องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน นิยาย บท 19

ดูสองสาวที่ใช้เวลาโต้วาทีกันเกือบจะหมดหนึ่งก้านธูป หลี่เจิ้งกระแอมเบา ๆ บอกนัย ๆ ว่าพอได้แล้ว

ถ้าดำเนินต่อไปอีก ทางด้านราชวงศ์อู่อาจจะแสดงอาการกินปูนร้อนท้องออกมา พอถึงตอนนั้นก็จะดูไม่สมควรและยากที่จะหาจุดจบลงได้

สีหน้าหลี่เหวินจวินดูตกใจเล็กน้อย นางหยุดแล้วโค้งคำนับให้อวี้เจีย ก่อนจะพูดชื่นชมว่า

“เป็นดังที่คิดไว้ ท่านหญิงอวี้เจียเป็นคนมากด้วยความรู้ ข้าเลื่อมใสจริง ๆ!”

สีหน้าอวี้เจียนางเองก็ประหลาดใจเช่นกัน รีบตอบไปว่า

“องค์หญิงใหญ่ควรค่าแล้วที่ถูกขนานนามว่าผู้ที่ฉลาดสุดในใต้หล้า อวี้เจีย ‘เอามะพร้าวห้าวไปขายสวน’ เสียแล้ว โปรดองค์หญิงให้อภัยด้วยเพคะ!”

หลี่เหวินจวินคนนี้สมแล้วที่ถูกขนานนามว่าเป็นคนที่ฉลาดสุดในใต้หล้า ตัวนางเองเกือบจะรับมือไม่ไหวแล้ว หากโต้วาทีต่อไปคงไม่ไหวเป็นแน่

โชคดีที่มันจบแล้ว

“ฮ่าฮ่าฮ่า พวกเจ้าทั้งสองไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง ดังที่คิดไว้สติปัญญาล้ำเลิศ วันนี้ทำให้ข้าได้เปิดโลก!” หลี่เจิ้งหัวเราะและเอ่ยทันที ราศีทรงพลังของฮ่องเต้แผ่ไพศาล

ราชฑูตแคว้นหลางที่เหลือสองคนถึงกับโล่งอก หนึ่งในนั้นรู้ว่าไม่สามารถยืดเยื้อต่อไปได้แล้ว ก็เลยรีบพูดว่า

“ฝ่าบาท การโต้วาทีเสร็จสิ้นแล้วพ่ะย่ะค่ะ ได้โปรดฝ่าบาทมอบคำตอบที่เหลือทั้งสองข้อให้พวกกระหม่อมกลับไปรายงานผลคำบัญชาได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ!”

ทันใดนั้นหลี่เจิ้งก็หน้าถอดสีเล็กน้อย

ทุกคนในราชสำนักที่เพิ่งจะโล่งอกกันก็พากันตึงเครียดขึ้นมาอีกครา

อวี้เจียพอเห็นแบบนี้ก็รีบพูดขอร้อง “ฝ่าบาทได้โปรดมอบคำตอบที่เหลือทั้งสองข้อด้วยเพคะ!”

“นี่...”

หลี่เจิ้งขมวดคิ้วเล็กน้อย มองไปยังหลี่เหวินจวิน แต่หลี่เหวินจวินขมวดคิ้วยิ่งกว่าเขาเสียอีก จึงทำให้สีหน้าของหลี่เจิ้งดูไม่ได้ยิ่งกว่าเดิม

หรือว่าจะไม่มีใครสามารถแก้ได้

ราชวงศ์อู่ของข้าอยู่ต่อหน้าแคว้นหลางเล็ก ๆ แบบนี้ นี่มันไม่ขายขี้หน้ากันหมดหรือ

หลี่เหวินจวินขณะนี้ก็ร้อนรนใจเช่นกัน สงสัยว่าเมื่อคืนตนเองถูกหลอกแล้ว ตกลงกันไว้ชัดเจนแล้วว่าจะส่งคำตอบและคำถามมาวันนี้ เปิดประชุมมานานขนาดนี้แล้วทำไมยังไม่มีคนส่งมาล่ะ

ทุกคนในราชสำนักต่างก็สีหน้าดูไม่ได้!

ตอนนี้ไม่วิถีทางที่จะยืดเยื้อต่อไปแล้ว อีกทั้งยืดเยื้อต่อไปก็ไร้ประโยชน์ อย่างไรก็ไม่มีคนแก้ได้!

“ฝ่าบาท โปรดมอบคำตอบให้กับพวกหม่อมฉันด้วยเพคะ!” อวี้เจียพูดอีกครั้ง!

หลี่เจิ้งขึ้นหลังเสือแล้วมันก็ลงยาก แต่เรื่องราวมาถึงขั้นนี้ก็ไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้ว ก่อนจะทอดถอนหายใจและพูดว่า

“ท่านทั้งสาม ว่ากันตามตรง...”

หลี่เจิ้งกำลังเตรียมยอมรับสารภาพ ทว่าจู่ ๆ ก็มีเสียงตะโกนดังขัดจังหวะ “อวี่กงกงจากตำหนักชิ่งหนิง พาท่านหยางหมิงมาเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ!”

ท่านหยางหมิงงั้นหรือ

สีหน้าหลี่เหวินจวินกับหลี่เจิ้งก็เปลี่ยนขึ้นมาในทันที!

สองพ่อลูกจ้องตากัน หลี่เจิ้งรีบพูด “รีบเชิญมา! รีบเชิญมา!”

พวกอวี้เจียทั้งสามคนก็สีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย

นี่คิดจะทำอะไรกันอีก

ช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ ทำไมถึงมีคนมาขอเข้าเฝ้าอีก

ทว่าฮ่องเต้รางวงศ์อู่ก็ให้คนไปเชิญมาแล้ว ถึงแม้พวกอวี้เจียทั้งสามคนจะไม่ชอบใจ แต่ก็ไม่เหมาะที่จะคัดค้านต่อหน้าผู้คน ทำได้เพียงแค่จ้องตากันยืนรออยู่ที่เดิม

ทุกคนในราชสำนักได้ยินชื่อท่านหยางหมิงต่างก็พากันทำสีหน้างุนงง

ท่านหยางหมิงเป็นใครกัน

ในสถานกาณ์แบบนี้ทำไมฝ่าบาทถึงให้เขาเข้ามาล่ะ

หากแต่อวี่กงกงจากตำหนักชิ่งหนิง ก็เป็นคนที่องค์หญิงใหญ่พาเข้ามา จะต้องเกี่ยวข้องกับองค์หญิงใหญ่อย่างแน่นอน

พวกเขามองไปยังประตูทางเข้าตำหนักอย่างพร้อมเพรียงกันโดยมิได้นัดหมาย

ท่ามกลางผู้คนที่ต่างพากันชะเง้อคอดู ก็มีร่างคนในชุดคลุมสีขาวโบกสะบัด ผมสีขาวอมเทายาวปลิวไสวประบ่า สวมหน้ากากทองแดงสีเขียวเดินเข้ามาในท้องพระโรงอย่างช้า ๆ

“หวังหยางหมิงราษฎรผู้ต่ำต้อย ถวายบังคมฝ่าบาท ฝ่าบาทอายุยืนหมื่นปี หมื่นหมื่นปี!”

ผู้ที่เข้ามาคุกเข่าก้มถวายบังคม

แน่นอนว่าคนผู้นี้ก็คือหลี่จุ่น!

เขาแต่งหน้าปลอมตัวด้วยตัวเอง เพราะเหตุนี้ก็เลยเสียเวลาไปหน่อย จึงเพิ่งจะมาถึงเอาในตอนนี้

“ไม่ต้องมากพิธี รีบลุกขึ้น!” หลี่เจิ้งสีหน้าดีอกดีใจ รีบให้เขาลุกขึ้น!

หลี่เหวินจวินรีบเดินไปข้างหน้า ไม่คาดคิดว่าจะเป็นหลี่จุ่นมาเอง ทำความเคารพเล็กน้อย ก่อนจะพูดว่า

“ลำบากท่านแล้ว!”

หลี่จุ่นส่ายหน้าน้ำเสียงชรา ก่อนจะหันไปมองราชฑูตทั้งสามที่อยู่ด้านข้าง และเอ่ยว่า

“คาดว่าพวกท่านทั้งสามคงเป็นราชฑูตจากแคว้นหลาง ท่านหญิงอวี้เจีย ท่านปาลาหนีอาหานหุยหูเติ้นเลยตี้ซือต๋าเย๋หนูหนู่ และท่านหว่าหลาสือหลี่เก๋อต้าตัวซีหมีเล่อชื่อเหนียนใช่ไหมขอรับ”

แม่งเอ้ยชื่อโคตรยาว เขาท่องอย่างนานกว่าจะจำได้!

ชื่อของคนแคว้นหลางไม่โคตรสั้นก็โคตรยาว ยาวจนทำให้คนขาดใจตายได้จริง ๆ!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน