เดิมทีลู่ม่านก็ยังนึกสงสัยอยู่ แต่หลังจากได้ยินประโยคหลังที่หรูอวี่พูด ก็เข้าใจขึ้นมาได้ทันที
“เฉินหลิวเอ๋อมาหรือ?”
หรูอวี่พยักหน้าตอบรับด้วยสีหน้าบูดบึ้งทันที “ถ้าไม่ใช่นางแล้วจะเป็นใครได้อีกล่ะเจ้าคะ? นางยังมีหน้ามาที่นี่อีก?”
ลู่ม่านปรายตามองไปที่เฉินหลี่ซื่อที่กำลังเดินไปถึงหน้าประตูแล้ว เหมือนว่าเฉินหลี่ซื่อจะได้ยินคำพูดประโยคนั้นของหรูอวี่ จึงดูตกตะลึงไปเล็กน้อย ช่วงหลายวันมานี้ เฉินหลี่ซื่อที่มาอยู่กับลู่ม่านทางนี้ ดูมีนิสัยใจคอที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากทีเดียว
ทั้งยังไม่มีท่าทีเย่อหยิ่งทะนงตนเหมือนเมื่อก่อนแล้ว บวกกับข่าวการตายของเฉินจื่ออาน ลู่ม่านได้เห็นนางเศร้าโศกเสียใจขนาดนั้นกับตาตัวเอง จึงอดรู้สึกสงสารไม่ได้
ด้วยเหตุนี้จึงเป็นฝ่ายเอ่ยปากก่อนว่า "แม่ ตอนนี้ข้าก็ไม่ค่อยสะดวกนัก ไม่สู้แม่ออกไปดูสักหน่อยดีหรือไม่?"
เมื่อเฉินหลี่ซื่อได้ยินดังนั้น ก็พยักหน้ารับทันที “ได้ แม่จะออกไปดูให้เดี๋ยวนี้เลย”
หรูอวี่จึงยู่ปากจนแก้มพองลม ก้าวถอยออกไปยืนอยู่อีกด้าน
เมื่อเหยาซื่อเห็นดังนั้น ก็หันไปมองหน้าประสานสายตากับเฉินเหมยเซียงแวบหนึ่ง “เสี่ยวม่าน ตอนนี้พอเจ้าคลอดลูกแล้ว กลับเปลี่ยนเป็นคนใจคอเยือกเย็นสงบนิ่งขึ้นมากเลยนะ”
ถ้าเปลี่ยนเป็นเมื่อก่อน บางทีกระทั่งเฉินหลี่ซื่อลู่ม่านก็อาจไม่ให้อภัยเลยด้วยซ้ำ
ลู่ม่านยกยิ้มเล็กน้อย “ข้าก็แค่อยากสะสมบุญกุศลให้ลูก ๆ เท่านั้นเอง”
เมื่อพวกเหยาซื่อเห็นดังนั้นก็ไม่พูดอะไรอีก คนเราเมื่อได้เผชิญหน้ากับความเปลี่ยนแปลงที่มันหนักหนาสาหัสขนาดนั้น ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะเกิดความเปลี่ยนแปลง ถือเป็นเรื่องปกติของมนุษย์
ขณะที่กำลังพูดอยู่ จ้าวซื่อกับหลิวซื่อก็เดินเข้ามาพร้อมกัน
ไม่ได้เจอกันหนึ่งปี สภาวะอารมณ์ของหลิวซื่อดูสดชื่นเบิกบานขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก เรียกได้ว่ากระทั่งจ้าวซื่อผู้ซึ่งเคยได้รับการเอาอกเอาใจในบ้านมาโดยตลอด ก็ยังสู้ไม่ได้
แต่สิ่งที่น่ามหัศจรรย์ใจยิ่งไปกว่านั้นคือ สองคนนี้สามารถไปด้วยกันได้ดีขนาดนี้เลยจริง ๆ
ขณะที่ลู่ม่านกำลังตกตะลึงพรึงเพริศอยู่ ก็เห็นจ้าวซื่อพูดขึ้นก่อนแล้วว่า "เจ้านั่งเถอะ"
หลิวซื่อยิ้มพลางพยักหน้า จากนั้นก็ชี้ไปที่เก้าอี้ที่อยู่ข้าง ๆ กันแล้วพูดว่า “มาเถอะ ทุกคนอย่ามัวเกรงอกเกรงใจอยู่เลย นั่งลงด้วยกันทั้งหมดนี่แหล่ะ”
ครั้งนี้หลังจากที่จ้าวซื่อกลับมาจากเมืองหลวง ทั้งนิสัยใจคอและบุคลิกของนางล้วนเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ไม่แยกตัวจากสังคมเหมือนเมื่อก่อนแล้ว
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตอนนี้ครอบครัวพี่ใหญ่ได้เปิดร้านหม้อไฟในอำเภอเฟิงหนานขึ้นมาใหม่แล้ว กิจการค่อนข้างเจริญรุ่งเรืองเลยทีเดียว ดังนั้นทันทีที่มาถึง ทุกคนจึงพากันพูดจาหยอกเย้าว่าเมื่อไหร่จะได้ไปอุดหนุนที่ร้านสักมื้อ
จ้าวซื่อก็ไม่ตระหนี่เลย ยิ้มแย้มพลางพูดว่า “พวกเจ้าล้างท้องรอกินให้เต็มคราบเถอะ ข้ารับประกันว่าจะให้พวกเจ้ามาแบบท้องกิ่ว กลับไปแบบท้องโย้กันเลยเชียว”
หาได้ยากมากที่จ้าวซื่อจะพูดจาหยอกล้อแบบนี้ ทุกคนต่างพากันหัวเราะครึกครื้นเฮฮา
ขณะที่พูดอยู่ เหอฮัวก็เดินเข้ามาจากด้านนอก สวมชุดกระโปรงยาวสีชมพูอมฟ้า แต่งหน้าทาแป้งเล็กน้อย เมื่อมองแวบแรก ถึงกับพูดได้ว่านางไม่ได้ด้อยไปกว่าบรรดาคุณหนูลูกผู้ดีในอำเภอเลย
เหยาซื่อพ่นลมหายใจ "พ้นปีนี้ไป เหอฮัวก็น่าจะเริ่มคุยเรื่องแต่งงานได้แล้วกระมัง?"
หลิวซื่อรีบโบกไม้โบกมือ “เหอฮัวเพิ่งจะสิบสองเอง ไม่ต้องรีบร้อนนักหรอก”
เหยาซื่อได้ยินดังนั้น ก็เม้มปากก่อนจะพูดว่า “พูดแบบนี้มันก็ถูกอยู่หรอก แต่ถ้าเจอคนดี ๆ อย่างไรก็ต้องหมั้นหมายเอาไว้ก่อน! ถ้าเกิดพลาดไป แบบนั้นก็คงจะน่าเสียดายแย่ เมื่อไม่กี่วันก่อนข้าได้เข้าไปในตำบล ได้ยินมาว่าลูกชายของผู้ว่าการอำเภอคนใหม่ เกิดถูกตาต้องใจเหอฮัวบ้านเจ้าเข้าแล้วรึ? ทั้งยังเชิญคนให้ไปเจรจาเรื่องตบแต่งถึงบ้านเจ้าแล้วด้วยนี่!”
ลูกชายของผู้ว่าการอำเภอ นับว่าเป็นขุนนางแล้วล่ะ ลู่ม่านรีบหันไปมองหลิวซื่อทันที
หลิวซื่อมีท่าทางลำบากใจเล็กน้อย “มันก็มีเรื่องแบบนี้จริง ๆ นั่นแหล่ะ แต่ข้าปฏิเสธไป เหอฮัวยังเด็ก ข้าอยากรั้งให้นางอยู่ด้วยกันต่ออีกสักสองปี”
เมื่อได้ยินดังนั้น ทั้งเหยาซื่อและเฉินเหมยเซียงก็รู้สึกเสียดายไปคำรบหนึ่ง “เงื่อนไขดีขนาดนี้แท้ ๆ หมั้นหมายไว้ก่อนก็ไม่เสียหลายหรอกกระมัง?”
เหอฮัวน้อยที่อยู่ข้าง ๆ กลับไม่รู้สึกเสียดายอะไรเลยแม้แต่น้อย พูดอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมาว่า “คู่ชีวิตของข้า ก็สมควรให้ข้าได้เห็นเองสิเจ้าคะ จะรีบร้อนไปทำไมกัน? รอให้ข้าเห็นแล้วว่าดีค่อยตัดสินใจก็ได้เจ้าค่ะ!”
หลิวซื่ออดมองนางด้วยสายตาโกรธ ๆ ไม่ได้ ลู่ม่านกลับพูดชมเปาะ “เหอฮัวพูดได้ถูกต้องแล้ว เรื่องคู่ชีวิตเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ไม่อย่างนั้น วันข้างหน้าอาจต้องนึกเสียใจในภายหลัง!”
เหยาซื่อกับเฉินเหมยเซียงได้ยินดังนั้น ก็พากันพยักหน้าหงึกหงัก เมื่อจ้าวซื่อเห็นดังนั้น ก็มองหลิวซื่อด้วยความรู้สึกอิจฉานิด ๆ
“อวี้เหนียง เจ้าพลิกกลับมาตั้งต้นเป็นคนใหม่ได้แล้วจริง ๆ”
หลิวซื่อพูดอย่างถ่อมเนื้อถ่อมตัวว่า “ตอนนี้เจ้ามีสือซ่วนกับพี่ใหญ่ ก็เป็นชีวิตที่ดีมากเช่นกัน เราทุกคนค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไปเถอะนะ! ถ้ามีอะไรที่ต้องการให้ข้าช่วยเหลือ ก็บอกมาได้เต็มที่เลย”
จ้าวซื่อพยักหน้า "งั้นก็ดีเลย"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน
เด็กไม่ตายเพราะแม่คลอดยากจะตายเพราะคนรับใช้ป้อนโจ๊กข้าวจนอิ่มตื้อ รอดได้คือดวงแข็งเว่อ...
อ่านไป งงไป ตัดสินประหาร หรืออภัยโทษ?...
หม่อมข้า? ใช้ MS Word ไม่ระวังเลย...
ตั้งแต่ต้นจนถึงตอน 337 แล้ว โดยภาพรวมพระเอกไม่ค่อยมีเสน่ห์ ไม่เฉียบแหลมเลย...
อะไรจะมีปมขนาดนั้น วุ่นวายตอกย้ำเหลือเกินเกี่ยวกับระบบศักดินา ทั้งที่มันเป็นคนละยุคสมัยกัน...
ตอน285-287 หายทำไงดี...
ตอนหายค่ะ 284แล้วกระโดดไป288เลยค่ะ...
บท 285-287 หายค่ะ 284แล้ว288เลย รบกวนด้วยค่ะ...
281-311 รบกวนด้วยค่ะ...
บทที่241-311 หายค่ะ...