องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน นิยาย บท 384

ออกเดินทางขึ้นเหนือ

เช้าตรู่ สายลมที่อ่อนโยน

หลี่จุ่นมีอาหยวนและหลิวซานที่สะพายห่อผ้าไว้บนไหล่ติดตามอยู่ข้างๆ อยู่ทางซ้ายคนหนึ่งอยู่ทางขวาคนหนึ่ง ปกป้องหลี่จุ่นไว้ตรงกลาง

ทั้งสามคนมองเหล่าทหารกลุ่มหนึ่งกำลังขนหีบดินปืนสิบหีบขึ้นบนรถม้าอย่างระมัดระวังภายใต้คำสั่ง กำลังเตรียมตัวออกเดินทางเช่นกัน

เช้ามาเสิ่นคั่วก็มาบอกว่า เมื่อมาถึงยังเต๋อเซิ่งเหมิน¹ จะมีกองทัพใหญ่ขึ้นเหนือไปพร้อมกัน และจะมีคนพาพวกเขาเดินทางขึ้นเหนือเอง

แม้เป็นผู้ที่มีความผิดทางอาญาติดตัว แต่หลี่เจิ้งก็ “ใจกว้างมีเมตตา” ละพวกเขาจากพันธนาการ เพียงแต่ส่งองครักษ์ไปสังเกตการณ์แค่คนเดียว

ประตูเต๋อเซิ่ง ทุกปียามราชวงศ์อู่กรีธาทัพออกรบ แม่ทัพและเหล่าทหารล้วนต้องผ่านตรงนี้ ต่อให้รู้ทั้งรู้ว่าจะ “สวนทางกับทางที่ไป” ทว่าก็ต้องผ่านประตูนี้

ถึงอย่างไรก็ต้องชนะ

หนึ่งในเหตุผลนั้นมีความความหมายเรื่องงมงาย และเป็นการอวยพรด้วยความหมายแฝงเป็นนัยที่งดงาม

หลี่จุ่นจำได้ว่าในจีนโบราณชาติที่แล้วก็มีประตูเต๋อเซิ่ง และมีความหมายโดยนัยที่ใกล้เคียงกัน

แต่สมัยจีนโบราณยังมีประตูอันติ้ง²อีกประตูหนึ่ง ยกทัพไปทำสงครามไปเต๋อเซิ่ง ยกทัพกลับเมืองหลวงต้องผ่านอันติ้ง

แตกต่างกันเล็กน้อย

ราชวงศ์อู่เองก็น่าจะมี “ประตูอันติ้ง” เช่นกัน

“พี่จุ่น ดูท่ากองทัพที่จะร่วมไปกับเราครานี้ มีจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว”

ทั้งสามคนกับอีกหนึ่งองครักษ์ ยังไม่ทันได้เข้าใกล้ประตูเต๋อเซิ่ง ก็เห็นใต้เวิ่งเฉิง³ ใต้ซุ้มประตูขนาดมหึมา มีคนและม้าจำนวนมากรวมตัวกัน ยืนอยู่เต็มท้องถนนมาแต่ไกล

ผู้ที่เป็นผู้นำคือแม่ทัพที่สวมชุดเกราะสีน้ำตาลแดง บนศีรษะสวมหมวกเกราะสีน้ำตาลแดง กำลังขี่อาชาสีน้ำตาล

เอวคาดกระบี่หยก มือถือหอกยาว ดูองอาจกล้าหาญ!

เมื่ออาหยวนเห็น ก็รีบเอ่ยขึ้นอย่างตกตะลึงว่า “เป็นจงจื่อหนิง แม่ทัพใหญ่ขั้นสามอู่ซ่านกวน⁴ แห่งกองบัญชาการ”

เมื่อได้ยินดังนั้นหลิวซานกับหลี่จุ่นต่างก็ตกตะลึงไปตามๆ กัน

ยังหนุ่มยังแน่นก็ได้เป็นแม่ทัพใหญ่ขั้นสามแล้ว?

กองบัญชาการเป็นสังกัดขุนนางของขุนนางฝ่ายบู๊ทุกคนในราชวงศ์อู่ ข้างในมีตั้งแต่ “ซ่างเจียงจวิน⁵” ขั้นสอง จากนั้นก็เป็น “แม่ทัพใหญ่” ขั้นสาม และตั้งแต่ “แม่ทัพ” ขั้นสอง เป็นต้น

และแม่ทัพที่ยศศักดิ์สูงที่สุดในกองบัญชาการก็คือหลี่ทงจอมทัพแห่งกองกำลังทหาร ซึ่งก็คือเจิ้นเป่ยอ๋องนั่นเอง!

หลี่จุ่นมองไม่ออกมาตลอดว่าตำแหน่งขุนนางของราชวงศ์อู่นี้เทียบได้กับราชวงศ์ใดของจีนโบราณ ตอนหลังลองมาศึกษา ก็พบว่าเทียบไม่ได้เลย

ราวกับว่าแต่ละราชวงศ์ล้วนมีบางสิ่ง ที่ดูแล้วเป็นการผสมผสานกัน ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่ค่อยเข้าใจตำแหน่งขุนนางของราชวงศ์อู่เท่าไร

แต่ว่าจงจื่อหนิงผู้นี้ยังหนุ่มยังแน่นถึงเพียงนี้ก็ได้ขึ้นทะเบียนกับกองบัญชาการ คงตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ขั้นสาม สุดยอดมากจริงๆ!

อืมมาคิดดูอย่างละเอียดแล้ว จงจื่อหนิงผู้นี้ก็เป็นซ่านกวน ก็คือขุนนางกิตติมศักดิ์ที่ไม่มีหน้าที่ที่รับผิดชอบเฉพาะเจาะจง ได้รับเงินเดือนเพียงอย่างเดียว ขุนนางฝ่ายบู๊ประเภทนี้ แต่ไหนแต่ไรมาฮ่องเต้ชี้ให้ไปทางไหนก็ไปรบทางนั้น คล้ายๆ กับหลี่หยวนฟางในตี๋เหรินเจี๋ยนักสืบคู่บัลลังก์!

เยี่ยมไปเลย หยวนฟางจะมองยังไง?

ทว่าไม่รู้ว่าจะมีวรยุทธ์ที่ไร้คู่ต่อสู้ต่อกรได้เช่นหยวนฟางหรือเปล่า!

อาหยวนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาต่อว่า “จงจื่อหนิงผู้นี้เป็นหลานชายของจี้จงชิงอัครมหาเสนาบดีฝ่ายขวา”

นัยน์ตาของหลี่จุ่นประกายความสงสัยขึ้นมาในทันใด เมื่อมองเด็กหนุ่มผู้องอาจกล้าหาญผู้นั้นที่อยู่บนหลังม้าอย่างละเอียดแล้ว ดวงตาก็พลันเบิกกว้าง!

เยี่ยมไปเลย!

ดูคุ้นตาอยู่เล็กน้อย ราวกับเคยเห็นที่ไหนมาก่อน!

ทั้งสามคนกับอีกหนึ่งองครักษ์เข้าไปใกล้ๆ จงจื่อหนิงที่อยู่บนหลังม้าผู้นั้นก็พลิกตัวลงมาจากม้า แล้วกำมือประสานมาทางหลี่จุ่นพลางเอ่ยขึ้นว่า

ตอนที่ 384 แม่ทัพใหญ่ขั้นสามกับอัครมหาเสนาบดีแห่งราชวงศ์อู่! 1

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน