ฝนดีรู้กาละ ยามวสันต์จึงงอกงาม
เรียบง่าย ไม่ซับซ้อนและเข้าใจง่าย
ยังไม่ต้องพูดถึงกลอนวรรคถัดไปจะเป็นอย่างไร แต่เพียงแค่สองวรรคแรก แม้แต่ชาวบ้านธรรมดาที่ไม่รู้หนังสือก็สามารถท่องจำได้อย่างง่ายดายและยังเข้าถึงอารมณ์ได้อีกด้วย
เพราะกลอนสองวรรคนี้อ่านง่ายและติดปาก
เสิ่นคั่วเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ
“ช่างเป็น ‘ฝนดีรู้กาละ’ เสียจริง...”
ดวงตางามของหลี่เหวินจวินฉายแววตาลึกซึ้งและสั่นไหวเล็กน้อย
อีกหนึ่งประโยคดีๆ ที่จะคงอยู่ไปชั่วกาลนาน
แค่สองวรรคนี้ก็ถูกกำหนดไว้แล้วว่าจะคงอยู่ไปชั่วกาลนาน
เพราะจำง่ายและยังแฝงไปด้วยกลิ่นอายของความสง่างาม แม้แต่คนธรรมดาก็สามารถเข้าใจและสัมผัสได้ ไม่ว่าใครก็ตามก็สามารถท่องกลอนที่ยอดเยี่ยมบทนี้ได้ในวันฝนตก
เรียบง่าย แต่ไม่ธรรมดา
ช่างมีความสามารถที่ล้ำลึกจริงๆ
สมกับที่เป็นน้องหก...
ในใจของหลี่เหวินจวินกำลังสับสนวุ่นวาย กลอนของหลี่จุ่นได้เปิดโลกแห่งกลอนกวีอันเป็นเอกลักษณ์ต่อหน้านางอย่างสมบูรณ์
นี่ถึงจะเป็นบทกวีที่แท้จริง
ยิ่งใหญ่
ไพเราะ
สง่างาม
เรียบง่าย
ทั้งง่ายทั้งซับซ้อน
นั่นก็คือกวี
นี่ถึงเป็นกวี
ในเวลานี้ หลี่เหวินจวินรู้สึกว่าตนมีความเข้าใจเกี่ยวกับกลอนกวีเพิ่มขึ้นอีกขั้น นางเข้าใจได้อย่างลึกซึ้ง
ผู้คนในที่นั้นต่างมีสีหน้าแตกต่างกันไป
องค์ชายเจ็ดหลี่จิ้นวัยเยาว์มองดูพี่ชายแปลกหน้าของตนด้วยความตกตะลึง
เขาไม่ค่อยรู้จักและไปมาหาสู่กับหลี่จุ่นมากนัก รู้เพียงว่าเขาเขียนกลอนกวีเก่งมากและเคยเห็นเขาเขียนกลอนในงานเลี้ยงของเหล่าขุนนาง แต่เขารู้สึกว่าสิ่งที่ทำให้เขาประทับใจยิ่งกว่านั้นคือความหล่อเหลาของท่านพี่ผู้ไร้มารดาคนนี้
เขารู้สึกว่าพี่ชายแปลกหน้าคนนี้หล่อเหลามาก สามารถพูดได้ว่ารูปงามและมีสง่าราศี แต่หลี่จิ้นรู้สึกว่าความหล่อเหลานั้นเหมาะสมกับท่านพี่คนนี้ของเขามากกว่า
“ฝนดีรู้กาละ ยามวสันต์จึงงอกงาม...” หลี่จิ้นรู้สึกว่ากลอนนี้ธรรมดามาก แต่ก็รู้สึกว่าไม่ค่อยง่าย เขาก็บอกไม่ถูก เขามองดูหลี่จุ่นอย่างตกตะลึงและรู้สึกว่าหลี่จุ่นในเวลานี้หล่อเหลายิ่งขึ้นไปอีก
หลี่เซียงจู๋ก็รู้สึกว่าหลี่จุ่นหล่อเหลามากเช่นกัน
ในเวลานี้ปากเล็กของนางอ้าปากค้างเล็กน้อยและมองท่านพี่ผู้ไม่เป็นที่โปรดโปรนมาตั้งแต่เด็กของตนอย่างเหม่อลอยเล็กน้อย นางรู้สึกว่าหลี่จุ่นเก่งมาก ทันใดนั้นนางก็พลันรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อยหรือจะว่ารู้สึกผิดก็ได้ที่เคยเยาะเย้ยพี่ชายคนนี้
หลี่เซียงจู๋ไม่สามารถอธิบายความรู้สึกในใจได้ เพียงรู้สึกว่าหลี่จุ่นเก่งมากและเขียนกลอนกวีเก่งมากๆ
หลี่จุ่นค่อยๆ เบิกตากว้างขึ้น แล้วท่องกลอนต่อว่า “คล้อยลมมายามค่ำ ชุ่มฉ่ำไร้ซุ่มเสียง”
เรียบง่าย แต่ลึกซึ้ง
ใช้คำได้ไพเราะและเหมาะสมมาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน
หายเงียบเลยยยยรอตอนต่อไปนานแล้วนะะะะะเมื่อไหร่จะอัพเพิ่มมมมมมมมมมม...
มีชื่อภาษาอังกฤษของนิยายเรื่องนี้ไหมครับ...
อยากให้ อัพ ต่อครับ รอนะครับ...
ไม่อัพแล้วเหรอคะ...
ตอนที่203หาย...
ไม่ update มาหลายวันแล้วครับ...
เรื่องนี้สนุกมากครับ ติดตามแล้ว update ช้าและน้อยไปนะครับ แค่วันละ 2 chapter ขอแนะนำให้เพิ่เป็นวันละ 5 Chapter ครับ...
ตอน 203 หาย...
เรื่องนี้ก็ ok ครับ สนุกดี ขอบคุณadminครับ...
ขอบคุณแอดมินมากครับที่อัปเดทให้อ่าน...