ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 488

“แบบนั้นก็ไม่ได้ ภูเขาเหลี่ยงวั่งเป็นภูเขามงคลของตำบลเรา พวกผู้อาวุโสในตำบลไม่มีวันเห็นด้วยแน่!” พูดจบ เป๋าจ่างคนนั้นก็มองไปทางอ๋องหนิง

“ท่านอ๋อง พวกเราไม่ต้องการผู้บุกเบิกการควบคุมทางน้ำคนนี้แล้ว”

อ๋องหนิงได้ยินดังนั้น ก็ยิ้มชืดชา “นี่เป็นคำสั่งของฝ่าบาท ข้าเองก็ทำอะไรไม่ได้ ถึงอย่างไรเป๋าจ่างก็ลองหารือกับผู้บุกเบิกเองดีกว่าไหม?”

เห็นได้ชัดว่า เวลานี้อ๋องหนิงพร้อมจะชมดูเรื่องสนุกอย่างไม่กลัวบานปลายแล้ว (*หมายถึงคนที่เข้ามามุงดูหรือยุ่งเรื่องของคนอื่น ไม่เพียงแต่ดูเพื่อความบันเทิงเท่านั้น แต่มักทำให้เรื่องราวนั้นมันบานปลายขึ้นไปอีก)

ลู่ม่านก็ไม่คิดจะพึ่งพาอะไรเขาอีกแล้ว พูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า “เจ้าจะเห็นด้วยหรือไม่ นั่นไม่ใช่เรื่องที่เป๋าจ่างพูดแล้วจะตัดสินได้ หรือเจ้าไม่ควรไปถามชาวบ้านในตำบลดูล่ะ? ลองดูซิว่าชาวบ้านอยากจะต้องระหกระเหเร่ร่อน หรือว่าจะยอมลำบากแค่ครั้งเดียว แต่สบายไปตลอดชีวิต”

“เจ้า...” เป๋าจ่างหน้าเขียวคล้ำ “ไม่ว่าจะถามใคร พวกเขาก็ไม่มีทางเห็นด้วยอยู่แล้ว!”

“ก็ได้!” ลู่ม่านพูดด้วยรอยยิ้ม “งั้นก็รบกวนเป๋าจ่างไปเรียกชาวบ้านมาลองสอบถามดู”

เป๋าจ่างแค่นเสียงในลำคอ เดาได้ว่าเขาก็คงจะมองออกว่าอ๋องหนิงกับลู่ม่านไม่ลงรอยกันสินะ? ถึงไม่คิดจะไว้หน้าลู่ม่านเลยแม้แต่น้อย

“ข้าต่างหากที่เป็นผู้ดูแลประจำตำบลนี้ ไม่จำเป็นต้องให้เจ้ามาชี้นิ้วสั่งว่าต้องทำอะไร ผู้บุกเบิกการควบคุมทางน้ำที่ทำลายผลประโยชน์ของตำบลเราพรรค์นี้ พวกเราไม่อยากได้!”

พูดจบ เขาก็สะบัดแขนเสื้อแล้วเดินออกไปทันที

ลู่ม่านขมวดคิ้วมุ่น พอหันหน้ากลับไปก็เห็นอ๋องหนิงลุกขึ้นยืนแล้วพูดว่า “ลู่ซูเหริน ข้าก็พูดไว้แต่แรกแล้วว่า มีหลายเรื่องที่มันไม่ได้ง่ายดายเหมือนอย่างที่เจ้าคิด หรือว่าเจ้าคิดจริง ๆ ว่าท่านอ๋องผู้ทรงเกียรติเช่นข้า จะมีความรู้สู้ผู้หญิงคนหนึ่งไม่ได้? เรื่องที่เจ้าคิดออก ข้าเองก็คิดออกตั้งนานแล้ว"

ลู่ม่าน "...."ลู่ม่านนึกอยากจะถามอ๋องหนิงจริง ๆ ว่า ยังมีศักดิ์ศรีอยู่บ้างไหม?

แค่เพราะไม่อยากแพ้ผู้หญิง เลยติดทองบนหน้าตัวเองแบบไม่คิดชีวิต กะอีแค่ยอมรับว่าคนอื่นเค้ามีความสามารถโดดเด่นนี่มันยากนักเหรอ?

