องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน นิยาย บท 1066

เมื่อต้องเผชิญข่าวที่น่าตกตะลึงเช่นนี้ ในใจของจักรพรรดินีเองก็อยู่ไม่เป็นสุข

แม้แต่แคว้นฉีที่ก่อนหน้านี้โอหังและถือดีอย่างไร้ที่เปรียบ ตอนนี้ยังเป็นฝ่ายส่งเทียบเชิญปรึกษาหารือมาก่อน พอได้เห็นถึงความระมัดระวังของทางแคว้นฉี และระดับความแก้ยากของปัญหา

“ท่านแม่ทัพเฒ่า กุนซือ พวกท่านมีความคิดเห็นอย่างไรบ้าง?” จักรพรรดินีเอ่ยปากถาม

เรื่องนี้ชักช้ารีรอไม่ได้แล้ว

เฟิงอู่หังขมวดคิ้วเข้าหากันจนเป็นปมแน่น วิเคราะห์สถานการณ์โดยรวมประเภทนี้ เขาสู้จักรพรรดินีไม่ได้ และยิ่งเทียบกับหลี่จุ่นไม่ติดเข้าไปใหญ่ เขาคือผู้บัญชาการแห่งกองทัพผู้หนึ่ง รับผิดชอบเพียงแค่สั่งให้รับหน้ากับศัตรูในสนามรบ และนำทหารบุกตะลุยโจมตีข้าศึกเท่านั้น

ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่เอ่ยปาก

หลี่จุ่นครุ่นคิด ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า

“ตามสถานการณ์ในตอนนี้ มีจุดหนึ่งที่สามารถยืนยันได้เป็นอย่างแรก นั่นก็คือเหยียนโจวคงไม่มีทหารที่ซ่อนไว้อยู่อีกแล้ว นี่ถือเป็นข่าวดีสำหรับทัพเราข่าวหนึ่ง”

เฟิงอู่หังและจักรพรรดินีพลันพยักหน้า

ถูกต้อง!

เหยียนคงไม่มีทหารที่ซ่อนไว้อีกแล้ว ฉะนั้นสามแสนนายที่เห็นตรงหน้า ก็คงเป็นกองกำลังทั้งหมดแล้ว

และตอนนี้คงมีไม่ถึงสามแสนนายแล้วเสียด้วยซ้ำ

ก่อนหน้านี้ที่เนินหินถล่ม พวกเขาตัดหัวผู้ทหารอีกฝ่ายไปหนึ่งหมื่นนายในรวดเดียว ตอนนี้ยังกำจัดทหารอีกฝ่ายไปสามหมื่นนายอีก

เนื่องด้วยเหตุนี้ทัพเหยียนโจวในตอนนี้ น่าจะมีประมาณสองแสนหกหมื่นนาย

แน่นอนว่า

ทางทัพแคว้นหนานสองศึกก่อนหน้า ก็เสียทหารไปหนึ่งหมื่นนายเช่นกัน

ทว่าไม่ส่งผลกระทบอะไรกับกำลังที่มีอยู่จริงทั้งหมดมากนัก

หลี่จุ่นพูดต่อว่า

“แม้ทางแคว้นฉีจะเผชิญหน้ากับทัพใหญ่สองแสนนาย แต่หากพวกเขาคิดจะทำศึก ทัพใหญ่เหล่านั้นก็ต้านทานพวกเขาเอาไว้ไม่ได้อยู่แล้ว เพียงแต่คิดกลัวว่าจะต้องสูญเสียทหารไปเป็นจำนวนมาก ถึงได้มาร่วมหารือกลยุทธ์กับพวกเรา ฉวยโอกาสตัดความเสียหาย...”

“แต่ว่าท่าทีของแคว้นฉี ก่อนหน้านี้ก็เคยเห็นกันมาแล้ว วางแผนกับแคว้นฉีไม่ต่างไปจากเจรจากับเสือขอหนังเสือ อันตรายยิ่งนัก”

เมื่อหลี่จุ่นเอ่ยออกมาเช่นนี้ เฟิงอู่หังก็พลันเอ่ยร้องเสียงดังแล้วเอ่ยขึ้นว่า

“ถูกต้อง พ่อหนุ่ม เจ้าพูดถูก! พวกเวรตะไลแคว้นฉีนี่น่ะ จะเชื่อใจทั้งหมดไม่ได้!”

เจิ้นเป่ยอ๋องผู้นี้คิดจะทำอะไรอยู่กันแน่?

“ก่อนหน้านี้ไม่ทันได้พูดกับกุนซือ แต่เมื่อตอนนี้มาคิด ๆ ดูแล้ว เกรงว่าเจิ้นเป่ยอ๋องต้องมีแผนเป็นแน่” จักรพรรดินีขมวดคิ้วจนเป็นปมแน่น

“ตาเฒ่าผู้นี้...คงไม่ได้คิดจะแตะต้องเหยียนโจวเหมือนกันใช่หรือไม่?” เฟิงอู่หังพูดโพล่งออกมา พลางเบิกตาโพลง

“ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้!”

หลี่จุ่นรีบแสดงท่าทาง แล้วเอ่ยวิเคราะห์ว่า

“ตามการคาดการณ์ของข้า เจิ้นเป่ยอ๋องกับหลี่เจิ้งไม่ได้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ระหว่างทั้งสองคนมีความบาดหมางใจกัน เจิ้นเป่ยอ๋องในก่อนหน้านี้คงจะลังเลตัดสินใจไม่ถูก แต่ตอนนี้จู่ ๆ ก็ยกทัพมาตั้งมั่นอยู่ที่อำเภอผิงอัน เกรงว่าเรื่องราวคงมีการเปลี่ยนแปลงแล้ว”

ทันใดนั้นจักรพรรดินีก็เงียบไม่พูดไม่จา ใบหน้าของเฟิงอู่หังเองก็เคร่งขรึมเป็นอย่างมาก

หากเจิ้นเป่ยอ๋องพร้อมสนับสนุนเหยียนโจวตลอดทุกเมื่อจริง ๆ ละก็ สำหรับพวกเขาแล้ว นับเป็นข่าวแห่งความหายนะข่าวหนึ่ง

หลี่จุ่นมองปฏิกิริยาของทั้งสองคนทีหนึ่ง จากนั้นก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงขึงขังว่า

“ฝ่าบาท หากตอบตกลง ก็ตอบกลับแคว้นฉีไปอย่างที่กระหม่อมทูลเมื่อครู่เถิด และเรื่องด่วนของพวกเราในตอนนี้ ก็คือทำให้ทัพเหยียนโจวเสียหายอย่างหนัก ให้ดีที่สุดก็ไล่พวกเขาออกไปจากเหยียนโจว ให้ทัพเหยียนโจวถอยไปยังเมืองเฟิงหลิง!”

ศึกใหญ่ศึกนี้ ทางที่ดีที่สุดก็คือต้องทำให้ทัพศัตรูรวมตัวอยู่ด้วยกัน แบบนี้ถึงจะโจมตีได้ง่าย!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน