีราวกับเด็กช่างสงสัยขึ้นมาทันที
ลู่ม่านกำลังอยากจะเบี่ยงประเด็นสนทนา เขาก็ทำท่าน้อยใจเสียเต็มประดา สุดท้าย ลู่ม่านก็ต้องเล่าให้ฟัง
“ก็คือเป็นเครื่องปรุงที่สามารถใช้แทนเครื่องปรุงที่ทำจากเนื้อได้ แม้แต่ชาวบ้านธรรมดาทั่วไป ก็สามารถใช้ได้”
จวงลี่จ้งตาเป็นประกาย “มีของสิ่งนี้อยู่ด้วยหรือ”
“ย่อมมีแน่นอน”ลู่ม่านพยักหน้าอย่างภูมิใจ “เจ้าคงไม่เคยกินหมูสามชั้นน้ำแดงไหม สิ่งสำคัญที่สุดในหมูน้ำแดง ก็คือซีอิ๊ว ยังมี ไก่นึ่งต้นหอม ……”
ระหว่างที่ลู่ม่านพูด ก็รู้สึกว่าตนเองแทบจะน้ำลายไหลออกมาแล้ว
จวงลี่จ้งยืนขึ้นเงียบๆ “ไม่สู้พวกเราไปดูซีอิ๊วของเจ้ากันตอนนี้เลยดีกว่า”
ลู่ม่าน “……”เหมือนมีบางสิ่งไม่ถูกต้อง
“ถ้าเช่นนั้นท่านก็ช่วยเขียนตัวอักษรก่อน ตัวอักษร ”นับว่าลู่ม่านยังจำจุดประสงค์ที่มาได้ ครั้งนี้จวงลี่จ้งไม่ได้ปฏิเสธ เรียกให้ผู้ดูแลไปเอากระดาษซวนเนื้อดีเข้ามา เขายืนอยู่หน้าแผ่นกระดาษ ตวัดพู่กัน พลิ้วไหวราวกับหงส์เหิน
ไม่นาน อักษรคู่หนึ่งก็เสร็จสิ้น
ลู่ม่านมองดูด้วยความตกตะลึง “คิดไม่ถึงว่าคุณชายจวงท่านจะเขียนตัวหนังสือได้ดีเช่นนี้”
ผู้ดูแลที่อยู่ข้างๆรู้สึกภูมิใจมาก “แม่นางคงไม่รู้สินะ คุณชายของเราเดิมทีก็เป็นซิ่วไฉเหมือนกัน”
เป็นถึงซิ่วไฉ ลู่ม่านมองจวงลี่จ้งอย่างตื่นตะลึง เดิมทีนางคิดว่า คุณชายที่เกิดในตระกูลพ่อค้าอย่างเขา ไม่จำเป็นต้องร่ำเรียนอะไรมาก เพราะว่า มีครอบครัวเป็นที่พึ่งก็เพียงพอแล้ว ยังจะต้องเรียนไปทำไมกัน
ระหว่างที่ใช้ความคิด จวงลี่จ้งก็ได้โยนพู่กันขนหมาป่าที่อยู่ในมือทิ้งไป หมุนตัวเดินออกไปทางด้านนอก “ไปกันเถอะ”
ลู่ม่านเก็บกระดาษที่เขียนตัวอักษรเสร็จแล้ว รีบตามออกไปอย่างรวดเร็ว “ไปไหน”
“ดูซีอิ๊ว”จวงลี่จ้งพูดอย่างเรียบๆสั้นๆ
ลู่ม่าน“……”
แม้ว่าตลอดทาง ลู่ม่านจะอธิบายให้จวงลี่จ้งฟัง ซีอิ๊วต้องใช้เวลาในการหมักให้สำเร็จอีกยาวนานมาก แต่ว่าจวงลี่จ้งต้องการไปดูให้ได้ ลู่ม่านจึงได้แต่นำเขาไปดู
ในห้องเก็บของ มีถังใหญ่หลายใบถูกวางอยู่อย่างเป็นระเบียบ พอเดินเข้าไป ก็สามารถได้กลิ่นหอมกลมกล่อมเฉพาะตัวของถั่ว
จวงลี่จ้งเปลี่ยนจากคนที่มีท่าทีหยิ่งและเย็นชาในวันวานเป็นเด็กน้อยอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาทันที เอาแต่ถามถึงหลักการที่ลู่ม่านทำให้ถั่วกลายเป็นซีอิ๊ว ลู่ม่านพูดถูๆไถๆไปเรื่อย ในที่สุดจวงลี่จ้งก็ยอมปล่อยลู่ม่านไม่ถามต่อ
หลังจากออกมาแล้ว เขาก็พูดอย่างแน่วแน่ว่า “มาร่วมมือกันเถอะ”
ลู่ม่าน“……”
ซีอิ๊วนี้ เป็นสิ่งที่นางอยากจะทำเองจริงๆ ลู่ม่านกำลังคิดจะพูดว่า ปฏิเสธได้หรือไม่
ปรากฏว่าจวงลี่จ้งก็โยนข้อเสนอเย้ายวนใจมาให้เป็นพรวน “ไม่ต้องเป็นหุ้นส่วน ต้องการแค่ที่ปรึกษา ถ้าหากมีคนมารังแกถึงที่ ข้าจะรับผิดชอบเอง การลงทุนเรื่องสร้างโรงงานในขั้นแรก ข้าลงทุนเอง แต่ชื่อเสียงและเงินทองหลังจากนั้น พวกเจ้าเป็นคนเก็บ”
ยังมีเรื่องดีเช่นนี้ด้วยหรือ ลู่ม่านมองจวงลี่จ้งอย่างสงสัย “เรื่องที่ทำแล้วได้ไม่คุ้มเสียเช่นนี้ คุณชายจวงจะทำทำไม”
“เพราะข้ามั่นใจ ว่าสิ่งที่เรียกว่าซีอิ๊วนี้ภายหน้าจะกลายเป็นของดีอย่างแน่นอน เมื่อถึงตอนนั้น แค่มีหุ้นหนึ่งส่วนก็ไม่น้อยแล้ว”
เหมือนจะมีเหตุผลอยู่บ้าง ลู่ม่านพยักหน้า “ได้ หวังเพียงแค่ว่าคุณชายจวง จะไม่เสียใจในภายหลังก็พอ”
จวงลี่จ้งยิ้มจางๆ เขาไม่มีทางเสียใจแน่
หลังจากทั้งสองคนคุยกันเสร็จแล้ว ลู่ม่านบอกว่าเรื่องนี้ต้องรอให้เฉินจื่ออานกลับมาแล้วค่อยเขียนหนังสือสัญญาต่อกัน นี่เป็นการที่ลู่ม่านให้เกียรติกับเฉินจื่ออาน
จวงลี่จ้งก็ไม่ได้รู้สึกประหลาดใจอะไร
พอดีกับที่ เหอเยว่เอาถั่วแระกลับมาแล้ว บอกว่าจะรอให้ลู่ม่านทำถั่วแระต้ม
จวงลี่จ้งจึงไม่ยอมจากไปไหน รอจะกินด้วย
ลู่ม่านเอากระดาษที่มีตัวอักษรเขียนเอาไว้ให้กับเหอเยว่ ให้นางส่งไปที่บ้านของผู้ใหญ่บ้าน แล้วก็เตรียมตัวไปต้มถั่วแระ
ก่อนอื่นต้องล้างถั่วแระให้สะอาด จากนั้นก็เอาเปลือกทั้งสองด้านออก เอาลงไปในกระทะ เติมน้ำให้ท่วมถั่วแระ เติมเกลือและโป๊ยกั๊กเข้าไปก็ใช้ได้แล้ว
ถั่วนั้นมีพลังที่น่าอัศจรรย์เช่นนี้เอง การต้มอย่างง่ายดายเช่นนี้ แต่ก็ยากจะปิดบังความหอมของเอาไว้ได้
เห็นว่าใกล้จะเที่ยงวันแล้ว ลู่ม่านจึงทำกับข้าวอีกสองสามอย่าง และเอาถั่วแระขึ้นโต๊ะ
รอให้เฉินจื่ออานกลับมา ทุกคนต่างก็นั่งล้อมโต๊ะเริ่มกินข้าวกัน
ไม่ผิดจากที่คาดเอาไว้ ถั่วแระต้มได้รับคำชมที่ดีมาก
หลังกินข้าวเสร็จแล้ว ลู่ม่านได้พูดเรื่องที่จวงลี่จ้งได้เสนอความร่วมมือให้เฉินจื่ออานฟัง เฉินจื่ออานพยักหน้า “เรื่องนี้เจ้าเป็นคนทำ ฉะนั้นเรื่องการร่วมมือกัน ขอเพียงเจ้าคิดดีแล้ว ก็ทำได้”
“แต่ว่านี่เป็นครอบครัวของเรา ข้าหวังว่าพวกเราจะสามารถร่วมกันตัดสินใจได้”
“ได้ ”เฉินจื่ออานพูดยิ้มๆ “เช่นนั้นก็ตกลงตามนี้แล้วกัน”
ช่วงบ่าย จวงลี่จ้งได้เขียนหนังสือสัญญากับเฉินจื่ออานแล้วค่อยจากไป นัดกันว่าอีกหกเดือนจะมาดูซีอิ๊วอีกครั้ง
ส่วนทางด้านโรงเรียน เฉินลี่เหิงได้รับตัวอักษรที่ลู่ม่านให้จวงลี่จ้งช่วยเขียนให้ ได้ให้คนเข้าไปในเพื่อทำเป็นป้ายขึ้นมาโดยเฉพาะ
รอให้โรงเรียนสร้างเสร็จแล้วค่อยแขวนขึ้นไป
เมื่อมีเงิน การก่อสร้างโรงเรียนก็เป็นไปอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นหนึ่งเดือน หมู่บ้านไป่ฮัวก็มีวันสำคัญที่ยิ่งใหญ่เกิดขึ้น นั่นก็คือโรงเรียนแห่งแรกของหมู่บ้านไป่ฮัวได้ก่อสร้างเสร็จแล้ว
หมู่บ้านใกล้เคียงที่ไม่มีโรงเรียนต่างก็ส่งคนมาร่วมแสดงความยินดี และสอบถามว่าสามารถมาเรียนที่นี่ได้หรือไม่
ในเรื่องนี้ อาจารย์โจวได้กำหนดกฎเกณฑ์ขึ้น นักเรียนในแต่ละชั้นเรียนต้องไม่เกินยี่สิบคน ตอนนี้ในโรงเรียนมีห้องเรียนทั้งหมดห้าห้อง นั่นก็แสดงว่าจำนวนนักเรียนทั้งหมดต้องไม่เกินหนึ่งร้อยคน
การเป็นโรงเรียนเล็กๆในระดับหมู่บ้าน เงื่อนไขขเช่นนี้นับว่าสมเหตุสมผลอยู่
อีกอย่าง ถ้าหากรับสมัครนักเรียนได้หนึ่งร้อยคนจริง เช่นนั้น เกรงว่าจะต้องรับสมัครอาจารย์ใหม่เพิ่มขึ้นอีก
แต่เมื่ออาจารย์โจวพูดเรื่องนี้ออกไป คนต่างหมู่บ้านต่างก็แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ยินดีจะส่งลูกหลานมาเรียนที่นี่ และยินดีจะจ่ายค่าตอบแทนให้กับอาจารย์ผู้สอนในฐานะที่เป็นคนมาจากต่างหมู่บ้าน
สุดท้าย ผู้ใหญ่บ้านเฉินได้แต่รับสมัครอาจารย์จากภายนอกต่อไป
ในเมื่อ ยังมีเวลาอีกสักระยะก่อนจะเปิดการเรียนการสอนอย่างเป็นทางการ ก็เปิดรับสมัครไปก่อน
อุปสรรคเล็กน้อยแค่นี้ แทบจะไม่มีผลต่อความกระตือรือร้นของทุกคนเลย ในหมู่บ้านได้เตรียมต้อนรับแขกที่มาร่วมแสดงความยินดีด้วยงานเลี้ยง ทุกคนไม่ว่าจะเป็นคนแก่หรือเด็กต่างก็มาร่วมงานกันหมด
ทุกคนต่างก็ได้ยินมาว่าครอบครัวของเฉินจื่ออานเป็นบ้านแรกที่คิดจะสร้างโรงเรียน ต่างก็มาดื่มอวยพรให้กับเฉินจื่ออาน
เฉินจื่ออานนับว่าคอแข็งใช้ได้ แต่การดื่มอวยพรเช่นนี้ ก็ทำให้ค่อยๆมึนเมาขึ้นมาแล้ว ลู่ม่านรีบไปเรียกเหอเยว่ให้กลับไปเตรียมน้ำแกงสร่างเมา จากนั้นตัวเองก็คิดหาวิธีที่จะพาตัวเฉินจื่ออานออกมาจากกลุ่มคนที่รายล้อมอยู่
พูดกับเหอเยว่จบแล้ว ลู่ม่านก็เดินกลับไป ปรากฏว่า คนที่มุงอยู่เหล่านั้นต่างก็หายกันไปหมดแล้ว เฉินจื่ออานก็ไม่รู้ว่าไปที่ไหน
ลู่ม่านรีบหันไปตามหา สุดท้าย ที่มุมหนึ่งด้านหลังโรงเรียนที่เพิ่งสร้างขึ้นมาใหม่ เห็นเฉินจื่ออานกับหญิงสาวคนหนึ่งกำลังยืนเผชิญหน้ากัน
หญิงสาวมองเฉินจื่ออานด้วยสายตาเป็นประกาย ท่าทีดูยกย่องเชิดชูเขามาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน
อ่านไป งงไป ตัดสินประหาร หรืออภัยโทษ?...
หม่อมข้า? ใช้ MS Word ไม่ระวังเลย...
ตั้งแต่ต้นจนถึงตอน 337 แล้ว โดยภาพรวมพระเอกไม่ค่อยมีเสน่ห์ ไม่เฉียบแหลมเลย...
อะไรจะมีปมขนาดนั้น วุ่นวายตอกย้ำเหลือเกินเกี่ยวกับระบบศักดินา ทั้งที่มันเป็นคนละยุคสมัยกัน...
ตอน285-287 หายทำไงดี...
ตอนหายค่ะ 284แล้วกระโดดไป288เลยค่ะ...
บท 285-287 หายค่ะ 284แล้ว288เลย รบกวนด้วยค่ะ...
281-311 รบกวนด้วยค่ะ...
บทที่241-311 หายค่ะ...
วันนี้ลงตอนที่ขาดหาย ไปถึงบทที่ 209. แล้วนะคะ แต่พอกลับมาอ่านอีกทีเหมือนโดนลบทิ้งไปเหลืออยู่แค่บทที่205...