เมื่อเห็นว่าลู่ม่านไม่พูดอะไร อ๋องหนิงก็พูดขึ้นอีกว่า “แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก ข้ารู้ว่าผู้หญิงอย่างพวกเจ้าถ้าไม่ชนกำแพงก็ไม่หันหลังกลับ (* หมายถึงคนที่ชอบยืนหยัดในความคิดของตัวเอง รั้นจะทำจนถึงที่สุด) เช่นนั้นเจ้าก็ลองดูเถอะ ถ้ามันไม่สำเร็จจริง ๆ ก็ยังมีข้าอยู่ตรงนี้ ข้ายังรอให้พวกเจ้าสองสามีภรรยามาพึ่งใบบุญอยู่นะ”

ยังคิดจะให้พวกเขามาพึ่งใบบุญอีกด้วย ? ลู่ม่านสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เฮือกหนึ่ง แล้วดึงเฉินจื่ออาน ออกไปทันที

พอกลับมาถึงห้องพัก หรูเฟิงก็พูดว่า “ฮูหยิน หรือไม่พวกเราก็ลองคิดหาวิธีอื่นกันดูเถอะนะ?”

เฉินจื่ออานก็พูดว่า “เสี่ยวม่าน.…”

"จื่ออาน เจ้าก็คิดจะเกลี้ยกล่อมข้าด้วยรึ?" จู่ ๆ ลู่ม่านก็พูดขึ้นมา “เจ้าก็รู้ ว่าการที่ข้าจะเผาหินบนภูเขา ก็แค่เพราะอยากจะแก้ปัญหาให้พวกเขาแบบยอมลำบากครั้งเดียว แต่สบายไปตลอดชีวิต ไม่ได้หมายความว่าข้าแค่สร้างความดีความชอบครั้งนี้ครั้งเดียวก็จบกันไปแบบนั้น รอจนถึงปีหน้าพวกเขาก็ยังต้องให้คนมาบรรเทาภัยพิบัติเหมือนเดิม การบรรเทาภัยพิบัติแบบนี้มันจะมีความหมายอะไรล่ะ?”

ลู่ม่านยอมรับว่า เดิมทีการที่นางมาที่นี่ก็แค่เพราะคำสั่งของฝ่าบาท นางขี่หลังเสือแล้วก็ยากจะลงไปได้ง่าย ๆ ทำให้จำใจต้องมา

แต่หลังจากได้เห็นกลุ่มผู้ก่อจลาจลบนท้องถนนระหว่างทางที่มา ความคิดของนางก็เริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลงไปอย่างไม่รู้ตัว

ในเมื่อเรื่องนี้ยกให้เป็นหน้าที่นางจัดการ แบบนั้นก็ต้องทำให้มันดี ๆ นางอยากแก้ปัญหาน้ำท่วมได้อย่างถาวร นี่ถือเป็นเรื่องของคนที่มีมนุษย์ธรรมในใจคนหนึ่ง ต่างก็ยินดีที่จะทำให้สำเร็จลุล่วง

“ไม่ใช่!” เฉินจื่ออานส่ายหน้า “ข้ารู้จักเจ้าดี เมื่อเจ้าตัดสินใจว่าจะทำอะไรแล้ว ก็จะไม่ยอมเปลี่ยนใจเด็ดขาด ข้าแค่อยากจะบอกเจ้าว่า เมื่อครู่นี้ตอนที่ข้าเพิ่งเดินเข้ามา เหมือนจะได้ยินคนพูดกันว่า อีกสองสามวันก็จะถึงเทศกาลสำคัญวันหนึ่งของตำบลนี้ เป็นเทศกาลที่สืบทอดต่อกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ เทศกาลนี้จัดขึ้นเพื่อสวดอ้อนวอนขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ช่วยขจัดภัยน้ำท่วม ถ้าพวกเราคิดจะพูดเกลี้ยกล่อมชาวบ้านล่ะก็ ไม่สู้ฉวยโอกาสจากเทศกาลนี้ พูดตอนที่มีคนมารวมตัวกันเยอะ ๆ น่าจะดีกว่านะ"

หัวใจของลู่ม่านสั่นไหว ยกมุมปากวาดโค้งเป็นรอยยิ้ม “ จื่ออาน เจ้าช่างเข้าใจข้าดีจริง ๆ”

หัวใจเฉินจื่ออานพลันอ่อนยวบ ยื่นมือออกไปลูบ ๆ ศีรษะของลู่ม่านอย่างอ่อนโยน "ข้าเองก็หวังเหมือนกันว่า ทุกคนจะไม่ต้องพลัดที่นาคาที่อยู่อีกต่อไปแล้ว"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน