องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน นิยาย บท 735

ในที่สุด หลี่จุ่นก็นำทัพใหญ่มาถึงด่านเฟิงเป่ย ครั้นเมื่อกวาดสายตามองออกไปก็เห็นแต่ควันเขม่าดินปืนลอยอยู่ทั่ว

กองทัพทหารม้าของจงจื่อหนิงกำลังเก็บกวาดสนามรบ

เมื่อเห็นว่าหลี่จุ่นมาถึงแล้ว จงจื่อหนิงก็รีบรุดหน้าเข้ามาหาทันที

“ท่านจอมทัพ ตอนที่ข้ามาถึงก็รบกันเสร็จสิ้นแล้ว จอมทัพเหยียนบอกว่าทัพใหญ่ของโจวชิงได้ลงไปทางใต้แล้ว เกรงว่าจะเข้าสู่จวนชายแดนตะวันตกขอรับ !“

“อะไรนะ ? นี่มัน...”

หวังเซิ่งไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตนเองได้ยิน

ขณะที่สีหน้าของหลี่จุ่นเองก็ครุ่นคิดหนัก ถามอีกฝ่ายด้วยเสียงทุ้มต่ำทันที

“จอมทัพเหยียนเล่า ?”

“จอมทัพบาดเจ็บ ตอนนี้กำลังรักษาตัวอยู่ในเมืองขอรับ” จงจื่อหนิงเอ่ยตอบ

หลี่จุ่นไม่พูดพร่ำทำเพลง รีบเข้าเมืองไปทันที

เป็นเหมือนกับที่เขาคิดไม่มีผิด โจวชิงยอมเสี่ยงที่จะบุกตีทัพเหยียนจนบาดเจ็บล้มตาย แล้วจึงค่อยยกพลเข้าสู่จวนชายแดนตะวันตก เตรียมใช้แผ่นดินราชวงศ์อู่เป็นกำลังเสริม ตั้งรับกองทัพเจิ้นเป่ย

ส่วนสาเหตุที่ต้องตีทัพเหยียนให้แตกพ่ายก่อนก็เพื่อสะดวกต่อการไปจวนชายแดนตะวันตก และยังลดจำนวนทัพศัตรูได้อีกด้วย

หากดูจากสถานการณ์ตอนนี้แล้ว ภายในราชวงศ์อู่ไม่มีกำลังพลที่จะต่อต้านกองทัพฉู่ได้แม้แต่น้อย ด้วยเหตุนี้ หากกองทัพฉู่บุกเข้าในเมือง ปล้นสะดมเลี้ยงไข้สงครามขึ้นมา คงเรียกได้ว่ากลายเป็นสิ่งที่ใครก็ไม่อาจขัดขวางได้ !

ที่อีกฝ่ายไม่โจมตีเมืองหลวงโดยตรงนั้นเป็นเพราะว่าหากไม่ขัดขวางกองทัพเจิ้นเป่ยของตัวเองไว้ให้ได้ก่อน แต่เลือกที่จะฝืนเดินทัพเข้าเมือง เช่นนั้นก็มีแต่ต้องตายสถานเดียว

หนทางที่ดีที่สุดคือการยึดด่านฝานหลง อาศัยด่านฝานหลงและภูมิศาสตร์ที่ได้เปรียบของจวนชายแดนตะวันตกมายื้อยุดกับกองทัพของตน เพื่อที่ตัวเองจะได้สะดวกต่อการรักษาตัว และเพื่อยื้อเวลากองทัพเจิ้นเป่ย ทำให้ทัพใหญ่ของแคว้นจ้าวสามารถตีด่านเหิงกู่จนแตกได้

เมื่อด่านเหิงกู่แตกแล้ว ทัพใหญ่ของแคว้นจ้าวก็จะเกรียงไกรเหนือใคร พากันยกทัพบุกเข้าเมืองหลวงของราชวงศ์อู่ได้ในทันที

พอถึงตอนนั้น โจวชิงก็จะมีโอกาสโจมตีกลับได้

ส่วนวันที่ทัพใหญ่ของแคว้นจ้าวจะตีเมืองหลวงแตกนั้นย่อมไม่เกินภายในสิบวัน หรืออาจจะเร็วกว่านั้น

ด้วยเหตุนี้เอง

โจวชิงเพียงแต่ต้องนื้อยุดกับกองทัพเจิ้นเป่ยราว ๆ สิบวัน ก็สามารถเปลี่ยนเป้าหมาย ยกพลตรงไปยังเมืองหลวงได้ทันที

หลี่จุ่นพาจงจื่อหนิงและหวังเซิ่ง รวมถึงผู้นำทัพคนอื่น ๆ เข้าไปยังเมือง โดยมีผู้ช่วยอันดับหนึ่งในเมืองหน้าด่านอย่างจ้าวอวี่ออกมาต้อนรับด้วยตนเอง

“จ้าวอวี่คารวะท่านจอมทัพ !”

จ้าวอวี่ยกมือขึ้นประสานเพื่อทำความเคารพ

แต่เมื่อเห็นว่าหลี่จุ่นยังอายุน้อย เผลอ ๆ อาจเด็กกว่าตัวเอง ภายในใจก็กังวลขึ้นมา

เขาเคยได้ยินมาว่าผู้บัญชาการทัพคนใหม่ของชายแดนเหนือนั้นอายุยังน้อย แต่คิดไม่ถึงว่าจะเป็นวัยรุ่นได้ถึงเพียงนี้

ช่างน่าเหลือเชื่อจริง ๆ...

อีกอย่าง จอมทัพผู้นี้ดูหน้าตาสะอาดสะอ้าน หล่อเหลาเกินไปหน่อยหรือเปล่า ?

รูปงามกว่าตัวเขาเองเสียอีก ยิ่งไม่น่าเชื่อเข้าไปกันใหญ่

“ไม่ต้องมากพิธีไป”

หลี่จุ่นรีบรุดเข้าไปพยุงตัวจ้าวอวี่ให้ลุกขึ้นทันที

ก่อนจะมาเขาได้ไต่ถามหวังเซิ่งจนเข้าใจเรื่องราวภายในเมืองฉู่จนหมดสิ้นแล้ว เมื่อได้ยินชื่อจ้าวอวี่ก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นบุตรชายคนโตของเหยียนอ๋องผู้เฒ่า เป็นบุคคลสำคัญอันดับสองในจวนตะวันตก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน