ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 279

สรุปบท บทที่ 279 ร่วมงานเลี้ยงขึ้นบ้านใหม่ของหลิวซื่อ: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน

ตอน บทที่ 279 ร่วมงานเลี้ยงขึ้นบ้านใหม่ของหลิวซื่อ จาก ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 279 ร่วมงานเลี้ยงขึ้นบ้านใหม่ของหลิวซื่อ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายประวัติศาสตร์ ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน ที่เขียนโดย ฝูเชิง เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ให้เฉินจื่ออานอยู่เป็นเพื่อนจวงลี่จ้ง แล้วลู่ม่านก็รีบไปที่ห้องรับแขก

หลี่หว่านถิงกำลังร้องห่มร้องไห้อยู่ที่นั่น แต่ว่ายังดี เสื้อผ้ากับหน้าตาล้วนเปลี่ยนจัดการเรียบร้อยแล้ว เห็นลู่ม่านเข้ามา เสี่ยวหมิ่นเดินมาหาลู่ม่านเหมือนอย่างถูกนิรโทษกรรม

“แม่นางลู่ รีบช่วยปลอบจวิ้นจู่ด้วยเถอะ”

ลู่ม่านก็ปวดหัว ถึงแม้นางก็เป็นผู้หญิง แต่นางก็ไม่ชอบผู้หญิงร้องไห้ โดยเฉพาะ การที่ถูกคนที่ตนเองรักเห็นตนเองในสภาพแบบนี้.....

ลู่ม่านอยากจะช่วยแต่ก็จนใจ

พูดปลอบอยู่สักพัก ก็ไม่ได้ผลอะไร จู่ๆ ลู่ม่านก็คิดอะไรขึ้นมาได้ แล้วก็พูดขึ้นว่า “ที่จริง ไม่แน่ว่าคุณชายจวงอาจจะมองไม่เห็นเจ้าล่ะ?”

“จริงหรือ?” หลี่หว่านถิงเงยหัวขึ้น

“จริง” ลู่ม่านพยักหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “เมื่อกี้เจ้าดำไปทั้งตัว ผมเพ้าก็ระเบิด เพียงแค่เหลือบมอง คุณชายจวงจะเห็นเจ้าได้อย่างไร.....”

สุดท้าย ลู่ม่านยังพูดไม่เสร็จ หลี่หว่านถิงยิ่งร้องไห้อย่างเจ็บปวด พร้อมพูดขึ้นว่า “ผมเพ้าระเบิด......”

“ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ใช่ ข้าหมายความว่า สภาพของเจ้าเมื่อกี้ดูแปลกใหม่แหวกแนว”

“แปลกใหม่แหวกแนว?” หลี่หว่านถิงยังคงไม่ยอม

ลู่ม่าน “...... ที่สำคัญไม่ใช่ตรงที่จวงลี่จ้งมองไม่เห็นเจ้าหรือ?”

“ดูเหมือนจะใช่” หลี่หว่านถิงค่อยเช็ดน้ำตาให้แห้ง เผยรอยยิ้ม แต่ไม่ช้านางก็พูดขึ้นอีกว่า “หากพี่อาจ้งถามขึ้นมาว่า หญิงบ้าเมื่อกี้คนนั้นเป็นใคร? จะตอบว่าอย่างไร?”

ลู่ม่าน “……”

เสี่ยวหมิ่นที่อยู่ด้านข้าง พูดขึ้นว่า “จวิ้นจู่ ไม่ต้องกลัว หากคุณชายจวงถามขึ้นมา พวกเราก็แค่บอกชื่อไปเรื่อยก็พอแล้ว ผู้หญิงในบ้านไม่ได้มีเจ้าเพียงคนเดียว นอกจากแม่นางลู่ ก็ยังมีเหอเย่วไม่ใช่หรือ?”

“เกรงว่าเหอเย่วคงไม่เหมาะมั้ง? รูปร่างลักษณะของนางกับแม่นางลู่แตกต่างกัน คนที่เหมือนหว่านถิงมี.....”

เมื่อพูดสร็จ ลู่ม่านกับหลี่หว่านถิงต่างหันไปมองเสี่ยวหมิ่น แล้วต่างก็เผยให้เห็นรอยยิ้มที่พอใจ

เสี่ยวหมิ่น “.......” นี่เป็นการเรียกว่ายกหินขึ้นมาแต่กลับหล่นทับขาตัวเอง?

ได้ยินว่าจวงลี่จ้งจะอยู่ทานข้าว หลี่หว่านถิงก็มีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง จะต้องช่วยลู่ม่านล้างผัก ลู่ม่านยังจะกล้าหรือ? จึงจำต้องให้เสี่ยวหมิ่นอยู่กับนางด้วย

เป็นครั้งแรกที่เตรียมหม้อไฟคู่ เพื่อเป็นการดูแลจวงลี่จ้งกับหลี่หว่านถิงที่ทานเผ็ดน้อยมาตลอด

บนโต๊ะอาหาร สายตาของหลี่หว่านถิง จ้องมองดูจวงลี่จ้งอยู่ตลอด สุดท้ายแม้แต่เฉินจื่ออานที่ใสซื่อ ยังเห็นถึงความผิดปกติ แต่จวงลี่จ้งก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

เมื่อทานไปแล้วครึ่งหนึ่ง จวงลี่จ้งก็ขอตัวกลับแล้ว

หลี่หว่านถิงคิดไปคิดมาแล้วก็ต่างออกไป เมื่อเสี่ยวหมิ่นกำลังเตรียมที่จะตามไปด้วย ลู่ม่านหันไปส่ายหัวให้กับนาง บางที ควรที่จะให้พวกเขาทั้งสองคนมีโอกาสที่จะได้อยู่ด้วยกันเป็นการส่วนตัวบ้าง?

ไม่รู้ว่าทั้งสองคนคุยอะไรกัน หลังจากกลับมา หลี่หว่านถิงเหมือนยิ่งมีความสุข

ลู่ม่านค่อยวางใจ แสดงว่าจวงลี่จ้งคนนี้ ก็ไม่ใช่ไม่แข็งทื่อ มีความพัฒนา ค่อยเป็นเรื่องที่ดีที่สุด

เช้าวันรุ่งขึ้น ลู่ม่านคิดขึ้นมาได้ว่า วันนี้เป็นวันกินเลี้ยงขึ้นบ้านใหม่ของหลิวซื่อ ตื่นขึ้นมาแต่เช้าก็รีบเตรียมของขวัญ จากนั้นก็เอาออกมาห่อให้เรียบร้อย

ในขณะที่เตรียมจะออกเดินทาง หลี่หว่านถิงก็มาแล้ว เสี่ยวหมิ่นที่อยู่ด้านหลังหอบกล่องไว้หนึ่งอัน พร้อมพูดขึ้นว่า “พี่ลู่ ข้าจะไปพร้อมกับเจ้า”

“ที่จริงไม่ไปก็ได้” ลู่ม่านพูดขึ้น ยังไงจวิ้นจู่ก็เป็นเพียงแขกในบ้าน ไม่จำเป็นจะต้องไปเปิดหูเปิดตาด้วยเหตุนี้

“ข้าจะไป” หลี่หว่านถิงพูดขึ้นอย่างมุ่งมั่นว่า “เมื่อวานหลังจากที่เจ้าเล่าเรื่องของหลิวซื่อให้ข้าฟัง ข้านับถือนางอย่างมาก ที่มีความกล้าเช่นนี้ นางเป็นเพียงหญิงชาวสวนคนหนึ่ง ก็มีความกล้าหาญเช่นนี้ กล้าที่จะตัดสินใจเลือกชีวิตทางเดินของตนเอง แต่ผู้หญิงภายในวังมากมายยิ่งน่าสงสาร ทำได้เพียงอดทนอดกลั้นไว้ ดังนั้นข้าจึงนับถือนางอย่างมาก”

ของลู่ม่านกับหลี่หว่านถิงให้กล่องใหญ่มาทั้งสองคน ถือเป็นการให้เกียรติอย่างยิ่งแล้ว เดิมหลิวซื่อยังรู้สึกค่อนข้างเป็นกังวล ในที่สุดก็ค่อยโล่งอกบ้าง

นั่งอยู่สักพัก ลู่ม่านก็ลุกขึ้นไปช่วยงานในครัว หลี่หว่านถิงก็ไปช่วย แต่ถูกลู่ม่านห้ามไว้อย่างเด็ดขาด

วันมงคลแบบนี้ นางไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ที่ในครัวถูกเผาไหม้

หลิวซื่อมีความตั้งใจอย่างมากจริงๆ คงมีความรู้สึกที่ตนเองเป็นหญิงหม้ายลูกติดแล้วอยากที่จะเชื่อมสัมพันธ์ที่ดีกับคนในหมู่บ้าน เตรียมเนื้อปลาผักอย่างครบสมบูรณ์

ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังยุ่งอยู่ ด้านนอกประตูก็มีเสียงเหยาซื่อกับเฉินเหมยเซียงดังขึ้น เหอฮัวก็กลับมาพร้อมกัน เหยาซื่อพูดขึ้นมา “วันนี้เป็นวันมงคลของพวกเจ้า ข้าจึงให้เหอฮัวหยุดงานหนึ่งวัน”

เพิ่งพูดเสร็จก็เห็นว่าลู่ม่านอยู่ด้วย เหยาซื่อจึงหัวเราะพร้อมพูดขึ้นมาทันทีว่า “ไอหยา แม่นางก็มาแล้วหรือ”

ทั้งสองคนต่างก็เอาของขวัญมาด้วยเหมือนกัน ถึงจะสู้ลู่ม่านกับหลี่หว่านถิงไม่ได้ แต่สำหรับคนในหมู่บ้าน ก็ถือว่าใหญ่อย่างมากแล้ว

ปกติ ทุกคนต่างก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ในฐานะที่เป็นผู้หญิง ต่างก็นับถือในความกล้าหาญของหลิวซื่อ พวกเขาจึงต่างก็ช่วยกันขึ้นมา

ไม่นาน อาหารก็ถูกจัดเตรียมไว้ครบถ้วนแล้ว ทุกโต๊ะล้วนมีอาหารหกอย่าง มีเมนูเนื้อ 4 อย่าง ไก่ ปลา ไข่ และผัก 2 อย่าง

เมื่ออาหารถูกยกมาวางบนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว หลิวซื่อมองดูท้องฟ้า นี่ก็ใกล้เที่ยงแล้ว ทำไมถึงไม่มีใครมาสักคน?

หลี่หว่านถิงก็แปลกใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “ทำไมพวกเจ้าที่นี่ทานข้าวกันช้าขนาดนี้เลยหรือ?”

หลิวซื่อรู้สึกเก้อเขินขึ้นมา ลู่ม่านรีบหันไปส่ายหัวให้กับหลี่หว่านถิง ซึ่งหลี่หว่านถิงไม่เข้าใจสถานการณ์ เมื่อรู้ว่าตนเองพูดผิดไป ก็รู้สึกผิดขึ้นมา

“ขออภัยนะ แม่นางหลิว” เสี่ยวหมิ่นรีบพูดขอโทษแทนเจ้านายของตนเอง

ในขณะที่กำลังมองดู ด้านนอกประตูก็มีคนเดินมา หลิวซื่อรีบไปต้อนรับ แล้วก็มองเห็นเฉินสือซ่วนที่ไม่รู้ว่ากลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ถือของขวัญกล่องโตเดินเข้ามา พร้อมพูดขึ้นว่า “น้ารอง นี่คือของที่ท่านปู่ให้ข้าเอามาให้ ท่านบอกว่า วันนี้ไม่ค่อยสบายจึงไม่ได้มา”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน