ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 228

วันรุ่งขึ้น หลังจากตาแก่เฉินกินยาก็ได้สติขึ้นมา

แต่ว่า เขากลับนิ่งเงียบ ไม่ว่าใครจะถาม เขาก็ไม่เปิดปาก และไม่ยอมบอกว่าเขาไปทำอะไรมา

หลังจากมีคนมาถามบ่อยเกินไป เขาก็โมโหและดุด่าอย่างหนัก

ต่อมา จึงไม่มีใครกล้าถามอีก

ส่วนเฉินจื่อฟู่ หลิวซื่อยังคงคิดถึงทุกวัน และมาขอร้องเฉินจื่ออานอยู่หลายครั้ง และในที่สุดเฉินจื่ออานก็ตัดสินใจส่งคนไปที่อำเภอเฟิงหนานเพื่อตามหาคน

และในขณะเดียวกัน ตอนนี้ก็ถึงเวลาเกี่ยวข้าวแล้ว

หลายวันมานี้ มีคนมาดูข้าวของลู่ม่านเยอะมาก เพราะเหตุการณ์ตอนที่หว่านต้นกล้า ทุกคนต่างก็มั่นใจว่าต้นข้าวของบ้านลู่ม่านจะต้องได้ผลผลิตไม่ดีแน่ๆ

แต่ว่า ผลที่ได้ปรากฏว่าต้นข้าวของพวกเขาเติบโตเหมือนกับของคนอื่น ๆ และไม่มีอะไรผิดปกติเลย

ทึ่นาเพียงหนึ่งไร่ และเฉินจื่ออานก็อยากสะสมประสบการณ์ เขาจึงลงนาเพื่อทำการเก็บเกี่ยวเอง และลู่ม่านเองก็ตามมาช่วยงานด้วย

แต่ว่า งานนี้มันเหนื่อยมากจริง ๆ ไม่นานลู่ม่านก็ยืดหลังไม่ได้แล้ว

โชคดีที่ครอบครัวตนเองมีที่ดินเพียงหนึ่งหมู่ ถ้ามีมากกว่านี้ นางต้องเหนื่อยตายแน่ๆ แต่ในขณะที่คิดอยู่นั้น เฉินจื่ออานก็พูดขึ้นมาอีกครั้งว่า “ปีนี้ ข้าวของบ้านเฉินไม่มีใครเก็บเกี่ยว ข้าเกรงว่าเราจะ…”

“จ้างคนงานชั่วคราวมาทำ!” ลู่ม่านรีบพูดขึ้นมา

เฉินจื่ออานเองก็คิดอย่างนั้นเช่นกัน แต่ยังคงขบขันกับท่าทางของลู่ม่าน “เสี่ยวม่าน ถ้าเจ้าเหนื่อยก็กลับไปพักก่อนเถอะ”

“ข้าไม่เหนื่อย!” ลู่ม่านแกล้งทำเป็นไหว และพูดเสริมว่า “ช่วยงานท่าน ทำงานของครอบครัวของตัวเองไม่เหนื่อย...”

ความหมายก็คือ ถ้าช่วยคนอื่นก็ไม่แน่

ที่นาหนึ่งหมู่ของพวกเขา เก็บเกี่ยวเสร็จในสองวัน ขั้นตอนต่อไปคือการทุบข้าว ลานทุบข้าวในวันนี้ยังเป็นพื้นดินเปล่า แล้วเมล็ดข้าวที่ไม่ได้สกปรกอะไร แต่หลังจากทุบข้าวที่ลานแบบนี้แล้ว ก็ต้องเปื้อนดินมากขึ้น

ส่งผลให้ด้านหลังยังมีกระบวนการอื่น ๆ อีกมากมาย เช่นกรองข้าวเปลือก และอื่น ๆ

นี่มันสร้างความวุ่นวายให้ตัวเองเพิ่มชัดๆ ตอนนี้รถเก็บเกี่ยวคงทำไม่ได้แน่ แต่เครื่องแยกเมล็ดข้าวลองทำดูได้

ช่วงเย็นหลังจากที่ลู่ม่านกลับมาถึงบ้าน นางก็นึกถึงเครื่องแยกเมล็ดข้าวแบบใช้มือดันเองที่นางเคยเห็นในยุคปัจจุบันออกมา

ดูเหมือนว่าในสมัยใหม่จะใช้แผ่นเหล็กทำขึ้นมา และพ่นสีด้านนอกด้วย

ข้างในเป็นอุปกรณ์คล้ายลูกกลิ้งที่มีใบมีดติดอยู่ ขอแค่ใส่ต้นข้าวที่เก็บเกี่ยว แล้วเหยียบ ต้นข้าวก็จะเข้าไปข้างในเครื่อง

หลังจากนั้นก็แยกเมล็ดข้าวออกจากต้นได้

ข้ามขั้นตอนกลิ้งในลานออกไป สามารถประหยัดเวลาได้มาก แล้วอีกอย่าง ครอบครัวไหนที่ไม่ต้องการฟางข้าว ก็สามารถแยกเมล็ดข้าวในทุ่งนาได้เลย และไม่ต้องขนกลับไปที่บ้าน

ที่จริงแล้ว ลู่ม่านไม่ได้เชี่ยวชาญอะไรมากนัก ดังนั้นในช่วงเช้าวันรุ่งขึ้นนางจึงลากสังขารที่อ่อนล้าของนางไปที่ตำบล

ร้านช่างตีเหล็กที่ลู่ม่านเคยไปสั่งทำสิ่งต่างๆ ลู่ม่านคิเว่าเจ้าของร้านนั้นฉลาดมาก สิ่งที่ลู่ม่านบรรยายออกมา เขาสามารถช่วยนางสร้างออกมาด้วยทักษะในปัจจุบันได้

ดังนั้น ลู่ม่านจึงบอกความคิดของนางบอกไปโดยตรง จากนั้นทั้งสองก็พูดคุยกันอย่างตื่นเต้น คนคนนั้นจึงพูดว่า “ข้าเข้าใจความต้องการของแม่นางแล้ว ข้าจะลองดู”

“ตกลง!” ลู่ม่านพยักหน้า “ข้ารีบใช้ ท่านลองดูว่าจะทำมันได้ภายในสองวันนี้ไหม”

ข้อเรียกร้องนี้ค่อนข้างสูง แต่ผู้ชายคนนั้นก็ยังพยักหน้า “ข้าจะลองดู”

หลังจากคุยกันเสร็จ ลู่ม่านก็ตรงกลับบ้านไป เฉินจื่ออานกำลังบอกให้คนขนข้าวเปลือกกลับมาจากทุ่งนา แต่ลู่ม่านห้ามเขาไว้ก่อน “รออีกสองวัน ข้าอยากลองใช้งานเครื่องจักรของข้าดู”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน