องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน นิยาย บท 273

แคว้นจ้าวตั้งอยู่ทางตงเป่ย หรือพูดได้ว่าทางเหนือ ทว่าทางตะวันออกเป็นพื้นที่บึงที่เต็มไปด้วยพุ่มไม้มีหนาม เดินทัพลำบาก กระทั่งเคลื่อนพลไม่ได้ ด้วยเหตุนี้นั่นจึงเป็นป้อมปราการทางธรรมชาติ และทางตงเป่ยมีเพียงถนนสายเดียวที่ผ่านราชวงศ์อู่ไปสู่แม่น้ำต้าเฉิน หากกองทัพของแคว้นจ้าวคิดจะโจมตีราชวงศ์อู่ ต้องมาโจมตีจากทางตงเป่ย

เจิ้นเป่ยอ๋องประจำการอยู่ทางเหนือเพื่อต้านท้านแคว้นเล็ก ๆ และชนกลุ่มน้อยทางเหนืออย่างแคว้นเฟิงเฉวี่ยนอยู่ตลอด แต่ครั้งนี้กองทัพของแคว้นจ้าวมีการเคลื่อนไหวผิดปกติ หน่วยสอดแนมมารายงานว่ากองทัพแคว้นจ้าวรวบรวมทหารอยู่ที่ริมแม่น้ำต้าเฉิน มีความเคลื่อนไหว ด้วยเหตุนี้เจิ้นเป่ยอ๋องจึงยกทัพกลับเมืองหลวงก่อน จากนั้นก็เตรียมขึ้นเหนือไปป้องกันชายแดน

ที่โชคดีคือระหว่างสองแคว้นมีแม่น้ำขนาดใหญ่คั่นระหว่างกลาง หากกองทัพของแคว้นจ้าวคิดจะข้ามแม่น้ำก็คงไม่ง่าย ไม่อย่างนั้นหากกองทัพใหญ่เคลื่อนไหว เกรงว่าราชวงศ์อู่จะไม่สามารถโต้ตอบได้

เจ้ากรมคลังรีบลุกขึ้นยืน ก่อนจะเอ่ยว่า “ฝ่าบาท อีกสองเดือนก็จะถึงฤดูร้อน เมื่อถึงเวลานั้นแม่น้ำต้าเฉินก็จะไหลเชี่ยวกราก เรือไม่สามารถพายข้ามฟากมาได้ ฉะนั้นกระหม่อมจึงคิดว่าให้เจิ้นเป่ยอ๋องไปป้องกันทางตงเป่ยสองเดือน เรื่องสงครามหยุดเอาไว้ก่อน หลังจากนั้นเมื่อเข้าฤดูหนาวก็คงไม่เป็นผลดีต่อการเคลื่อนกำลังพลทำสงคราม คิดว่าแคว้นจ้าวนั่นก็ไม่สามารถโจมตีราชวงศ์อู่ของเราระหว่างเข้าฤดูหนาวได้เช่นกัน”

“ใช่แล้ว พูดได้มีเหตุผลยิ่งนัก!”

“ใช่แล้ว เพียงแค่ให้เจิ้นเป่ยอ๋องข่มกองทัพแคว้นจ้าวเอาไว้สองเดือน เรื่องสงครามอาจเลื่อนออกไปจนถึงต้นฤดูใบไม้ผลิปีหน้า และในเวลานั้นแคว้นหลางและแคว้นเฟิงเฉวี่ยนก็คงรู้แพ้รู้ชนะกันแล้ว เมื่อถึงเวลานั้นเหยียนอ๋องที่อยู่ชายแดนทางตะวันตกก็คงขึ้นเหนือแล้ว หากแคว้นจ้าวอยากเปิดศึกกับราชวงศ์อู่เรา เช่นนั้นก็ต้องพิจารณาดูดีๆ แล้ว!”

ขุนนางในราชสำนักวิพากษ์วิจารณ์กันขึ้นมาในทันใด

เจ้ากรมคลังพูดตรงประเด็น

เมื่อหลี่เจิ้งได้ฟังก็พยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็มองไปที่อวี่เหวินจิ้งแล้วเอ่ยถามว่า

“ไท่ซือมีกลยุทธ์ที่ดีอะไรหรือไม่?”

อวี่เหวินจิ้งครุ่นคิด ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “ฝ่าบาท กระหม่อมคิดว่าให้เจิ้นเป่ยอ๋องชินอ๋องเคลื่อนทัพไปตงเป่ยเป็นกลยุทธ์ที่ดี แต่ราชวงศ์อู่ของเราต้องรีบหาแม่ทัพใหญ่เพิ่ม เรื่องเร่งด่วนต้องเลือกทหารนำทัพขึ้นเหนือเพิ่มอีกคน เพื่อแทนเจิ้นเป่ยอ๋อง!”

หวังโส่วหนิงเองก็ลุกขึ้นยืน แล้วเอ่ยว่า “ฝ่าบาท ที่ไท่ซือพูดมามีเหตุผล! ราชวงศ์อู่ของเรามีเพียงเหยียนอ๋องและเจิ้นเป่ยอ๋องสองขุนพลใหญ่ เมื่อเจอศึกตึงเครียด ก็เหนือบ่ากว่าแรงเกินไปจริงๆ ด้วยเหตุนี้จึงต้องเร่งหาขุนพลใหญ่เพิ่ม บัญชาการส่วนทหารม้าขึ้นเหนือไปแทนเจิ้นเป่ยอ๋อง!”

ทางเหนือจำเป็นต้องให้เจิ้นเป่ยอ๋องไป ไม่อย่างนั้นจะข่มแคว้นจ้าวไม่ได้ ทว่าหากเจิ้นเป่ยอ๋องไปจากชายแดนทางตอนเหนือ แม้ตอนนี้แคว้นเฟิงเฉวี่ยนกำลังง่วนอยู่กับการทำสงครามกับแคว้นหลาง แต่ก็ยากจะหลีกเลี่ยงไม่ให้ฉุกคิดเรื่องสงครามสองแนวขึ้นมาอย่างกะทันหัน

ไม่ต้องสงสัย แคว้นป่าเถื่อนอย่างแคว้นเฟิงเฉวี่ยนกระทำการอย่างไม่ยึดตามหลักเหตุผลเป็นที่สุด ไตร่ตรองได้ยาก

เรื่องประเภทนี้อีกฝ่ายทำได้ทั้งนั้น!

หลี่เจิ้งพยักหน้า ขมวดคิ้วก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “ข้าเองก็เคยไตร่ตรองถึงปัญหานี้มาแล้ว แต่ข้าคิดไปคิดมา สอดส่องแม่ทัพที่ยังเยาว์วัยในราชวงศ์อู่ของเรา ยังมิมีผู้ใดกล้าแบกรับความรับผิดชอบอันใหญ่หลวงนี้ได้ ทุกท่านมีผู้ที่เหมาะสมหรือไม่?”

เย่หงรีบเอ่ยปาก “ฝ่าบาท กระหม่อมคิดว่าหยางอู่รองแม่ทัพในสังกัดกระหม่อม กล้าแบกรับความรับผิดชอบอันใหญ่หลวงนี้ได้พ่ะย่ะค่ะ!”

“ฝ่าบาท กระหม่อมคิดว่ายุทธวิธีทางการรบของเหวินเทาลูกชายกระหม่อม ชำนาญการเดินทัพและแผนการรบ กล้าแบกรับความรับผิดชอบอันใหญ่หลวงนี้อย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”

“ฝ่าบาท กระหม่อมคิดว่า...”

“ฝ่าบาท กระหม่อมกล้าแบกรับความรับผิดชอบอันใหญ่หลวงนี้พ่ะย่ะค่ะ!”

“...”

ทั้งราชสำนักส่งเสียงโหวกเหวกขึ้นมาในทันใด บ้างก็เสนอตัวเอง บ้างก็เสนอผู้รับผิดชอบ บ้างก็เสนอลูกชายของตัวเอง ขุนนางทั้งฝ่ายบุ๋นและฝ่ายบู๊ต่างหวังว่าคนที่ตนเอ่ยขึ้นจะได้เป็นคนสำคัญ

ถึงอย่างไรแม่ทัพที่เพิ่งเข้ามาใหม่นี้ก็จะมีความสำคัญเช่นขุนนางใหญ่เท่ากับจิ้นเป่ยอ๋องและเหยียนอ๋อง ใครจะไม่อยากให้เป็นคนของตนเองบ้าง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน