ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 109

แบบนี้ก็ดี เดิมทีลู่ม่านเตรียมโฆษณาผงเครื่องเทศสิบสามชนิดอยู่แล้ว ถ้าอย่างนั้น รอตัดสินใจเรื่องบ้านเสร็จแล้ว ก็ต้องเตรียมเรื่องผงเครื่องเทศสิบสามชนิดไว้แล้ว

“ท่านอู๋ ข้ามีเรื่องสำคัญอยากจะคุยกับท่านพอดี”

ทันใดนั้นลู่ม่านก็มองท่านอู๋ด้วยรอยยิ้มเบ่งอาน ท่านอู๋ก็นั่งตัวตรงอย่างระมัดระวังทันที “ยัยหนู ไยเจ้าถึงยิ้มได้อย่างเจ้าเล่ห์ขนาดนี้?”

ลู่ม่าน “……” เจ้าเล่ห์ตรงไหนกัน? น่ารักต่างหากล่ะไม่ว่า

ลู่ม่านอดไม่ได้บ่นในใจ ท่านอู๋เป็นแบบนี้ ถ้าอยู่ในโลกปัจจุบัน นี่มันผู้ชายซื่อบื้อชัดๆ

ลู่ม่านหุบยิ้มลงแล้วพูดว่า “เป็นเรื่องเกี่ยวกับผงเครื่องเทศ เรื่องของส่วนผสม ท่านอาจจะคุ้นเคยในด้านนี้มากกว่า”

ท่านอู๋อยู่กับยาสมุนไพรทุกวัน เครื่องเทศก็อยู่ในหมวดหมู่ของยาจีนเหมือนกัน ถ้าได้แหล่งจัดขายจากท่านอู๋ งั้นเรื่องนี้ก็สำเร็จไปครึ่งหนึ่งแล้ว

“ข้าแค่เอามาทำอาหาร ดังนั้นไม่ต้องใช้ของดีมากก็ได้ ไม่ทราบว่าท่านมีเพื่อนที่เกี่ยวข้องแนะนำหรือไม่?”

ท่านอู๋ก็ถึงพยักหน้า “เรื่องนี้ เจ้าถามถูกคนแล้วล่ะ มีก็มีนะ แต่ข้าไปขอให้คนมาช่วยเจ้าบ่อยๆ ไม่รู้ว่าจะได้ประโยชน์อะไรบ้าง?”

ลู่ม่านคิดแล้วก็พูดว่า “ข้าให้ของวิเศษท่านดีไหม?”

“ของวิเศษอะไร?” ท่านอู๋แปลกใจขึ้นมา

“ท่านชอบกินที่สุด ข้าก็ต้องให้เกี่ยวกับของกินอยู่แล้ว ข้ากำลังสั่งทำ ตอนที่ท่านพาคนมา ก็ถึงตอนที่ทดลองกินสินค้าใหม่แล้วล่ะ”

“ตกลง!” ท่านอู๋ว่าแล้วก็กินข้าวอย่างตั้งใจต่อไป

ตั้งแต่ออกจากเมืองหย่งอาน ถ้าไม่ได้เจอลู่ม่าน เขาก็แทบจะลืมรสชาติของอาหารอร่อยแล้ว

พอกินเสร็จ ท่านอู๋ก็กลับแล้ว

ลู่ม่านพาเซวียนเหนียงกลับห้อง แล้วเก็บของในห้อง ของของอาจารย์โจวส่วนใหญ่เอาไปหมดแล้ว เหลือแค่หนังสือที่เขาชอบอ่านเท่านั้น ยังวางอยู่บนหัวเตียง

ลู่ม่านกำลังจะเก็บ เซวียนเหนียงก็ยกมือขึ้นห้าม “อย่าขยับ”

ลู่ม่านอึ้ง เซวียนเหนียงอธิบาย “ข้าชอบอ่านหนังสือเล่มนี้ วางไว้ให้ข้าอ่านได้หรือไม่?”

ลู่ม่านส่ายหน้าอย่างลำบากใจ “ที่จริง แม่นางอยากอ่านหนังสือ ข้าไม่ปฏิเสธหรอก แต่ว่าหนังสือพวกนี้ไม่ใช่ของข้า แต่เป็นของส่วนตัวของอาจารย์ท่านหนึ่ง ถ้าเอาไว้ตรงนี้ต่อ หากเขากลับมาเกรงว่าจะดูไม่ดี”

แต่ไม่คิดว่า เซวียนเหนียงได้ยินแล้วก็ถามต่อว่า “คนที่เจ้าพูดถึงคืออาจารย์โจวใช่หรือไม่?”

“ใช่แล้ว!”

เซวียนเหนียงพูดด้วยรอยยิ้ม “นั่นไม่มีปัญหาอะไรหรอก ข้าเป็นเพื่อนของอาจารย์โจวมาหลายปี เขาไม่โกรธหรอก”

เห็นลู่ม่านไม่พูด นางก็พูดเสริมไปว่า “ถ้าเขาโทษขึ้นมา ก็บอกให้เขามาโทษข้าเถอะ”

ลู่ม่านก็ถึงพยักหน้ากลับหลังหันออกจากห้อง ตอนที่ปิดประตู นางก็เห็นเซวียนเหนียงเอาหนังสือเล่มนั้นมาทาบอกจากช่องประตู ท่าทางเหมือนจะรักมาก

ลู่ม่านเลิกคิ้วขึ้น หรือนางไม่ได้แพ้เดิมพันกับเฉินจื่ออาน

ตั้งแต่ได้พูดคุยกับเซวียนเหนียง ลู่ม่านถึงเห็นว่า นางเป็นคนที่มีขอบเขตมาก ตอนที่อยู่ในโลกปัจจุบัน หน้าฟีดมักจะมีเพื่อนกลุ่มนี้ ทุกวันไม่ก็ถ่ายหนังสือลง ไม่ก็ถ่ายรูปวิจิตรศิลป์สวยๆลง

แล้วเขียนข้อความด้วยประโยคดีๆ แสดงความอาร์ตของตัวเองออกมา

แต่ว่า ทุกคนต่างก็รู้ดีในใจว่า พวกนั้นเป็นแค่นามธรรม

แต่ว่าหลังจากที่เจอเซวียนเหนียง ลู่ม่านก็ถึงรู้ว่า คนที่มีหัวศิลปะค่อนข้างสูงมีอยู่จริง ดูแล้วค่อนข้างสบายตาและแปลกไม่เหมือนใคร

ลู่ม่านอิจฉามาก แต่นางรู้ว่าตัวเองกลายเป็นคนแบบนั้นไม่ได้ นางรู้ตัวเองว่าเป็นคนชอบเงิน และยังมีความสุขกับกองเงินด้วย

เซวียนเหนียงวาดออกมาได้เร็วมาก เป็นเหมือนกับความคิดของลู่ม่านเลย และยังมีสิ่งที่ลู่ม่านคิดไม่ได้ด้วย นางออกแบบและปรับปรุงออกมาได้ทั้งหมด

ผลงานสุดท้ายที่ออกมา สมบูรณ์แบบกว่าภาพในสมองของลู่ม่านเสียอีก

ลู่ม่านพึงพอใจอย่างมาก เฉินจื่ออานก็เหมือนกัน เขาเป็นคนโบราณ ไม่ได้มีภาพบ้านในละครที่ลู่ม่านเคยเห็น ดังนั้นก่อนหน้านี้ตอนที่ลู่ม่านบอกกับเขา เขายังไม่ค่อยเห็นภาพเลย

ตอนนี้พอได้เห็นภาพจริงๆ ก็ถึงจินตนาการบ้านในอนาคตออกมาได้

ทั้งสองต่างก็ไม่มีข้อแม้อะไร เซวียนเหนียงก็ส่งนกพิราบไปให้กรรมกรก่อสร้างที่นางร่วมงานมาด้วยตลอด รายงานข้อมูลของตัวเองไป

ลู่ม่านกับเฉินจื่ออานก็เตรียมทำวัสดุ บ้านของนางส่วนใหญ่ทำจากไม้ทั้งหมด ดังนั้นจึงต้องใช้ไม้จำนวนมาก

เดิมที หวังเอ้อร์หนิวกับเหยาซื่อว่าจะไปตัดต้นไม้บนภูเขา แต่ถูกลู่ม่านปฏิเสธเสียก่อน

ไม้ที่เซวียนเหนียงต้องการนั้นจะต้องใช้แบบดีๆ ไม้ที่ดีถึงจะสร้างบ้านออกมาได้ดี ดังนั้น ลู่ม่านจะจ้างคนไปซื้อที่อำเภอเฟิงหนานกลับมา

ช่างที่ก่อสร้างส่งข้อความมาว่าอีกหกวันถึง และวันนั้นก็เป็นวันที่ลู่ม่านเอาวัสดุกลับมาพอดี คนกลุ่มใหญ่พร้อมกับวัสดุอุปกรณ์จำนวนมากลากเข้ามาในหมู่บ้าน คนในหมู่บ้านต่างก็เล่าลือกันไปหมด

ไม่ถึงครึ่งวัน คนในหมู่บ้านก็รู้กันหมดแล้วว่าลู่ม่านจะสร้างบ้าน

บางบ้านได้รับบุญคุณจากลู่ม่านกับเฉินจื่ออาน ต่างก็เข้ามาแสดงความยินดีด้วย มีเพียงทางบ้านเฉินที่เงียบหายไป

มีเพียงเหอฮัวตอนที่เลิกงาน เดินผ่านหน้าบ้านลู่ม่าน เลยเข้ามาพูดกับลู่ม่าน

เด็กคนนี้ทำงานในโรงงานมาหลายวัน สูงขึ้นเยอะเลย และยังขาวขึ้นเยอะด้วย คำพูดคำจาก็ไม่อึกๆอักๆเหมือนตอนที่อยู่ในบ้านเฉิน ดูกระปรี้กระเปร่าขึ้นเยอะเลยล่ะ

ลู่ม่านให้นางอยู่กินข้าวที่บ้าน นางส่ายหน้าปฏิเสธ เฉินจื่ออานนั่งมองพวกนางในบ้าน ลู่ม่านใช้โอกาสนี้ถามสถานการณ์ช่วงนี้ของตาแก่เฉินกับเฉินหลี่ซื่อ

เหอฮัวเป็นเด็กฉลาด ดูออกว่าลู่ม่านกำลังถามเผื่อเฉินจื่ออาน จึงพูดเสียงดังว่า “ท่านปู่กับท่านย่าดีใจกันมาก ท่านอาเล็กกำลังจะสอบได้แล้ว……”

ลู่ม่านรีบถามเหอฮัวต่อว่า “รายชื่อยังไม่ลงมาไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงรู้ว่าสอบได้ล่ะ?”

“ท่านอาเล็กเป็นคนบอกเอง บอกว่าได้รับการชี้แนะจากอาจารย์โจว!” ตอนนั้นอาจารย์โจวได้ที่หนึ่งในตำแหน่งชิ่วไฉและเข้ารับตำแหน่งขุนนาง

แต่ว่า เฉินจื่ออานบอกว่า อาจารย์โจวไม่ได้อยากสอนเฉินจื่อคังไม่ใช่เหรอ?

เฉินจื่ออานรู้สึกเหมือนกับลู่ม่าน ทั้งสองสบตากันอย่างรวดเร็ว เหอฮัวเดินออกไปอย่างไว ทั้งสองพร้อมใจกันไม่พูดถึงเรื่องนี้ หลักๆคือคนในบ้านเยอะเกินไป ลู่ม่านยังต้องเตรียมทำอาหารเย็นอีก

ดูคนพวกนั้นเหมือนจะไม่มีคนในพื้นที่ ไม่รู้ว่าพวกเขาชอบกินอะไรกัน

เพื่อความปลอดภัย ลู่ม่านไปถามเซวียนเหนียงก่อนดีกว่า นางหัวเราะแล้วพูดว่า “ไม่ต้องสนใจพวกเขาหรอก พวกเขากินได้ทุกอย่าง ขอแค่ให้เงินค่าจ้างครบก็พอ แต่กับข้า เจ้าทำแค่ผักก็พอแล้วล่ะ”

ลู่ม่านก็ถึงโล่งอก นางไม่ใช่ว่าไม่อยากทำอาหาร แต่ช่วงนี้ยุ่งมากจริงๆ นางก็ไม่มีเวลาทำอาหารด้วย ตอนนี้ดีเลย นางจะได้เอาเวลาไปทำผงเครื่องเทศสิบสามชนิดของตัวเอง

เช้าวันต่อมา เซวียนเหนียงเลือกที่ พวกเขาก็เริ่มทำฐาน

ลู่ม่านมีเวลาว่างก็ไปโรงงานผลไม้กวน บอกความคิดผงเครื่องเทศสิบสามชนิดของตัวเองให้กับเหยาซื่อ นางก็เห็นด้วยและสนับสนุนอย่างมาก

ทางโรงงานผลไม้กวนตรงนั้นมีห้องว่างอยู่พอดี ลู่ม่านเรียกให้คนไปเก็บกวาดออกมา ตอนนี้ก็เหลือแต่รอข่าวจากท่านอู๋

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน