ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 539

สรุปบท บทที่ 539 ใครมาแล้ว: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน

สรุปตอน บทที่ 539 ใครมาแล้ว – จากเรื่อง ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน โดย ฝูเชิง

ตอน บทที่ 539 ใครมาแล้ว ของนิยายประวัติศาสตร์เรื่องดัง ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน โดยนักเขียน ฝูเชิง เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ลู่ม่านหลับไปสองวัน ค่อยตื่นขึ้นมาอย่างช้า ๆ แล้วพลิกตัว รู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองเพิ่งจะเดินผ่านประตูผีออกมายังไงยังงั้น

เหอเย่วคอยเฝ้าอยู่ข้างเตียงตลอด เมื่อเห็นว่าในที่สุดลู่ม่านก็ตื่นขึ้นมาแล้ว ก็ดีใจจนร้องไห้ออกมาเลยทีเดียว

“พี่เสี่ยวม่าน ในที่สุดพี่ก็ตื่นสักที”

“ลูก ลูกของข้าล่ะ?” ลู่ม่านพูดอย่างเร่งรีบ เหอเย่วได้ยินดังนั้นก็รีบลุกขึ้น เดินตรงไปอุ้มเด็กน้อยคนหนึ่งที่นอนอยู่ในเปลซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่ไกลนักจากเตียงของลู่ม่าน มาส่งให้จนถึงตรงหน้าของลู่ม่าน

หรูอวี่เห็นดังนั้น ก็รีบอุ้มเด็กน้อยอีกคนมาส่งให้เช่นกัน

เด็กน้อยทั้งสองหน้าตาชวนให้มหัศจรรย์ใจมาก เด็กผู้ชายหน้าเหมือนเฉินจื่ออาน ส่วนเด็กผู้หญิงหน้าเหมือนลู่ม่าน

“ฉางเซิง หว่านเอ๋อ…” ลู่ม่านพึมพำกับตัวเองเงียบ ๆ

“ท่านว่าอะไรนะเจ้าคะ?” เหอเย่วรีบถาม

“ชื่อของลูกทั้งสองคน จื่ออานเป็นคนตั้ง” ตอนแรกที่เฉินจื่ออานพูดออกมา ลู่ม่านยังรังเกียจอยู่เลยว่าชื่อพวกนี้มันเฉิ่มเชยเกินไป

แต่ตอนนี้พอมาหวนนึกถึงภาพฉากเหล่านั้น จู่ ๆ นางก็บังเกิดความรู้สึกอิจฉาตัวเองในอดีตมาก ในตอนนั้น มีเฉินจื่ออานอยู่เคียงข้าง ทำให้นางมีความสุขถึงขนาดนั้น

“เอ๋!” เหอเย่วยิ้มพลางพูดว่า “เสี่ยวฉางเซิง เสี่ยวหว่านเอ๋อ?”

เพราะร่างกายลู่ม่านเสียเลือดเกินขนาด จึงขาดความสมดุลอย่างรุนแรง ส่งผลให้ไม่มีน้ำนม โชคดีที่ก่อนหน้านี้ ระหว่างที่ลู่ม่านจัดเตรียมข้าวของให้พร้อมก่อนกำหนดคลอด นางได้ซื้อแพะกลับมาด้วยสองตัว

ในช่วงสองวันนี้ เด็ก ๆ ต่างก็กินนมแพะ ซึ่งก็มีคุณค่าทางโภชนาการมากเช่นกัน

หลังจากดูอยู่ครู่หนึ่ง ลู่ม่านก็เหนื่อยอีกแล้ว เหอเย่วจึงอุ้มเด็ก ๆ ออกไป

หรูอวี่เข้าไปช่วยลู่ม่านจัดหมอน ก่อนจะพูดว่า "ฮูหยิน ครั้งนี้หมอกับนางผดุงครรภ์พวกนั้นพึ่งพาไม่ได้เลยเจ้าค่ะ ถ้าไม่เพราะเสี่ยวเย่วห้ามข้าไว้ ข้าคงอดใจไม่ไหว ได้เอาดาบแทงพวกนั้นไปคนละดาบแน่แล้ว"

“พวกเขาอยู่ที่ไหนแล้วล่ะ?” ลู่ม่านถาม

“อาศัยช่วงชุลมุนหนีไปแล้วเจ้าค่ะ” หรูอวี่ตอบ “ก่อนหน้านี้พวกเขามีชื่อเสียงเลื่องลือถึงขนาดนั้นแท้ ๆ ไม่อย่างนั้นเราคงไม่เชิญพวกเขามาหรอก คิดไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่าจะเป็นแค่นักต้มตุ๋นสองคน”

“ในเมื่อเป็นพวกโกหกต้มตุ๋น ก็อย่าปล่อยให้พวกเขาหนีไปได้ง่าย ๆ เพราะถ้าถึงเวลา เกิดไปทำร้ายคนอื่นเข้าอีกจะทำยังไง? ถ้าเจ้าเข้าไปที่ตัวตำบลคราวหน้า ให้ไปแจ้งความกับใต้เท้าผู้ดูแลให้รีบจัดการคดีนี้โดยเร็ว”

หรูอวี่เองก็คิดเช่นนั้น จึงพยักหน้า "เจ้าค่ะ ท่านวางใจเถอะ"

จากนั้นข้อหัวสนทนาก็เปลี่ยนไป หรูอวี่พูดขึ้นอีกครั้งว่า “โชคยังดีที่คราวนี้มีคุณชายจวงอยู่ด้วย ถ้าไม่เพราะเขาไปเชิญท่านหมอมาได้ทันเวลา ก็คงจะสายเกินไปแล้วล่ะเจ้าค่ะ”

ลู่ม่านตกใจจนผงะ “เขาก็มาด้วยรึ?”

“ก็ใช่น่ะสิเจ้าคะ ตอนที่ข้าไปเรียกเหอเย่วกลับเข้ามา เขายังมาช่วยก่อไฟให้เลยด้วย จนท่านไม่เป็นไรแล้ว เขาก็ยังไปยืนเฝ้าอยู่นอกประตูไม่เลิก”

ลู่ม่านขมวดคิ้ว “เขายังอยู่ข้างนอกหรือ?”

“ใช่เจ้าค่ะ!” หรูอวี่พยักหน้า “เขาบอกว่ากลัวท่านจะมีปัญหาอะไร ข้าคิดว่าให้เขายืนอยู่ข้างนอกตลอดเวลามันคงไม่ดี เลยจัดให้เขาไปพักที่ห้องหนังสือของนายท่านก่อนเป็นการชั่วคราวเจ้าค่ะ”

“ต่อให้เป็นอย่างนั้น ก็ยังไม่เหมาะอยู่ดี!” ลู่ม่านพูด ตอนนี้นางตื่นแล้ว ย่อมเก็บงำความลับจากบรรดาคนที่รู้จักมักคุ้นกันดีในหมู่บ้านไม่ได้ ยังมีพวกตาแก่เฉินที่อยากมาเยี่ยมนางอีก ถ้าได้มาเห็น จวงลี่จ้งเข้า จะให้นางอธิบายว่าอย่างไรล่ะ? ถ้าลือกระฉ่อนออกไป อาจไม่ได้ส่งผลอะไรกับนาง แต่กับลูก ๆ ทั้งสองคน นางไม่อยากให้พวกเขาต้องได้รับความน้อยเนื้อต่ำใจอะไรทั้งนั้น

“หรูอวี่ เจ้าไปเชิญเขากลับไปก่อน บอกไปแค่ว่าข้าดีขึ้นมากแล้ว ไม่มีปัญหาอะไรใหญ่โต รอให้ข้าออกเดือนแล้ว ข้าจะไปขอบคุณถึงบ้านเอง”

หรูอวี่พยักหน้า ช่วยลู่ม่านห่มผ้าห่มให้เรียบร้อย แล้วหันหลังเดินออกไป

เดินไม่ไปได้กี่ก้าว ก็นึกขึ้นมาได้ว่าช่วงหลายวันมานี้จวงลี่จ้งเหมือนจะไม่ค่อยได้กินอะไรดี ๆ เลย จึงหันกลับไปที่ครัว หยิบอาหารมาจำนวนหนึ่งแล้วยกไปที่ห้องหนังสือ

จวงลี่จ้งได้ยินเสียงการเคลื่อนไหว ก็ลุกขึ้นมาจนเห็นว่าเป็นหรูอวี่ จึงเอ่ยถามอย่างเร่งรีบ “เป็นอย่างไรบ้าง? ฮูหยินของเจ้าตื่นแล้วหรือยัง?”

“ตื่นแล้วเจ้าค่ะ!” หรูอวี่พูดไปพลาง ก็วางถาดอาหารในมือลงบนโต๊ะไปพลาง

“ตอนนี้ฮูหยินกำลังอยู่เดือน ไม่สะดวกออกมา จึงสั่งให้ข้ามาบอกท่านแทนเจ้าค่ะ” หรูอวี่พูดพลางผลักบรรดาอาหารขึ้นไปข้างหน้า

ลู่ม่านไม่สะดวกออกไปข้างนอก จึงสั่งให้หรูอวี่กับเหอเย่วอุ้มเด็ก ๆ ออกไปให้พวกเขาดู จากนั้นก็สั่งเหอเย่วอีกว่า “เก็บกวาดห้องหับสักห้อง ให้สองคนปู่ย่ามาพักที่นี่สักระยะเถอะ!”

เมื่อก่อน ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ตาแก่เฉินก็เอาแต่ปฏิเสธแบบหัวชนฝาไม่ยอมรั้งอยู่สักครั้ง แต่มาครั้งนี้ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอานิสงของหลานชายหลานสาวของเขาหรือเปล่า เขาถึงกับตอบตกลงทันทีอย่างเป็นประวัติการณ์

ทั้งสองจึงพักอยู่ในห้องรับรองแขกที่โถงส่วนหน้า

ในวันปกติ พออยู่ว่าง ๆ ไม่มีอะไรทำก็จะมาเยี่ยมดูเด็ก ๆ เฉินหลี่ซื่อก็เคยคลอดลูกแฝดมาก่อน ย่อมสามารถช่วยเหลือแบ่งเบาได้

ลู่ม่านร่างกายอ่อนแอ เด็กสองคนนี้เป็นฝาแฝด ร่างกายก็ทั้งผ่ายผอมและอ่อนแอมากเช่นกัน ลู่ม่านไม่ได้ทำพิธีสี่ซานหลี่ (* เป็นพิธีอาบน้ำให้กับเด็กทารกในวันที่สามหลังจากเกิดมา ) ให้กับเด็ก ๆ ล้วนมีแต่คนในครอบครัว แล้วก็ยังมีสองคนที่ใช้ชีวิตได้ดีมาก ๆ ในหมู่บ้านอย่างเหยาซื่อกับเฉินเหมยเซียงที่แวะมาเยี่ยมเยียนด้วย

ลู่ม่านสั่งคนให้เตรียมไข่แดงจีนไว้ให้พวกนางกิน ต้มแป้งทอดกรอบรสเค็ม เติมน้ำตาลทรายแดง

จากนั้นก็ล้อมวงกินอย่างเอร็ดอร่อยคนละชามใหญ่ ๆ รสชาติคล่องคอดีมาก

รอจนกินเสร็จ เฉินเหมยเซียงก็เป็นคนแรกที่นำของขวัญออกมาวางลงบนผ้าห่มของเด็กทั้งสอง “ของชิ้นนี้ของข้าอาจไม่ใช่ของขวัญที่มีราคาค่างวดอะไร ถือเป็นน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ เถอะนะ”

เหยาซื่อได้ยินดังนั้น กวาดตามองแวบแรกนางก็มองออกได้อย่างรวดเร็วแล้วว่า นั่นคือสร้อยข้อมือทองคำกับกุญแจอายุยืน จึงเม้มปากแย้มยิ้มขึ้นทันที “ถ้าของเจ้ายังไม่นับว่ามีราคาค่างวดจริง ๆ ล่ะก็ เช่นนั้นแล้วเจ้าจะให้พี่สาวอย่างข้าเอาหน้าไปไว้ที่ไหนรึ?”

เฉินเหมยเซียงรู้ว่าเหยาซื่อแค่ล้อเล่นขำ ๆ จึงหัวเราะแล้วพูดว่า “ดูเจ้าพูดเข้าสิ หรือว่า เจ้าจะเอาผ้ามามอบให้หลานน้อยเข้าแล้ว?”

สมัยที่คนในหมู่บ้านนี้ยังมีชีวิตที่ลำบากยากจน เวลามีพิธีการสำคัญใด ๆ ก็ไม่ใช่ว่ามักนิยมมอบผ้าชิ้นหนึ่งให้แก่กันหรอกหรือ?

แน่นอนว่าเหยาซื่อย่อมไม่ได้เอาผ้าผืนหนึ่งมาจริง ๆ พอได้ยิน ก็หยิบของออกมาแล้วยื่นส่งให้ลู่ม่าน

แต่กลายเป็นว่า ของขวัญชิ้นนี้กลับช่วยเสริมกันกับของขวัญที่เฉินเหมยเซียงให้จนยิ่งดูโดดเด่นขึ้นมาก เป็นกำไลข้อเท้าสองคู่กับทองคำสีแดง นี่ล้วนเป็นน้ำใจของพวกนาง ลู่ม่านจึงยอมรับไว้โดยไม่อิดออด

จากนั้นก็เชิญพวกนางเข้าไปนั่ง ขณะที่กำลังจะพูด ที่ด้านนอก หรูอวี่เดินย่ำเท้าปึงปังเข้ามาด้วยท่าทางโกรธเคือง พูดว่า

“ฮูหยิน ท่านรู้ไหมเจ้าคะว่าใครมา? นางยังมีหน้ามาจริง ๆ รึนี่?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน