วันรุ่งขึ้น หลังจากตาแก่เฉินกินยาก็ได้สติขึ้นมา
แต่ว่า เขากลับนิ่งเงียบ ไม่ว่าใครจะถาม เขาก็ไม่เปิดปาก และไม่ยอมบอกว่าเขาไปทำอะไรมา
หลังจากมีคนมาถามบ่อยเกินไป เขาก็โมโหและดุด่าอย่างหนัก
ต่อมา จึงไม่มีใครกล้าถามอีก
ส่วนเฉินจื่อฟู่ หลิวซื่อยังคงคิดถึงทุกวัน และมาขอร้องเฉินจื่ออานอยู่หลายครั้ง และในที่สุดเฉินจื่ออานก็ตัดสินใจส่งคนไปที่อำเภอเฟิงหนานเพื่อตามหาคน
และในขณะเดียวกัน ตอนนี้ก็ถึงเวลาเกี่ยวข้าวแล้ว
หลายวันมานี้ มีคนมาดูข้าวของลู่ม่านเยอะมาก เพราะเหตุการณ์ตอนที่หว่านต้นกล้า ทุกคนต่างก็มั่นใจว่าต้นข้าวของบ้านลู่ม่านจะต้องได้ผลผลิตไม่ดีแน่ๆ
แต่ว่า ผลที่ได้ปรากฏว่าต้นข้าวของพวกเขาเติบโตเหมือนกับของคนอื่น ๆ และไม่มีอะไรผิดปกติเลย
ทึ่นาเพียงหนึ่งไร่ และเฉินจื่ออานก็อยากสะสมประสบการณ์ เขาจึงลงนาเพื่อทำการเก็บเกี่ยวเอง และลู่ม่านเองก็ตามมาช่วยงานด้วย
แต่ว่า งานนี้มันเหนื่อยมากจริง ๆ ไม่นานลู่ม่านก็ยืดหลังไม่ได้แล้ว
โชคดีที่ครอบครัวตนเองมีที่ดินเพียงหนึ่งหมู่ ถ้ามีมากกว่านี้ นางต้องเหนื่อยตายแน่ๆ แต่ในขณะที่คิดอยู่นั้น เฉินจื่ออานก็พูดขึ้นมาอีกครั้งว่า “ปีนี้ ข้าวของบ้านเฉินไม่มีใครเก็บเกี่ยว ข้าเกรงว่าเราจะ…”
“จ้างคนงานชั่วคราวมาทำ!” ลู่ม่านรีบพูดขึ้นมา
เฉินจื่ออานเองก็คิดอย่างนั้นเช่นกัน แต่ยังคงขบขันกับท่าทางของลู่ม่าน “เสี่ยวม่าน ถ้าเจ้าเหนื่อยก็กลับไปพักก่อนเถอะ”
“ข้าไม่เหนื่อย!” ลู่ม่านแกล้งทำเป็นไหว และพูดเสริมว่า “ช่วยงานท่าน ทำงานของครอบครัวของตัวเองไม่เหนื่อย...”
ความหมายก็คือ ถ้าช่วยคนอื่นก็ไม่แน่
ที่นาหนึ่งหมู่ของพวกเขา เก็บเกี่ยวเสร็จในสองวัน ขั้นตอนต่อไปคือการทุบข้าว ลานทุบข้าวในวันนี้ยังเป็นพื้นดินเปล่า แล้วเมล็ดข้าวที่ไม่ได้สกปรกอะไร แต่หลังจากทุบข้าวที่ลานแบบนี้แล้ว ก็ต้องเปื้อนดินมากขึ้น
ส่งผลให้ด้านหลังยังมีกระบวนการอื่น ๆ อีกมากมาย เช่นกรองข้าวเปลือก และอื่น ๆ
นี่มันสร้างความวุ่นวายให้ตัวเองเพิ่มชัดๆ ตอนนี้รถเก็บเกี่ยวคงทำไม่ได้แน่ แต่เครื่องแยกเมล็ดข้าวลองทำดูได้
ช่วงเย็นหลังจากที่ลู่ม่านกลับมาถึงบ้าน นางก็นึกถึงเครื่องแยกเมล็ดข้าวแบบใช้มือดันเองที่นางเคยเห็นในยุคปัจจุบันออกมา
ดูเหมือนว่าในสมัยใหม่จะใช้แผ่นเหล็กทำขึ้นมา และพ่นสีด้านนอกด้วย
ข้างในเป็นอุปกรณ์คล้ายลูกกลิ้งที่มีใบมีดติดอยู่ ขอแค่ใส่ต้นข้าวที่เก็บเกี่ยว แล้วเหยียบ ต้นข้าวก็จะเข้าไปข้างในเครื่อง
หลังจากนั้นก็แยกเมล็ดข้าวออกจากต้นได้
ข้ามขั้นตอนกลิ้งในลานออกไป สามารถประหยัดเวลาได้มาก แล้วอีกอย่าง ครอบครัวไหนที่ไม่ต้องการฟางข้าว ก็สามารถแยกเมล็ดข้าวในทุ่งนาได้เลย และไม่ต้องขนกลับไปที่บ้าน
ที่จริงแล้ว ลู่ม่านไม่ได้เชี่ยวชาญอะไรมากนัก ดังนั้นในช่วงเช้าวันรุ่งขึ้นนางจึงลากสังขารที่อ่อนล้าของนางไปที่ตำบล
ร้านช่างตีเหล็กที่ลู่ม่านเคยไปสั่งทำสิ่งต่างๆ ลู่ม่านคิเว่าเจ้าของร้านนั้นฉลาดมาก สิ่งที่ลู่ม่านบรรยายออกมา เขาสามารถช่วยนางสร้างออกมาด้วยทักษะในปัจจุบันได้
ดังนั้น ลู่ม่านจึงบอกความคิดของนางบอกไปโดยตรง จากนั้นทั้งสองก็พูดคุยกันอย่างตื่นเต้น คนคนนั้นจึงพูดว่า “ข้าเข้าใจความต้องการของแม่นางแล้ว ข้าจะลองดู”
“ตกลง!” ลู่ม่านพยักหน้า “ข้ารีบใช้ ท่านลองดูว่าจะทำมันได้ภายในสองวันนี้ไหม”
ข้อเรียกร้องนี้ค่อนข้างสูง แต่ผู้ชายคนนั้นก็ยังพยักหน้า “ข้าจะลองดู”
หลังจากคุยกันเสร็จ ลู่ม่านก็ตรงกลับบ้านไป เฉินจื่ออานกำลังบอกให้คนขนข้าวเปลือกกลับมาจากทุ่งนา แต่ลู่ม่านห้ามเขาไว้ก่อน “รออีกสองวัน ข้าอยากลองใช้งานเครื่องจักรของข้าดู”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน
เด็กไม่ตายเพราะแม่คลอดยากจะตายเพราะคนรับใช้ป้อนโจ๊กข้าวจนอิ่มตื้อ รอดได้คือดวงแข็งเว่อ...
อ่านไป งงไป ตัดสินประหาร หรืออภัยโทษ?...
หม่อมข้า? ใช้ MS Word ไม่ระวังเลย...
ตั้งแต่ต้นจนถึงตอน 337 แล้ว โดยภาพรวมพระเอกไม่ค่อยมีเสน่ห์ ไม่เฉียบแหลมเลย...
อะไรจะมีปมขนาดนั้น วุ่นวายตอกย้ำเหลือเกินเกี่ยวกับระบบศักดินา ทั้งที่มันเป็นคนละยุคสมัยกัน...
ตอน285-287 หายทำไงดี...
ตอนหายค่ะ 284แล้วกระโดดไป288เลยค่ะ...
บท 285-287 หายค่ะ 284แล้ว288เลย รบกวนด้วยค่ะ...
281-311 รบกวนด้วยค่ะ...
บทที่241-311 หายค่ะ...