องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน นิยาย บท 1064

ซั่งกวนเฮ่ารู้สึกโดนหยามเหมือนกัน

แคว้นหนานเป็นรากฐานของตระกูลจ้าว แต่เวลานี้กลับถูกคนอื่นยึดครอง ในฐานะที่เป็นลูกหลานในราชวงศ์ แม้ไม่มีใจครองตำแหน่ง แต่ก็รู้สึกถูกเหยียดหยามอย่างยิ่ง

“ถ้าเชื่อพี่หว่านเอ๋อร์แต่แรก จะถูกฮ่องเต้ราชวงศ์อู่เข้าเมืองหลวงแคว้นหนานเราได้อย่างไร ทั้งยังจะเข้าอยู่ในเมืองหลวงอีก...ไม่แน่ว่าเมืองหลวงราชวงศ์อู่จะเป็นของเรานานแล้ว!”

เขาอยู่ในห้องพักของโรงเตี๊ยมฟังการรายงานของอวิ๋นเอ๋อร์ โพล่งปากด้วยความโกรธทันที

อวิ๋นเอ๋อร์ลอบถอนหายใจ ไม่รู้ว่าควรพูดอย่างไรดีแล้ว

ได้แต่ถอยออกจากห้องช้า ๆ

กลับถึงห้องโถงของโรงเตี๊ยม ซั่งกวนหว่านเอ๋อร์ในชุดขาวปลอดราวกับหิมะ ใบหน้าคลุมผ้าปิดหน้าท่าทางไม่น่าเข้าใกล้

“เสี่ยวเฮ่าว่าอย่างไร” ซั่งกวนหว่านเอ๋อร์

อวิ๋นเอ๋อร์ตอบด้วยความเคารพทันที “เรียนนายหญิง คุณชายโกรธมากเจ้าค่ะ”

“น่าขันจริง ๆ!”

พอซั่งกวนหว่านเอ๋อร์ได้ยินดังนั้นก็ส่ายหน้า พูดพลางหัวเราะเยาะเย้ย “ตอนนี้โกรธเป็นแล้วหรือ”

ก็ไม่รู้ว่าหมายความว่าอย่างไร อวิ๋นเอ๋อร์ไม่พูด

ซั่งกวนหว่านเอ๋อร์พูดต่อ “เห็นว่านังนั่นกับเจ้าเด็กนั่นถึงนอกเมืองแล้วหรือ”

อวิ๋นเอ๋อร์พยักหน้า “เจ้าค่ะ นายหญิง”

“จันทราพิฆาตของเจ้านั่นยังขาดอีกก้าวเดียว ต้องหาเวลาเอาตัวเขามา” ซั่งกวนหว่านเอ๋อร์พูดเสียงเบา

ในแววตาสงบเล็กน้อย คล้ายมีอารมณ์บางอย่างกระเพื่อมอยู่

“เจ้าค่ะ นายหญิง” อวิ๋นเอ๋อร์พยักหน้า

“เหอะ ๆ นังนั่นไม่ฟังคำเตือนของข้า ข้ากลับอยากดูสิว่านางจะอธิบายกับบรรพบุรุษเหล่านั้นอย่างไร อยากดูสิว่านางยังมีไม้ไหนล้างความอายนี้ได้”

ซั่งกวนหว่านเอ๋อร์แววตาเย็นชาเล็กน้อย คล้ายกำลังพึมพำกับตัวเอง แต่ก็เหมือนพูดกับอวิ๋นเอ๋อร์

อวิ๋นเอ๋อร์นิ่งเงียบไม่พูดจา

นอกเมืองเหยียนโจว

กองทัพแคว้นหนานสามแสนคนตั้งหลักอยู่นอกเมืองแล้ว

เดิมในกองทัพมีอยู่สามแสนกว่าคน แต่ทิ้งส่วนหนึ่งเฝ้าอยู่ที่จวนชายแดนตะวันตก และแบ่งอีกส่วนหนึ่งเฝ้าอยู่ที่เมืองหลินซุ่น

ดังนั้นตอนนี้จึงเหลืออยู่สามแสนคนที่นี่

หลี่เจิ้งแค่ให้ทหารทั้งหมดรวมตัวอยู่ทางเหนือก็สามารถป้องกันการรุกรานทั้งหมดได้แล้ว

ประการที่สอง

ทางใต้ของแคว้นหนานคือทะเล

ถึงหลี่จุ่นจะฉงนเล็กน้อย รู้สึกว่าไม่น่าเป็นไปได้ แต่จู่ ๆ เขาก็มีข้อสันนิษฐานแบบใจกล้าขึ้นมา หรือหลี่เจิ้งจะเริ่ม...ยุคสมัยแห่งการเดินทางทางเรือ

ถ้าเพราะมีแผนการอย่างนี้จริงถึงย้ายแคว้นไปอยู่ที่เมืองหลวงแคว้นหนาน เช่นนั้นหลี่เจิ้งก็มองการณ์ไกลเกินไปแล้ว ความคิดล้ำยุค!

เริ่มยุคสมัยของการเดินเรือ นั่นเท่ากับเริ่มการช่วงชิงดินแดน!

นี่เป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่อย่างหาที่เปรียบมิได้

แน่นอน ถึงจะมีความเป็นไปได้นี้ แต่หลี่จุ่นยังจินตนาการไม่ออกว่าหลี่เจิ้งจะมีความคิดนี้อยู่

นี่เป็นภาพใหญ่ล้ำยุค!

เพราะขั้นตอนแรกของการเดินเรือมีความหมายแบ่งยุคจริง ๆ

“หลี่เจิ้งหนอหลี่เจิ้ง เจ้ากับข้าเป็นอะไรกันกันแน่ ข้าเป็นลูกชายของเจ้า...หรือว่าเป็นบิดาของเจ้ากันแน่ ทำให้ข้าปวดหัวนัก”

หลี่จุ่นคิดหนัก แววตาลุ่มลึก

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน