ในที่สุด หลี่จุ่นก็นำทัพใหญ่มาถึงด่านเฟิงเป่ย ครั้นเมื่อกวาดสายตามองออกไปก็เห็นแต่ควันเขม่าดินปืนลอยอยู่ทั่ว
กองทัพทหารม้าของจงจื่อหนิงกำลังเก็บกวาดสนามรบ
เมื่อเห็นว่าหลี่จุ่นมาถึงแล้ว จงจื่อหนิงก็รีบรุดหน้าเข้ามาหาทันที
“ท่านจอมทัพ ตอนที่ข้ามาถึงก็รบกันเสร็จสิ้นแล้ว จอมทัพเหยียนบอกว่าทัพใหญ่ของโจวชิงได้ลงไปทางใต้แล้ว เกรงว่าจะเข้าสู่จวนชายแดนตะวันตกขอรับ !“
“อะไรนะ ? นี่มัน...”
หวังเซิ่งไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตนเองได้ยิน
ขณะที่สีหน้าของหลี่จุ่นเองก็ครุ่นคิดหนัก ถามอีกฝ่ายด้วยเสียงทุ้มต่ำทันที
“จอมทัพเหยียนเล่า ?”
“จอมทัพบาดเจ็บ ตอนนี้กำลังรักษาตัวอยู่ในเมืองขอรับ” จงจื่อหนิงเอ่ยตอบ
หลี่จุ่นไม่พูดพร่ำทำเพลง รีบเข้าเมืองไปทันที
เป็นเหมือนกับที่เขาคิดไม่มีผิด โจวชิงยอมเสี่ยงที่จะบุกตีทัพเหยียนจนบาดเจ็บล้มตาย แล้วจึงค่อยยกพลเข้าสู่จวนชายแดนตะวันตก เตรียมใช้แผ่นดินราชวงศ์อู่เป็นกำลังเสริม ตั้งรับกองทัพเจิ้นเป่ย
ส่วนสาเหตุที่ต้องตีทัพเหยียนให้แตกพ่ายก่อนก็เพื่อสะดวกต่อการไปจวนชายแดนตะวันตก และยังลดจำนวนทัพศัตรูได้อีกด้วย
หากดูจากสถานการณ์ตอนนี้แล้ว ภายในราชวงศ์อู่ไม่มีกำลังพลที่จะต่อต้านกองทัพฉู่ได้แม้แต่น้อย ด้วยเหตุนี้ หากกองทัพฉู่บุกเข้าในเมือง ปล้นสะดมเลี้ยงไข้สงครามขึ้นมา คงเรียกได้ว่ากลายเป็นสิ่งที่ใครก็ไม่อาจขัดขวางได้ !
ที่อีกฝ่ายไม่โจมตีเมืองหลวงโดยตรงนั้นเป็นเพราะว่าหากไม่ขัดขวางกองทัพเจิ้นเป่ยของตัวเองไว้ให้ได้ก่อน แต่เลือกที่จะฝืนเดินทัพเข้าเมือง เช่นนั้นก็มีแต่ต้องตายสถานเดียว
หนทางที่ดีที่สุดคือการยึดด่านฝานหลง อาศัยด่านฝานหลงและภูมิศาสตร์ที่ได้เปรียบของจวนชายแดนตะวันตกมายื้อยุดกับกองทัพของตน เพื่อที่ตัวเองจะได้สะดวกต่อการรักษาตัว และเพื่อยื้อเวลากองทัพเจิ้นเป่ย ทำให้ทัพใหญ่ของแคว้นจ้าวสามารถตีด่านเหิงกู่จนแตกได้
เมื่อด่านเหิงกู่แตกแล้ว ทัพใหญ่ของแคว้นจ้าวก็จะเกรียงไกรเหนือใคร พากันยกทัพบุกเข้าเมืองหลวงของราชวงศ์อู่ได้ในทันที
พอถึงตอนนั้น โจวชิงก็จะมีโอกาสโจมตีกลับได้
ส่วนวันที่ทัพใหญ่ของแคว้นจ้าวจะตีเมืองหลวงแตกนั้นย่อมไม่เกินภายในสิบวัน หรืออาจจะเร็วกว่านั้น
ด้วยเหตุนี้เอง
โจวชิงเพียงแต่ต้องนื้อยุดกับกองทัพเจิ้นเป่ยราว ๆ สิบวัน ก็สามารถเปลี่ยนเป้าหมาย ยกพลตรงไปยังเมืองหลวงได้ทันที
หลี่จุ่นพาจงจื่อหนิงและหวังเซิ่ง รวมถึงผู้นำทัพคนอื่น ๆ เข้าไปยังเมือง โดยมีผู้ช่วยอันดับหนึ่งในเมืองหน้าด่านอย่างจ้าวอวี่ออกมาต้อนรับด้วยตนเอง
“จ้าวอวี่คารวะท่านจอมทัพ !”
จ้าวอวี่ยกมือขึ้นประสานเพื่อทำความเคารพ
แต่เมื่อเห็นว่าหลี่จุ่นยังอายุน้อย เผลอ ๆ อาจเด็กกว่าตัวเอง ภายในใจก็กังวลขึ้นมา
เขาเคยได้ยินมาว่าผู้บัญชาการทัพคนใหม่ของชายแดนเหนือนั้นอายุยังน้อย แต่คิดไม่ถึงว่าจะเป็นวัยรุ่นได้ถึงเพียงนี้
ช่างน่าเหลือเชื่อจริง ๆ...
อีกอย่าง จอมทัพผู้นี้ดูหน้าตาสะอาดสะอ้าน หล่อเหลาเกินไปหน่อยหรือเปล่า ?
รูปงามกว่าตัวเขาเองเสียอีก ยิ่งไม่น่าเชื่อเข้าไปกันใหญ่
“ไม่ต้องมากพิธีไป”
หลี่จุ่นรีบรุดเข้าไปพยุงตัวจ้าวอวี่ให้ลุกขึ้นทันที
ก่อนจะมาเขาได้ไต่ถามหวังเซิ่งจนเข้าใจเรื่องราวภายในเมืองฉู่จนหมดสิ้นแล้ว เมื่อได้ยินชื่อจ้าวอวี่ก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นบุตรชายคนโตของเหยียนอ๋องผู้เฒ่า เป็นบุคคลสำคัญอันดับสองในจวนตะวันตก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน
737 ปลดล็อกแล้วอ่านไม่ได้...
736 ผมปลดล็อคแล้ว อ่านไม่ได้...
เขียนต่อเถอะครับ รอนานแล้ว...
ตอน 706 มีหรือยัง...
อยากอ่านต่อครับ ผู้เขียนไม่สบายหรือเปล่าครับ...
ขอบคุณมากนะคะ ที่ให้อ่านฟรี สนุกมากค่ะ สั่งซื้อกางเกงใน GQ ไป 3 ตัวแล้วค่ะ สนับสนุนโฆษณา ที่ได้อ่านค่ะ...
เดินเรื่องได้เต่ามากๆ...
หายเงียบเลยยยยรอตอนต่อไปนานแล้วนะะะะะเมื่อไหร่จะอัพเพิ่มมมมมมมมมมม...
มีชื่อภาษาอังกฤษของนิยายเรื่องนี้ไหมครับ...
อยากให้ อัพ ต่อครับ รอนะครับ...