ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 259

หลังจากกลับถึงหมู่บ้านไป่ฮัว ทันทีที่พวกเขาเดินเข้าประตู ชาวบ้านจำนวนมากที่ได้รับข่าวก็รีบมาแสดงความยินดี

โชคยังดีที่ลู่ม่านเอาของกลับมาด้วยไม่น้อย จึงเอาออกมาให้ทุกคนได้กินจนอิ่มหนำ

จนถึงช่วงค่ำ ถึงค่อยสงบเงียบได้เสียที

เสี่ยวเย่วช่วยลู่ม่านจัดการข้าวของที่นางเอากลับมา ลู่ม่านพูดไปพลางว่าของพวกนี้ อันไหนเอาให้ใครบ้าง มือก็พลางหยิบออกมาจัดแบ่งให้เป็นประเภท

ที่บ้านเก่านั้นแน่นอนว่าย่อมต้องมีให้ เฉินจื่อฉายเป็นพี่ชายคนโตของเฉินจื่ออาน เพื่อหน้าตาศักดิ์ศรีก็ต้องมีเตรียมไว้ให้พร้อมสรรพ จากนั้นก็ยังมีหลิวซื่อ นางท้องอยู่ ก็ต้องมีให้ส่วนหนึ่งด้วย

เหยาซื่อกับเฉินเหมยเซียงทุ่มเททำงานหนักในโรงงานทุกวัน แน่นอนว่าต้องมีให้ นอกจากนี้ ก็ยังมีเหอเย่วกับเหอซานที่ยุ่งอยู่กับงานในบ้านตลอด แน่นอนว่าก็ต้องมีด้วย

จากนั้นก็เป็นคนในหมู่บ้านแล้ว อาจารย์โจว อาจารย์ในโรงเรียนที่เพิ่งมาใหม่อีกสี่ท่าน รวมไปถึงผู้ใหญ่บ้านเฉิน

หลังจากการจัดแบ่งของฝากเสร็จแล้ว ลู่ม่านก็สั่งให้เหอเย่วมารับส่วนแบ่งรวมถึงฝากส่วนของเหอซานไปด้วย

คิดไม่ถึงว่า เพิ่งจะออกไป เหอเย่วก็ย้อนกลับมาอีก ครั้งนี้มีเหอซานตามกลับมาพร้อมกันด้วย ทันทีที่เข้าประตูมาได้ เหอซานก็ทำท่าจะคุกเข่าลง

พูดตามตรงลู่ม่านทนรับสถานการณ์ประเภทที่ว่า เอะอะอะไรก็คุกเข่าไว้ก่อนไม่ได้จริง ๆ คนสมัยใหม่ที่ไหนอยู่ดี ๆ จะคุกเข่ากันล่ะ? เราจะคุกเข่าก็ต่อเมื่อสักการะบูชาฟ้าดิน หรือไม่ก็คำนับพ่อแม่เท่านั้นแหล่ะ!

หรือพูดกันตามตรงเลยคือ มีบางครั้งที่บูชาฟ้าดินก็ไม่คุกเข่าหรอกนะ

“ถ้ามีอะไรจะพูดท่านก็พูดมาเลยเถอะ!” ลู่ม่านรีบให้เหอเย่วเข้าไปช่วยพยุงเขา

ตอนนี้เองเหอซานค่อยพูดขึ้นมาว่า “เรื่องที่ข้าเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่าอยากจะกลับไปบ้านเกิด ได้ยินมาว่าทางราชสำนักเริ่มทำการจัดแบ่งที่นาแล้ว.....”

ที่แท้ก็เพราะเรื่องนี้นี่เอง ดูเหมือนว่าเรื่องนี้ลู่ม่านก็เคยได้ยินตอนที่อยู่ในเมืองหลวงมาบ้างแล้ว

ใบไม้ร่วงหวนคืนสู่ราก  นี่เป็นสิ่งที่ไม่อาจปฏิเสธได้ว่ามันไม่ดีไปเสียทั้งหมด เอาเข้าจริงมันก็ยังมีดีอยู่บ้าง ลู่ม่านเองก็ไม่มีเหตุผลที่จะยื้อยุดฉุดรั้งเขาเอาไว้ จึงพยักหน้า “ถ้าผู้อาวุโสอยากจะกลับไปจริง ๆ ข้าจะให้จูชิงขับรถม้าไปส่งท่านจนถึงที่หมายเอง”

“ไม่ต้องหรอกเจ้าค่ะ!” จู่ ๆ เหอเย่วพูดขึ้นมา “ข้าจะกลับไปพร้อมกับท่านปู่ด้วย”

ลู่ม่านถึงกับตกตะลึง หันไปมองเหอเย่วด้วยความประหลาดใจ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็พูดกันไว้ชัดแล้วไม่ใช่หรือว่าเหอซานจะกลับไปคนเดียว? ทำไมตอนนี้กลายเป็นว่าจะไปกันหมดทั้งคู่เสียแล้วล่ะ?

เหอซานเองก็ประหลาดใจมากเช่นกัน “เด็กโง่ เจ้าไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงปู่หรอกนะ”

“ไม่หรอก ท่านปู่ ข้าไม่ได้พูดเพราะความโกรธ หรือเป็นความหุนหันพลันแล่นจากอารมณ์ชั่ววูบด้วย ข้าคิดเรื่องนี้มานานมากแล้ว สุดท้ายก็คิดว่ากลับไปพร้อมกับท่านปู่ดีกว่า”

“แล้วเจ้า...” เหอซานอ้าปากทำท่าเหมือนอยากจะพูด ราวกับว่าเขาคิดถึงอะไรบางอย่างที่สุดท้ายก็ไม่กล้าพูดออกมา

เหอเยว่ตัดบทคำพูดของเขาอย่างรวดเร็ว “ท่านปู่ เรื่องพวกนั้นล้วนเป็นความคิดเพ้อเจ้อของข้าเอง ปู่เข้าใจผิดแล้วล่ะ” พูดจบ นางก็ค้อมกายคำนับลู่ม่านอย่างลึกซึ้ง “พี่ลู่ ข้าขอขอบคุณสำหรับการดูแลเอาใจใส่ที่ท่านมีต่อข้า รวมถึงความเมตตาที่ใส่ใจดูแลท่านปู่มาตลอด ต่อให้ข้าออกไปจากหมู่บ้านไป่ฮัวแล้ว ข้าก็จะขอเก็บท่านเอาไว้ในใจไปตลอดชีวิต!”

เหอซานส่ายหน้าอย่างร้อนใจ "ไม่ใช่ ไม่ใช่อย่างนั้น....."

แต่เหอเย่วกลับไม่ให้โอกาสเหอซานได้พูดอะไรอีก เข้าไปช่วยพยุงเขาเดินออกไปทันที

รอจนถึงตอนค่ำที่เป็นเวลาทำอาหาร ลู่ม่านค่อยถามเหอเย่วว่า “ช่วงนี้เวลาอยู่บ้านเจ้าทำอะไรบ้าง?”

เหอเย่วสายตาเอาแต่มองไปที่พื้นอย่างเหม่อลอย ผ่านไปครู่ใหญ่ค่อยพูดขึ้นว่า "อ้อ! ก็เหมือนกับทุกวันนั่นล่ะ ทำงานบ้านจิปาถะ"

“เฉินจูชิงไม่ได้มาช่วยเลยรึ?” ลู่ม่านถามอย่างสงสัย ว่ากันตามหลักเหตุผลไม่น่าจะเป็นไปได้สิ เฉินจูชิงก้าวมาจนถึงขั้นที่คิดจะมอบปิ่นปักผมแทนใจให้แล้ว ทำไมกลับดูเหมือนว่าทางฝั่งเหอเย่วยังไม่เข้าใจความหมายอีกล่ะ?

“ทำไมต้องให้เขาช่วยด้วยล่ะ?” จู่ ๆ เหอเย่วก็มีท่าทีเหมือนในท้องเต็มไปด้วยไฟโทสะ ลู่ม่านมองนางด้วยความประหลาดใจ “เป็นอะไรไป? หรือเขาทำอะไรไม่ดีอย่างนั้นรึ?”

“ไม่เจ้าค่ะ!” เหอเย่วกลับไปมีท่าทีซึมเศร้าหมองหม่นอีกครั้ง

ลู่ม่านตัดสินว่าบางทีระหว่างทั้งสองคน อาจมีความเข้าใจผิดอะไรบางอย่างกันหรือเปล่า? หรือไม่ก็อาจจะเป็นเพราะเฉินหลิ่วเอ๋ออีกแล้ว?

.......

วันรุ่งขึ้นเมื่อฟ้าสาง เหอเย่วกับเหอซานก็เตรียมตัวพร้อมออกเดินทางแล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน