จากนั้นหลี่จุ่นก็ร่ายกลอนประโยคที่สามและสี่ตามมา
“กลีบใบบางมิรู้ใครตัดแต่ง ลมยามวสันต์เดือนสองดุจดั่งกรรไกร”
ไม้สูงแต่งกายราวสาวงาม ผ้าผูกผมสีมรกตนับหมื่นห้อยระย้า
กลีบใบบางมิรู้ใครตัดแต่ง ลมยามวสันต์เดือนสองดุจดั่งกรรไกร
หวังเหลียนนั้นเริ่มลงมือจดบันทึก รอคอยที่จะอ่านออกมาเป็นกลอนต่อกันอย่างใจจดใจจ่อ
“ไม้สูงแต่งกายราวสาวงาม ผ้าผูกผมสีมรกตนับหมื่นห้อยระย้า กลีบใบบางมิรู้ใครตัดแต่ง ลมยามวสันต์เดือนสองดุจดั่งกรรไกร... ลมยามวสันต์เดือนสองดุจดั่งกรรไกรหรือ แม้จะเป็นกลอนต้นหลิว แต่ก็สามารถแปลความเป็นต้นวสันตฤดูได้เช่นกัน ดีเหลือเกิน เขียนได้ดีนัก !”
หวังเหลียนเป็นคนแรกที่เอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบงันนี้ เขาเอ่ยชื่นชมอย่างไม่คิดปิดบัง
บทกลอนนี้ไม่เพียงรักษาความสง่างามไว้ได้ดี แต่ยังทำให้ต้นฤดูใบไม้ผลินั้นราวกับมีชีวิตขึ้นมาในทันที !
เดิมทีที่เป็นเพียงช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิที่ต้นไม้เพิ่งผลิดอกออกใบ เพียงครู่เดียวราวกับว่ามีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที
เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังชีวิต
นี่ช่างเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อได้เลยจริง ๆ
อีกทั้งเมื่อฟังดูแล้วยังเข้าปากมากอีกด้วย
คนจำนวนไม่น้อยพากันพึมพำเสียงเบาขึ้นมาทันที
รัชทายาทเองก็เช่นกัน ตอนนี้เขาเองก็กำลังสัมผัสถึงกลอนบทนี้อย่างตั้งใจ
มีเพียงหลี่เจิ้งเท่านั้นที่ยังคงจ้องมองหลี่จุ่นโดยไร้ซึ่งสีหน้าอารมณ์ใด ๆ ราวกับว่ามิได้พินิจว่ากลอนบทนี้ดีพอหรือไม่
กลอนบทนี้ร่ายจบลงแล้ว
ฮองเฮายังคงตื่นตะลึงจนขวัญหาย แม้ว่านางจะรู้สึกว่ากลอนบทนี้แต่งได้ดียิ่งนัก แต่นางมิได้มีสิทธิ์ตัดสินว่ากลอนบทนี้ดีพอหรือไม่ มีเพียงหลี่เจิ้งและไท่ฟู่เสิ่นคั่วเท่านั้นที่สามารถเอ่ยปากตัดสินได้ นางจึงรีบหันไปมองหลี่เจิ้งที่อยู่ข้าง ๆ ทันที
ทว่า เมื่อนางเห็นว่าหลี่เจิ้งกลับมิได้มีท่าทีว่าต้องการเอ่ยอันใด จึงรีบหันกลับไปมองเสิ่นคั่วทันที เพื่อพบว่าเสิ่นคั่วยังคงจมดิ่งอยู่ในห้วงอารมณ์แห่งบทกลอน
ในใจของนางถึงกับดำดิ่งลงทันที
ในตอนนี้เองที่ดวงตาคู่งดงามของหลี่เหวินจวินแสดงความประหลาดใจพลางพึมพำกับตัวเอง
“บทกวีต้นหลิวนั้นมีไม่น้อย กวีในราชวงศ์ก่อนหน้าก็มีบทกลอนที่ชื่อว่า ‘วาโยพริ้วพัดเมฆมรกต’ ต่อมายังมี ‘ใบหลิวเขียวขจีพริ้วไหวทั่วเจียงหนาน’ ของสวีจือเว่ยแห่งแคว้นหนาน แต่เมื่อเทียบกับกลอนบทนี้ของน้องหกแล้ว ภาพรวมของบทกลอนทั้งสองนี้ดูขาดความโดดเด่นไปไม่น้อย... เกรงว่าบทกลอน ‘ต้นหลิว’ ของน้องหกบทนี้คงเรียกได้ว่าเป็นที่สุดของบทกลอนต้นหลิวที่มีอยู่ในตอนนี้แล้วละ ”
สีหน้าของหลี่จ้งกับหลี่เฉียนดูบอกบุญไม่รับในทันที
พวกเขาย่อมต้องฟังออกว่าบทกลอนนี้ไม่ธรรมดา ชนิดที่เรียกได้ว่ากลอนบทนั้นของเจียงเฟิงไม่อาจสู้กลอนบทนี้ของหลี่จุ่นได้
ถ้าอย่างนั้นองค์รัชทายาทต้องพ่ายแพ้เป็นแน่ !
“บทกลอนนี้เป็นอย่างไรบ้างหรือองค์ชายรัชทายาท ท่านพอใจหรือไม่” ในยามที่เหล่าผู้ชมพากันดื่มด่ำอยู่ในอารมรืของบทกลอนอยู่นั้น เสียงหัวเราะของหลี่จุ่นกลับดังขึ้นกะทันหัน
บทกลอน ‘ต้นหลิว’ ของเฮ่อจือจางนั้นเป็นที่ชื่นชมของผู้คน ถ่ายทอดสืบต่อกันมาเนิ่นนาน ถูกยกให้เป็นบทกลอนอมตะในการบรรยายถึงต้นฤดูใบไม้ผลิและต้นหลิว แล้วจะธรรมดาได้หรือ
ยิ่งเมื่ออยู่ในยุคสมัยนี้ ต้องเรียกได้ว่าเป็นความตื่นตะลึงของวงการบัณฑิตเป็นแน่ !
รัชทายาทมองไปยังหลี่จุ่นด้วยสายตาสับสน ริมฝีปากขยับราวกับว่าต้องการจะพูดอะไร แต่เสียงหัวเราะของหลี่จุ่นกลับขัดขวางการพูดของเขา ซ้ำยังพูดขึ้นอีก
“องค์ชายรัชทายาทอยากสนิทสนมกับข้ามาโดยตลอดมิใช่หรือ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ วันนี้ข้าก็จะทำให้องค์ชายรัชทายาทได้เห็นส่าข้ามีคุณสมบัติที่จะสนิทสนมกับท่านหรือไม่”
คำพูดเช่นนี้หมายความว่า... จะเปิดศึกกับรัชทายาทอย่างชัดเจนอย่างนั้นหรือ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน
หายเงียบเลยยยยรอตอนต่อไปนานแล้วนะะะะะเมื่อไหร่จะอัพเพิ่มมมมมมมมมมม...
มีชื่อภาษาอังกฤษของนิยายเรื่องนี้ไหมครับ...
อยากให้ อัพ ต่อครับ รอนะครับ...
ไม่อัพแล้วเหรอคะ...
ตอนที่203หาย...
ไม่ update มาหลายวันแล้วครับ...
เรื่องนี้สนุกมากครับ ติดตามแล้ว update ช้าและน้อยไปนะครับ แค่วันละ 2 chapter ขอแนะนำให้เพิ่เป็นวันละ 5 Chapter ครับ...
ตอน 203 หาย...
เรื่องนี้ก็ ok ครับ สนุกดี ขอบคุณadminครับ...
ขอบคุณแอดมินมากครับที่อัปเดทให้อ่าน...