องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน นิยาย บท 1067

จักรพรรดินีครุ่นคิด ท้ายที่สุดก็พยักหน้า

ความคิดเห็นของหลี่จุ่นเป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้ว

ไม่ว่าอย่างไร พวกเขาเผชิญหน้ากับทัพเหยียนโจวแล้ว อีกอย่างจะให้ทัพใหญ่แคว้นฉีหันมาจัดการกับทัพเหยียนโจวก็คงไม่มีทางเป็นไปได้จริง พูดมากก็เปล่าประโยชน์

“อันที่จริงพวกเรามีข้อได้เปรียบกว่าแคว้นฉีเป็นอย่างมากอยู่ข้อหนึ่ง”

หลี่จุ่นรีบเอ่ยขึ้น

เฟิงอู่หังและจักรพรรดินีหันหน้าไปมองเขาพร้อมกัน เฟิงอู่หังรีบเอ่ยถามขึ้นด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความฉงน “พ่อหนุ่ม เจ้าหมายถึง...”

“ฝ่าบาทกับท่านจอมทัพเองก็คงเห็นแล้ว อันที่จริงพวกเรากับคนราชวงศ์อู่ไม่ได้แตกต่างอะไรกันมากนัก หากจะบอกว่ามีข้อแตกต่างกันจริง ๆ นั่นก็คือสำเนียงและสภาพแวดล้อมในการใช้ชีวิตที่ต่างกัน ภาษาที่พวกเราใช้แล้วก็ตัวอักษร อันที่จริงก็เหมือนกัน ติดต่อสื่อสารกันขึ้นมาก็ไม่มีอุปสรรคใด ๆ”

ใบหน้าของหลี่จุ่นแฝงไปด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาอย่างไม่รู้เบื่อหน่าย “และในก่อนหน้านี้ เดิมทีราชวงศ์อู่กับแคว้นหนานก็เคยเป็นปึกแผ่นเดียวกัน เพียงแต่หลังจากนั้นแคว้นหนานได้แยกตัวออกไป แต่ทว่าก็เป็นเหมือนกับแคว้นพี่แคว้นน้อง จุดที่เหมือนกันมีเยอะมากมาย”

“และนี่ก็เป็นสิ่งที่ทำให้พวกเรามีข้อได้เปรียบเป็นอย่างมาก ขอแค่พวกเราใช้วิธีการที่ดีหน่อย ก็เอาทหารเชลยศึกของราชวงศ์อู่มาให้เราได้ใช้สอยได้แล้ว ประชาชนของแคว้นหนานและราชวงศ์อู่ อันที่จริงต่างก็ไม่ได้มีความขัดแย้งกันมากมายอะไร พอจะรวมเป็นเนื้อเดียวกันได้”

เหตุใดในยุคสามก๊กจีนโบราณ ก๊กเว่ย ก๊กสู่และก๊กอู๋สามมหาอำนาจ ทุกครั้งที่รบชนะอีกฝ่าย ก็จะสามารถยึดกองกำลังของอีกฝ่ายมาใช้เองได้ล่ะ?

เพราะเดิมทีพวกเขาทั้งสามล้วนอยู่ภายใต้ราชวงศ์ฮั่นอย่างไรเล่า พวกเขาต่างทะเลาะกันในอาณาเขตของตระกูลตัวเอง ผู้คนที่อยู่ในทั้งสองค่าย ล้วนมีพี่น้องของตนด้วย

แน่นอนว่ายึดมาใช้เองได้อยู่แล้ว

ราชวงศ์อู่และแคว้นหนานในตอนนี้ก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน

นี่ก็คือข้อได้เปรียบของแคว้นหนานในตอนนี้!

จักรพรรดินีและเฟิงอู่หังฟังจนนัยน์ตาหดตัวลง เข้าใจเจตนาของหลี่จุ่นแล้ว

หลี่จุ่นพูดต่ออีกว่า

“ฉะนั้นหากเราทำศึกกับทัพเหยียนโจว หากทำให้พวกเขาเป็นเชลยศึกได้ เช่นนั้นเป็นไปได้มากว่า กองกำลังเหล่านี้ก็พอที่จะให้พวกเราใช้สอยได้ กลายเป็นแม่ทัพใต้บังคับบัญชาของเรา ด้วยเหตุนี้เมื่อพวกเรายิ่งทำศึกกองกำลังก็ยิ่งเยอะขึ้น พวกเราสามารถใช้สงครามฝึกสงครามได้!”

“ใช่!”

ดวงตาของเฟิงอู่หังเบิกโพลง ก่อนจะรีบตะโกนเสียงดังขึ้นทีหนึ่ง “พ่อหนุ่ม เจ้าพูดถูก! ฮ่า ๆ ๆ เยี่ยมจริง ๆ! แคว้นฉีเจ้าพวกเวรตะไลกลุ่มนี้ กองกำลังของพวกเขามีแต่ยิ่งทำศึกก็ยิ่งน้อยลง จะมาเทียบกับทัพของเราได้อย่างไร?”

จักรพรรดินีเองก็พยักหน้าหน่อย ๆ ทำท่าเหมือนคิดอะไรอยู่ขึ้นมา

หลี่จุ่นมองทั้งสองคน ก่อนจะยิ้มแล้วเอ่ยขึ้นว่า

ไม่อย่างนั้นเดิมทีใช้เครื่องโยนหินโยนหินเข้าไป ก็สามารถทำให้ศัตรูได้รับความเสียหายอย่างหนักได้แล้ว แต่ทว่าตอนนี้ทำไม่ได้แล้ว ภายในเมืองยังมีประชาชนอยู่ไม่น้อย

หากใช้เครื่องโยนหิน ทัพศัตรูจะเจ็บตายกันอย่างไรยังไม่ต้องพูดถึง ประชาชนเหล่านี้ต้องหนีไม่พ้นเป็นแน่

“สองวันนี้ข้าเอาแต่คิดปัญหานี้อยู่ตลอด เมื่อครู่ข้าก็พอคิดหาวิธีออกบ้างแล้ว”

หลี่จุ่นเอ่ยปาก นัยน์ตาเปล่งประกายเล็กน้อย ก่อนจะค่อย ๆ เอ่ยขึ้นว่า

“พวกเราต้องใช้การวิพากษ์วิจารณ์ของมวลชน ให้ทัพเหยียนโจวและประชาชนภายในเมืองเหยียนโจวต่อต้านกันเอง ให้ประชาชนภายในเมืองเหยียนโจวยืนอยู่ข้างเรา เช่นนั้นศึกนี้...บางทีเราอาจจะไม่ต้องทำศึก แต่สยบทหารของข้าศึกได้!”

ไม่รบแต่สยบทหารของข้าศึกได้อย่างนั้นหรือ?!

ประโยคนี้พูดได้ดีทีเดียว!

จักรพรรดินีกับเฟิงอู่หัง ฟังจนนัยน์ตาเป็นประกาย

จักรพรรดินีรีบเอ่ยถามขึ้นว่า “กุนซือ ท่านมีวิธีใดหรือ?”

หลี่จุ่นยิ้ม “ขอแค่เข้าไปในเมืองได้ กระหม่อมก็มีวิธีที่จะริเริ่มศึกการวิพากษ์วิจารณ์ของมวลชน!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน