องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน นิยาย บท 190

เมื่อได้ยินคำพูดของหลี่จุ่น เสี่ยงชิงหญิงสาวชุดสีครามและเจียงเยว่ฉานก็แอบสบตากัน อีกฝ่ายลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนจะส่ายหน้า แล้วพูดด้วยรอยยิ้มจางๆ ว่า

“ข้าน้อยเพียงต้องการทำความรู้จักคุณชายเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาอื่นใด”

ไม่ได้มีเจตนาอื่นเหรอ

หลี่จุ่นรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย

เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีเรื่องอะไรเลย ไม่งั้นคงไม่ถึงขนาดเชิญตนมา

แค่ต้องการทำความรู้จักเขา หากหลี่จุ่นเป็นชายหนุ่มรูปงามคนหนึ่งก็จะคิดว่าอาจเป็นความหล่อเหลาของตนดึงดูดอีกฝ่าย แต่นี่ไม่ใช่

เห็นได้ชัดว่าผู้หญิงสองคนนี้เชิญตนมาที่นี่ด้วยเจตนาบางอย่าง แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าพวกนางจะเปลี่ยนใจเพราะเหตุผลอื่น

แต่หลี่จุ่นคิดไม่ออกว่าเหตุผลจริงๆ คืออะไรกันแน่

แต่คิดๆ ดูแล้วก็ดีเหมือนกัน เขาก็รู้สึกสบายใจ

“ได้รู้จักกับแม่นางเจียง ช่างเป็นเกียรติแก่ข้าน้อยยิ่งนัก” หลี่จุ่นประสานมืออย่างสง่างามเพื่อแสดงความเคารพ

เจียงเยว่ฉานยิ้มจางๆ จู่ๆ พลันพูดว่า “ข้าได้ยินจากลูกจ้างของหอชุนฮวาว่าเมื่อครั้งที่คุณชายมาที่นี่ครั้งก่อนได้ประชันกับทุกคนอย่างเหนือชั้น สามารถต่อกลอนของนางคณิกาชั้นสูงได้อย่างยอดเยี่ยม แสดงพรสวรรค์อันโดดเด่นอย่างยิ่ง ข้าน้อยชื่นชมคุณชายยิ่งนัก”

หลี่จุ่นสะดุ้งและดูเขินอายเล็กน้อยทันที แล้วพูดว่า “นั่นเป็นเพียงความอวดดีเท่านั้น ไม่นับว่าเป็นพรสวรรค์อันใด ทำให้แม่นางเย่ว์ฉานขบขันแล้ว”

เกินคาด เรื่องราวเหล่านี้ได้แพร่กระจายออกไปแล้วหรือ

หญิงสาวที่งดงามเช่นนี้ได้ให้ความสนใจกับเขาและอีกฝ่ายยังสืบทราบถึงตัวตนของเขาได้สำเร็จ กระทั่งเชิญเขามาอีกด้วย

เรื่องนี้ค่อนข้างเหนือความคาดหมาย

เจียงเยว่ฉานหัวเราะ แล้วพูดต่อว่า “ได้ยินมาว่าคุณชายเป็นผู้เขียนบทเพลงใหม่(ระฆังกลางสายฝน)ของนางคณิกาชั้นสูง ‘จักจั่นร่ำร้องในคืนหนาว ตรงข้ามศาลายามพลบค่ำ ฝนกระหน่ำเพิ่งหยุดลง...’ คุณชายใช้ถ้อยคำที่งดงามและเศร้าสร้อย ชวนให้รู้สึกเศร้าใจยิ่งนัก ข้าน้อยราวกับได้เห็นภาพเมื่อครั้งที่ต้องจากบ้านเกิดเมืองนอนคราวนั้น บัดนี้เมื่อคิดถึงแล้วก็รู้สึกเศร้าโศกยิ่งนัก ถ้อยคำของคุณชายเต็มไปด้วยอารมณ์และความรู้สึก ช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก”

หลี่จุ่นรู้สึกประหลาดใจ

อีกฝ่ายรู้ว่าตนเขียนเพลงนี้และยังสามารถวิเคราะห์ออกมาได้อย่างมีเหตุผล

ผู้หญิงคนนี้มีความเชี่ยวชาญด้านกลอนกวีอย่างมาก

และยังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเฉาวานวานอย่างแน่นอน

หลี่จุ่นอ้าปากค้างและหาคำตอบไม่ได้อยู่พักใหญ่

เจียงเยว่ฉานยังคงยิ้มอย่างอ่อนโยน แล้วพูดต่อว่า “แม้ข้าน้อยจะเพิ่งรู้จักคุณชาย แต่ข้าน้อยขอบังอาจขอบทกวีจากคุณชายสักบท”

“นี่...” หลี่จุ่นพูดไม่ออก มองเจียงเยว่ฉานอย่างอึ้งทึ่ง

ดวงตางามราวกับดวงจันทร์กระจ่างของเจียงเยว่ฉานจ้องมองเขา เมื่อทั้งสองก็สบตากัน ดวงตาก็กลิ้งไปมาอย่างไม่อาจควบคุมได้ เจียงเยว่ฉานพลันพูดด้วยรอยยิ้มว่า

เจียงเยว่ฉานพูดอย่างเย็นชาว่า “เห็นทีจะประเมินจิ่งอ๋องผู้นี้ต่ำไป ข้าไม่เคยเห็นผู้ใดที่รอบคอบเช่นนี้มาก่อน คนผู้นี้เป็นเพียงเด็กอายุสิบเจ็ดปี แต่กลับฉลาดหลักแหลมจนคาดไม่ถึง น่ากลัวยิ่งกว่าจิ้งจอกเจ้าเล่ห์อย่างอวี่เหวินจิ้งเสียอีก”

หญิงสาวชุดสีครามไม่โต้แย้งและพยักหน้าโดยไร้ความเห็น

ชายปกติเมื่อเห็นหน้าตาของคุณหนูก็ถึงกับวิญญาณหลุดลอย ผู้ใดจะสงบสติอารมณ์ได้

ทว่า

หลี่จุ่นไม่เพียงสงบอย่างผิดแปลกตลอดเวลา แต่ยังเอ่ยชื่อปลอมออกมาโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย หากพวกนางไม่ทราบว่าอีกฝ่ายคือองค์ชายหกของราชวงศ์ หากบอกว่าเป็นชินอ๋องลำดับที่หนึ่งหรือจิ่งอ๋องเกรงว่าคงจะเชื่อสนิทใจ

เดิมทีพวกนางตั้งใจจะคุยกับหลี่จุ่นอย่างตรงไปตรงมาและพูดคุยเกี่ยวกับความร่วมมือตรงๆ แต่ถูกประโยคที่ว่า ‘ข้าน้อยนามจูเก๋อเลี่ยง’ ขัดจังหวะ

นิ้วมือสวยและเรียวยาวราวกับต้นหอมของเจียงเยว่ฉานกำลังเคาะที่วางแขนของเก้าอี้ที่อยู่ใต้ร่างของนางเบาๆ ดวงตาลึกล้ำและพูดช้าๆ ว่า

“จิ่งอ๋องผู้นี้เป็นเป้าหมายสำคัญของเรา จำเป็นต้องพึ่งพาความสามารถของเขาเพื่อบรรลุเป้าหมาย”

ทันใดนั้นหญิงสาวชุดสีครามก็ขมวดคิ้วทันที “คุณหนู พวกเราควรทำเช่นไรเจ้าคะ เจ้าเด็กนั่น เห็นทีจะรับมือยากเจ้าค่ะ...”

เจียงเยว่ฉานครุ่นคิดชั่วครู่ ใบหน้าที่เดิมทีเฉยเมยค่อยๆ เผยรอยยิ้มออกมา แล้วพูดว่า

“ข้าจำได้ว่ามีบ้านหลังหนึ่งอยู่ข้างจวนจิ่งอ๋อง ห่างจากจวนจิ่งอ๋องเพียงแค่กำแพงกั้น อีกทั้งไม่มีผู้ใดอยู่อาศัยเป็นเวลานาน เจ้าไปที่นั่นแล้วซื้อบ้านหลังนั้นไว้”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน