ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 450

สรุปบท บทที่ 450 ถูกยัดความเลี่ยนจนอิ่มท้อง: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน

บทที่ 450 ถูกยัดความเลี่ยนจนอิ่มท้อง – ตอนที่ต้องอ่านของ ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน

ตอนนี้ของ ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน โดย ฝูเชิง ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายประวัติศาสตร์ทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 450 ถูกยัดความเลี่ยนจนอิ่มท้อง จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

ในตอนเย็น ลู่ม่านได้ทำการบอกเกี่ยวกับการนัดหมายของฮูหยินจ้าวในครัวครบรสวันพรุ่งนี้ให้เฉินจื่ออานได้รู้

พอเฉินจื่ออานได้ยินคำพูดนั้น ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความดีใจ “แม่ทัพจ้าวผู้นี้ถือเป็นวีรบุรุษของอดีตราชวงศ์ถังเรา”

ลู่ม่านยกยิ้มแล้วพูดว่า “จื่ออาน เจ้าเองก็รู้จักแม่ทัพจ้าวหรือ”

“รู้จักแน่นอน!” เฉินจื่ออานยกยิ้มแล้วพูด “ได้ยินมาว่าแม่ทัพจ้าวผู้นี้เข้าสนามรบตั้งแต่เขาอายุสิบสองปี และได้ฆ่าศัตรูไปนับไม่ถ้วน จนถูกตั้งฉายาว่าเทพเจ้าแห่งสงคราม! ไม่เพียงแค่นั้น การชนะสงครามทางเหนือในครั้งนี้ แม่ทัพจ้าวมีส่วนร่วมด้วย ตั้งแต่เด็ก ผู้ชายวัยเดียวกันในหมู่บ้านของพวกเรา ต่างก็อยากเป็นเหมือนแม่ทัพจ้าว อีกทั้งตอนนั้น ทุกคนยังไปหาทหารผ่านศึกที่กลับมาเพื่อเรียนวิชาการต่อสู้อย่างงูๆ ปลาๆ มาด้วย คิดไม่ถึงเลยว่าในชีวิตนี้ข้าจะมีโอกาสได้พบกับแม่ทัพจ้าวจริงๆ”

ท่าทางของเฉินจื่ออานในตอนนี้เป็นเหมือนแฟนคลับตัวน้อย ในที่สุดเขาก็จะได้เจอกับวีรบุรุษของเขาแล้ว ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยความดีใจและความตื่นเต้น

จู่ๆ ลู่ม่านก็พูดขึ้นมา “ดังนั้น วิชายิงธนูและทักษะการต่อสู้ของเจ้าล้วนมาจากทหารผ่านศึกคนนั้นหรือ?”

“แน่นอนอยู่แล้ว” เฉินจื่ออานพยักหน้าตอบ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยเปลวไฟที่มองไม่เห็น “ตอนนั้นข้ายังเคยคิดจะไปเกณฑ์ทหารด้วย แต่ว่า หลังจากนั้นที่บ้านลำบากมาก จึงไม่ได้ไป”

ลู่ม่านไม่เคยได้ยินเฉินจื่ออานพูดถึงเรื่องนี้มาก่อน

ทำให้เกิดความรู้สึกสงสารขึ้นมาในใจ “จื่ออาน เจ้าไม่เคยบอกข้าเลยว่าสิ่งที่เจ้าอยากทำคือการไปที่ออกรบ ตอนนี้เจ้าเป็นซือหนงแล้ว คงจะรู้สึกเสียดายมากใช่ไหม”

พอเฉินจื่ออานได้ยินเช่นนี้ เขาก็รีบกุมมือลู่ม่านไว้ และส่ายหน้าไปมา “ไม่เลย เสี่ยวม่าน นี่ไม่ใช่ความผิดของเจ้า ก่อนจะแต่งงานกับเจ้า ข้าเคยคิดว่าชีวิตของข้าจะเหมือนกับพี่ใหญ่ของข้า ต้องแต่งงานกับหญิงสาวที่เหมือนจ้าวซื่อ และมีกับอีกฝ่ายใช้ชีวิตเช่นนั้นไปจนตาย แต่หลังจากที่ข้าได้พบกับเจ้า โลกของข้าก็เปลี่ยนไป เจ้าสอนให้ข้าอ่านและเขียนออก เจ้าพาข้าทำการค้าขายเพื่อหาเงิน แล้วยังสนับสนุนให้ข้าได้ร่ำเรียน ข้าได้เป็นเฉินจื่ออานในตอนนี้ ถือเป็นความดีความชอบของเจ้าทั้งหมด”

“แต่เจ้าไม่ชอบฐานะในตอนนี้้!” ลู่ม่านรู้สึกผิดเล็กน้อย

“ข้าชอบสิ” เฉินจื่ออานรีบพูด “ถ้าเรามีลูกสักสองคน ชีวิตของข้าคงจะสมบูรณ์แบบแล้ว”

พอพูดเช่นนั้น เขาก็ค่อย ๆ เข้าหาลู่ม่าน

ลู่ม่านรู้ว่าตอนนี้นางจะมีลูกไม่ได้ ดังนั้นนางจึงหลับตาลง จนทั้งห้องเต็มไปด้วยความหอมหวานแห่งความรัก

วันรุ่งขึ้น เฉินจื่ออานมีวันหยุดพอดี ดังนั้นเขาจึงไปที่ครัวครบรสพร้อมกับลู่ม่าน

พอทั้งสองมาถึง แม่ทัพจ้าวหับฮูหยินจ้าวก็มาถึง ทั้งสองครอบครัวเจอกันที่ประตูทางเข้าร้าน

แม่ทัพจ้าวเป็นคนน่าเกรงขาม ถึงจะไม่จำเป็นต้องไปที่สนามรบ แล้วถอดเครื่องแบบทหารออกมาสวมชุดธรรมดา แต่ถึงอย่างนั้น แค่เขายืนอยู่ตรงนั้น ก็ทำให้ทุกคนรู้สึกตัวถึงแรงกดดันที่หนักมาก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งดวงตาคู่นั้น แค่มองแวบหนึ่ง ก็ทำให้รู้สึกเหมือนกระต่ายตัวน้อยที่กำลังถูกนกอินทรีจับจ้องอยู่

โชคดีที่ฮูหยินจ้าวยังคงเฝ้ามองเขาด้วยความรัก ความสัมพันธ์แบบนี้ช่างน่าทึ่งจริงๆ

ในขณะที่กำลังคิด ฮูหยินจ้าวก็เห็นลู่ม่าน จากนั้นนางก็กล่าวทักทายด้วยรอยยิ้ม “พวกเราช่างรู้ใจกันมากเลย ข้านึกว่าจะมาสายเสียแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าจะมาถึงพร้อมกัน”

“เป็นพวกเราที่มาสาย” ลู่ม่านลดท่าทางลง

เดิมที ตำแหน่งของแม่ทัพจ้าวก็สูงกว่าเฉินจื่ออาน ฐานะก็สูงกว่า และเฉินจื่ออานยังเคารพนับถืออีกฝ่ายถึงเช่นนี้ พวกเขาจะทำท่าทางลดตัวลงบ้างก็ไม่แปลก

“ที่ไหนกัน” ฮูหยินจ้าวรีบพูด “แค่นี้เอง”

ผู้หญิงทั้งสองคนกำลังพูดคุยกัน ส่วนเฉินจื่ออานได้ก้าวไปข้างหน้าและทักทายแม่ทัพจ้าวอย่างตื่นเต้น “ท่านแม่ทัพจ้าว เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เจอท่าน”

แม่ทัพจ้าวท่าทางนิ่งเฉย เขาก็ตรงไปตรงมาเหมือนกับฮูหยินจ้าว จึงเอ่ยพูด “ข้าเคยได้ยินชื่อของท่านมาบ้างแล้ว โรคแมลงระบาดเมื่อปีที่แล้ว ยุคก่อนราชวงศ์ถังสามารถรักษาผลิตการเกษตรไว้ได้เพราะวิธีขทำงานองพวกเจ้า อีกทั้งเป็นความโชคดีของชาวนามาก!”

หลังจากที่เตรียมน้ำซุปและวัตถุดิบเข้ามาให้แล้ว ก็พากันลงไปยุ่งต่อ

ลู่ม่านใส่ทุกอย่างลงในหม้อและบอกกับฮูหยินจ้าว “ท่านลองชิมดู?”

พอเห็นหม้อไฟฮูหยินจ้าวก็ดีใจมาก “ท่านพี่ ท่านคิดว่านี่เหมือนอาหารผสมที่เราเคยกินตอนไปปกป้องเมืองทางใต้หรือไม่”

แม่ทัพจ้าวเหมือนจะนิ่งคิดแล้วถอนหายใจออกมา “ข้ายังจำได้ว่าในตอนนั้นอาหารของพวกเราหมดไปแล้ว กำลังเสริมก็ยังไม่มา อาหารและน้ำกำลังจะหมด ทหารก็หิวมากจนแทบจะไม่มีแรงหยิบดาบขึ้นมาด้วยซ้ำ เจ้าพาพวกแม่ครัวออกไปค้นหาตามห้องครัวของชาวบ้านในเมือง สุดท้ายถึงหาวัตถุดิบมาได้เล็กน้อย จากนั้น เจ้าก็เอาน้ำต้ม แล้วใส่ทุกอย่างลงไป ปรุงเครื่องแล้วรอจนสุก ทุกคนในที่สุดทุกคนก็ได้กินข้าวร้อนๆ สักมื้อ สุดท้ายก็รอจนกำลังเสริมมาถึง”

แม่ทัพจ้าวพูดอย่างซาบซึ้งใจ น้ำตาคลอเบ้า และมองไปทางฮูหยินจ้าวนิ่ง “ข้าจะไม่มีวันลืมรสชาติของอาหารมื้อนั้นเลย”

ถึงแม้ฮูหยินจ้าวจะเป็นผู้หญิงที่กล้าหาญก็ยังก้มหน้าลงด้วยความเคอะเขิน

“ดูท่านพูดเข้า อาหารหม้อนั้นข้าใช้น้ำเปล่าต้ม จะเทียบกับหม้อไฟที่ปรุงอย่างพิถีพิถันนี้ได้ที่ไหน” หลังจากพูดจบ นางก็ยื่นชามอาหารที่คัดเลือกมาอย่างดีไว้ตรงหน้าให้แม่ทัพจ้าว

“กินกันเถอะ!”

แม่ทัพจ้าวรับมาด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณฮูหยินมาก”

ทั้งสองพูดหยอกล้อกัน ทำให้ลู่ม่านรู้สึกเหมือนไม่ต้องกินข้าวก็อิ่มแล้ว

ความรู้สึกเผชิญความลำบากด้วยกันนั้น ช่างยากที่จะลืมได้จริงๆ

ในขณะที่กำลังคิดอยู่ ก็มีคนมาเคาะประตู ลู่ม่านนึกว่าเป็นคนงานในร้าน ลู่ม่านจึงพูดออกไปว่า “เข้ามาได้!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน