องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน นิยาย บท 849

เมื่อเฟิงเป่าหลินได้ยินเข้า ใบหน้าของเขาก็เต็มไปความไม่ยินดี

หลี่จุ่นจึงกล่าวขึ้น

“ท่านอา ในเมื่อท่านต้องการหาเงิน แล้วเหตุใดท่านจึงไม่ทำสิ่งที่สร้างกำไรได้มากที่สุดเล่า? นิยายเนื้อหาทั่วไปนั้นน่าเบื่อยิ่งนัก วสันต์สารทนี้ เราสามารถขายหนังสือได้ในราคาเล่มละสิบตำลึงหรือยี่สิบตำลึง จะให้ข้าแจกรูปวาดเพิ่มเติมด้วยก็ยังได้ ต้องได้รับความนิยมมากแน่นอน”

รูปวาดหรือ?

เฟิงเป่าหลินถึงกับเอ่ยถาม "นี่เจ้าวาดภาพได้ด้วยหรือ?"

หลี่จุ่นพยักหน้าพลางตอบด้วยรอยยิ้ม

“ถึงแม้ข้าจะจำอะไรได้ไม่มากนัก แต่ข้าจำได้ว่าข้าวาดภาพเป็น อีกทั้งฝีมือค่อนข้างดีเสียด้วย”

“เช่นนั้นก็ขอให้ข้าได้เห็นก่อนว่าเจ้าวาดเป็นอย่างไรบ้าง”

เฟิงเป่าหลินพูดขึ้นทันทีแล้วจึงค่อยรีบอธิบายเป็นการสำทับ "ข้า... ข้าไม่ได้อยากเห็นหรอกนะ ข้าแค่อยากเห็นว่าฝีมือในการวาดของเจ้าเป็นอย่างไร ... "

หลี่จุ่นมองเขาด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าแล้วเอ่ยขึ้น

“ท่านอาไม่ต้องห่วง สิ่งนี้ย่อมไม่เคยเกิดขึ้นที่ไหนมาก่อนจริง ๆ หากท่านอยากทำการค้าขายนี้ ข้าก็จะวาดให้ แต่ถ้าไม่ทำ…”

หลี่จุ่นหยุดไปครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้นต่อว่า

"เช่นนั้นแล้วข้าก็จะขอมอบ "วสันต์สารท" เล่มนี้ให้กับท่านอาของข้าเป็นของที่ระลึกแล้วกัน ท่าทางที่ดูซับซ้อนภายในเรื่องนั้นก็ได้รับการฝึกฝนมาเป็นเวลานาน ท่านอาสามารถทำใจกล้า ๆ แล้วนำไปลองปฏิบัติตามได้เลย"

ใบหน้าของเฟิงเป่าหลินถึงกับแดงก่ำขึ้นมาทันที

ราวกับว่ามีบางสิ่งที่น่าอับอายเกิดขึ้นในกลางวัน เขาจึงจ้องมองไปที่หลี่จุ่นทันที ก่อนกัดฟันพูดด้วยเสียงทุ้มในท้ายที่สุด

“ได้ ข้าตกลงทำ !”

พูดแล้วก็ใช้มือตบลงบนต้นขาฉาดใหญ่ !

“ยินดีที่ได้ร่วมงานกัน !”

หลี่จุ่นรีบยื่นมือออกไปจับมือของเฟิงเป่าหลินทันที ก่อนจะกอดอีกฝ่ายไว้ด้วยความยินดี

หลังจากนั้นทั้งสองก็เริ่มหารือเรื่องการแบ่งปันผลกำไร

......

ณ ราชวงศ์อู่

ช่วงนี้ฝนตกค่อนข้างหนักมากนัก ระหว่างทางเดินด้านนอกห้องทรงพระอักษรมีน้ำฝนไหลลงมาจากชายคาจนกลายเป็นแอเงน้ำขนาดใหญ่บนพื้นที่สุด

หลี่เจิ้งและหวังเหลียนยืนอยู่ที่ทางเดินโดยไล่เรียงกัน โดยที่หลี่เจิ้งยืนเอามือไพล่หลัง

ขณะที่ท่ามกลางสายฝนนั้น เสิ่นเลี่ยถือร่มและเดินช้า ๆ เข้ามาพร้อมกับบิดาของเขา

แม้ฝนในวันนี้ไม่หนัก แต่ก็ไม่เบาเช่นกัน

ทว่าสองพ่อลูกชายดูเหมือนจะทำเป็นไม่ใส่ใจนัก

เมื่อใกล้ถึงห้องทรงพระอักษร เสิ่นคั่วจึงค่อยถามผู้เป็นลูกชายด้วยเสียงเบาอีกครั้ง

“เจ้าแน่ใจแล้วใช่หรือไม่ว่าน้องสาวของเจ้าออกจากราชวงศ์อู่ไปแล้ว ?”

เสิ่นเลี่ยกัดฟัน พยักหน้าอย่างหนักแน่นแล้วจึงเอ่ยขึ้น

"ขอรับท่านพ่อ !"

เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของเสิ่นคั่วก็ดูผ่อนคลายลงทันที

“เช่นนั้นก็ดีแล้ว ตอนนั้นคนผู้นั้นติดหนี้บุญคุณข้า เขาคอยแอบปกป้องน้องสาวเจ้าตอนที่นางไปทางใต้ เช่นนั้นข้าก็วางใจแล้ว”

หลี่เจิ้งจึงเอ่ยทันที "โอ้ รีบเข้ามาเร็วเถิด ข้างนอกฝนตกหนักยิ่งนัก"

สองพ่อลูกได้ยินดังนั้นจึงตอบกลับทันที

"ขอบพระทัยฝ่าบาท !"

จากนั้นก็เดินเข้าไปยังบริเวณทางเดิน

ฝ่ายหลี่เจิ้งนั้นได้หันหลังกลับและเดินเข้าไปภายในห้องทรงพระอักษรแล้ว

ในตอนนี้เอง หวังเหลียนได้เตรียมการจนเสร็จสิ้นและกลับมายืนเคียงข้างด้วยท่าทีเคารพ

ลเขามองไปที่เสิ่นคั่วและลูกชาย แววตาของเขานั้นฉายแววแปลก ๆ ขึ้นมาอยู่ชั่วครู่

จากนั้นหลี่เจิ้งก็ให้สองพ่อลูกนั่งลง

แล้วตัวเขาจึงค่อยนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับทั้งสองคน พลางรินชาหนึ่งถ้วยให้กับเสิ่นคั่วด้วยตนเอง เมื่อพินิจอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็รินชาอีกหนึ่งถ้วยให้กับเสิ่นเลี่ยด้วย

“ขอบพระทัยฝ่าบาทสำหรับชาที่ทรงประทานให้ !”

สองพ่อลูกยกถ้วยชาขึ้นมาดื่มทันทีในอึกเดียว

เมื่อเห็นภาพตรงหน้า หลี่เจิ้งก็ส่ายหัวขึ้นทันที เขาถอนหายใจแล้วเอ่ยขึ้น

“ไท่ฟู่ เจ้าก็ยังคงใจร้อนอยู่เช่นเคยหรือ นี่คือชาบรรณาการชั้นดีที่เจ้าจวนเจียงหนานถวายมาให้ ขนาดข้ายังไม่กล้าที่จะดื่มจนหมด วันนี้ข้าต้มชาให้แก่เจ้าและลูกชายของเจ้าโดยเฉพาะ แต่เจ้าดื่มกลับดื่มเช่นนี้ จะดื่มไม่ได้รสชาติอะไรนะ”

เสิ่นคั่ววางถ้วยชาลงแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม:

“ชาที่พระองค์พระราชทานให้ ไม่ว่าดื่มอย่างไรก็อร่อยทั้งนั้น ชาที่พระองค์ทรงประทานให้จะมีของไม่ดีได้ด้วยหรือ ? ส่วนเรื่องใจร้อนหรือไม่นั้น... ตั้งเกือบยี่สิบปีแล้ว กระหม่อมรอมานานนัก มันสายไปเสียแล้ว”

หลี่เจิ้งยิ้มบางและพยักหน้า แต่รอยยิ้มที่เย็นชากลับค่อย ๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน