องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน นิยาย บท 72

ภายใต้การฟังของสองสาวและหยางจง หลี่จุ่นเริ่มประพันธ์กลอน

“ราชวงศ์อู่มีหญิงงาม ทั่วแผ่นดินมีเพียงหนึ่งเดียว”

หญิงงาม?

ทั่วทั้งแผ่นดินมีเพียงหนึ่งเดียว?

แววตาของสองสาวประกายความสงสัยขึ้นมาโดยพลัน โดยเฉพาะสีหน้าของจ้าวเฟยเอ๋อร์ยิ่งแดงระเรื่อขึ้น

หลี่จุ่นอ่านประโยคถัดไปต่อ

“ชม้ายคราแรกล่มเมือง ชายตาอีกคราล่มชาติ”

รูปลักษณ์ที่ล่มชาติล่มเมือง?

ทันใดนั้นจ้าวเฟยเอ๋อร์ก็รู้สึกว่าใบหน้าของตนร้อนผ่าวไร้ที่เปรียบ ราวกับเผาอยู่ข้างปล่องไฟ

หลี่จุ่นมองจ้าวเฟยเอ๋อร์ นัยน์ตาอมยิ้ม กระทั่งมีความอ่อนโยนเล็กน้อย จากนั้นก็อ่านประโยคสุดท้ายออกมาช้าๆ

“หาได้รู้...”

“ล่มชาติล่มเมืองไม่ เพียงเพราะหญิงงามยากจะพานพบอีกครา”

หาได้รู้ล่มชาติล่มเมืองไม่ เพียงเพราะหญิงงามยากจะพานพบอีกครา?!

นัยน์ตาของสองสาวประหลาดใจเป็นอย่างมาก เบิกตาโพลง พลางมองไปที่หลี่จุ่นอย่างเหลือเชื่อ

หยางจงเป็นขันที ไม่สามารถเข้าใจความหมายของบทกลอนได้ในทันที เขาจึงท่องกลอนเป็นจังหวะขึ้นอีกครั้ง

“ราชวงศ์อู่มีหญิงงาม ทั่วแผ่นดินมีเพียงหนึ่งเดียว

ชม้ายคราแรกล่มเมือง ชายตาอีกคราล่มชาติ

หาได้รู้ล่มชาติล่มเมืองไม่ เพียงเพราะหญิงงามยากจะพานพบอีกครา…”

กลอนที่ดี!

เป็นกลอนที่ดีอีกบทหนึ่งอย่างแน่แท้!

ผ่านไปนานสองนานเขาเพิ่งจะเข้าใจความหมายของกลอนบางส่วน จึงตื่นเต้นจนร้องตะโกนเสียงดังว่า

“องค์ชาย แต่งได้ดียิ่งนักพ่ะย่ะค่ะ! แต่งได้ดียิ่งนัก! กระหม่อมอ่านแล้วก็รู้สึกว่าหญิงงามผู้นี้ต้องเป็นที่น่าตกตะลึงอย่างแน่นอน!”

หลี่จุ่นหายใจออกอย่างช้าๆ เฮือกหนึ่ง มองจ้าวเฟยเอ๋อร์หัวเราะแล้วเอ่ยขึ้นว่า

“ท่านหญิง กลอนบทนี้ของข้าเป็นอย่างไร?”

“ท่าน...”

จ้าวเฟยเอ๋อร์หน้าแดงหูแดง ร่างกายที่งามงดสั่นเทาเบาๆ อย่างไร้เรี่ยวแรง นางมองหลี่จุ่นอย่างเลื่อนลอย เค่อถัดมาก็หนีหัวซุกหัวซุน

“ฮ่าๆๆ ท่านหญิงต้องจำให้ขึ้นใจล่ะ ข้าแต่งกลอนบทที่สองไม่ออกแล้ว!” หลี่จุ่นตะโกนอยู่เบื้องหลัง

“องค์ชาย ท่าน ท่านทำแบบนี้ได้อย่างไร?” เมื่อจ้าวเฟยเอ๋อร์เดินออกไป สีหน้าของหวังเยียนหรันก็ดูเคร่งขรึมเล็กน้อย มองหลี่จุ่นอย่างไม่สบอารมณ์อย่างไร้สาเหตุ

ความหมายของกลอนนี้ของเขาคืออยากจะเกี้ยวจ้าวเฟยเอ๋อร์อย่างนั้นหรือ?

จะได้ได้ยังไง...

ใช้คำอย่าง ‘ล่มชาติล่มเมือง’ ‘ทั่วแผ่นดินมีเพียงหนึ่งเดียว’ และ ‘หญิงงาม’ แบบนี้มาชมรูปลักษณ์ของจ้าวเฟยเอ๋อร์ นี่ไม่ได้หมายความว่าเขามีใจให้จ้าวเฟยเอ๋อร์หรือ?

นี่จะได้ยังไง...

จู่ ๆ ในใจของหวังเยียนหรันก็ราวกับเกิดความหึงหวงขึ้นมา เต็มไปด้วยความหงุดหงิด กระทั่งน้ำตาไหลหยดลงมาอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว มองหลี่จุ่นอย่างเลื่อนลอย เต็มไปด้วยความเคียดแค้น

เมื่อหลี่จุ่นเห็นว่าหญิงสาวคนนี้มีท่าทางแบบนี้ ก็พลันตกใจจนกระโดด แล้วรีบเอ่ยขึ้นว่า

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน