ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 112

ไม่ๆๆ

ถึงแม้จะทำสินค้าตัวนั้น ก็จะเรียกว่าเหล่ากานมาไม่ได้ ลู่ม่านมองดูใบหน้าที่อ่อนเยาว์ในบ่อน้ำของตัวเอง นางยังสาวขนาดนี้ จะใช้ชื่อนี้ไม่ได้

พอคิดได้แล้ว ลู่ม่านก็ปกป้องพริกสามต้นนั้นไว้ให้ดี

ตอนกลางคืนจะต้องเผาไฟที่เตา เพื่อทำให้ห้องครัวอบอุ่นแล้วค่อยปิดประตูเข้านอน

เช้าวันต่อมา ลู่ม่านก็เริ่มเปิดรับสมัครคนงานทำผงเครื่องเทศสิบสามชนิดอย่างเป็นทางการ เพราะตอนนี้ลู่ม่านรับสมัครคนในหมู่บ้านไม่น้อย คนที่ซื่อสัตย์ต่างก็มาทำงานที่นี่กันหมดแล้ว

เหยาซื่อแนะนำให้ลู่ม่านไปซื้อคนกลับมา แต่ลู่ม่านเป็นคนในโลกปัจจุบัน นางทำใจซื้อมนุษย์ด้วยกันไม่ได้หรอกนะ จึงพูดว่า รออีกหน่อย

เหยาซื่อเห็นแล้วก็ไม่ได้พูดอะไร แค่บอกว่าจะพยายามช่วยนางหาคนที่สามารถพึ่งพาได้

พอประกาศข่าวออกไป ไม่นานก็มีคนสนใจมาสมัครเยอะมาก บางคนก็เป็นคนในหมู่บ้าน เพราะอิจฉาคนที่ได้ทำงานกับลู่ม่าน ได้สวัสดิการที่ดีมาก

ยังมีบางคนเป็นคนนอกหมู่บ้าน ได้ยินข่าวจากหลายๆแหล่งว่าทำงานกับลู่ม่านแล้วดี

ลู่ม่านทำการคัดเลือก เพื่อพิจารณาทางด้านผู้ใหญ่บ้าน พยายามเลือกคนในหมู่บ้านจะดีที่สุด คนนอกหมู่บ้านก็เลือกคนที่ดีๆมาทำงาน

ตอนแรกก็ไม่ได้ต้องการคนเยอะขนาดนี้ ขั้นตอนหลักเลยคือการผัด การบด การเลือก และบรรจุ

ลู่ม่านรับมาสิบกว่าคน ด้านขวด ลู่ม่านคิดไปคิดมาแล้ว ตัดสินใจทำแบบสองชนิด แบบกระบอกไม้ไผ่กับขวดกระเบื้องเคลือบ เหมาะสำหรับการเลือกระหว่างคนจนกับคนรวย

พอคิดได้แล้ว ลู่ม่านก็เริ่มทำการฝึกฝนคนงาน ลู่ม่านคุ้นเคยกับขั้นตอนพวกนี้ดี ดังนั้นจึงทำอย่างค่อนข้างราบรื่น

สามวันหลังจากนั้น โรงงานผงเครื่องเทศสิบสามชนิดก็เริ่มเปิดทำการ เช้าวันต่อมา ก็มีผงเครื่องเทศสิบสามชนิดชุดแรกทำออกมา

ลู่ม่านเอาส่วนหนึ่งส่งไปให้ร้านขายของของตระกูลจวงและภัตตาคารเฟิ่งหลาย ที่เหลือก็เอาให้ร้านขายของชำบ้านจางในตำบล ร้านใหม่ของร้านขายของชำบ้านจางเปิดอยู่ที่ตลาดตะวันตก ตอนนี้ยอดขายดีกว่าทางตลาดตะวันออก เถ้าแก่จางรู้สึกอารมณ์ดีมาก

เห็นลู่ม่านออกสินค้าใหม่อีก เขาก็ดีใจมากกว่าเดิม “แม่นางลู่ ขอแค่เป็นยี่ห้อไป่ฮัวของพวกเจ้า จะต้องเป็นของดีมากแน่ๆ ไม่แน่ อาจจะเป็นสินค้ายอดฮิตใหม่ก็ได้”

ลู่ม่านพยักหน้า กำลังออกไปก็มีคนเข้ามาถามผงเครื่องเทศสิบสามชนิดแล้ว เถ้าแก่จางรีบแนะนำขึ้นมา ลู่ม่านกับเฉินจื่ออานสบตากันแล้วอมยิ้มเดินออกไป

เช้าวันต่อมา ก็มีข่าวลือมาว่าผงเครื่องเทศสิบสามชนิดชุดนั้นขายดีมาก ไม่เพียงแต่เถ้าแก่จาง ทางตระกูลจวงก็ทำการสั่งสินค้าชุดใหญ่ ลู่ม่านจึงเริ่มติดต่อทางผู้ขายยาสมุนไพรให้ทางนั้นส่งสินค้ามา

ไม่เพียงแต่ส่งให้ร้านเท่านั้น ลู่ม่านยังเก็บไว้ในกระบอกไม้ไผ่เอาให้หวังเอ้อร์หนิว ตอนนี้เขาไม่เพียงแต่ขายปลีกผลไม้กวน ยังขายปลีกผงเครื่องเทศสิบสามชนิดด้วย

หลายวันก่อน หวังเอ้อร์หนิวซื้อแผงขายของของตลาดตะวันออก เริ่มขั้นแรกของการเป็นนักธุรกิจ

ตอนบ่าย ลู่ม่านนานๆทีจะมีเวลาว่าง จึงทำซุปอยู่ที่บ้าน คิดว่าจะเพิ่มอาหารให้คนที่มาช่วยสร้างบ้านหน่อย

ถึงแม้พวกเขาจะบอกแล้วว่า ลู่ม่านไม่ต้องทำอะไรสักอย่าง แต่ยังไงก็เห็นแก่ที่เซวียนเหนียงมาช่วยลู่ม่านทำงาน ลู่ม่านจะไม่สนไม่ได้

เอาผลไม้มาจากโรงงาน บวกกับหมูตุ๋น รสชาติมีเอกลักษณ์ แต่ก็ค่อนข้างบำรุงร่างกาย

ลู่ม่านเพิ่งทำเสร็จ ก็ได้ยินเสียงเหยาซื่อดังมาจากด้านนอก “หอมจังเลย เสี่ยวม่าน เจ้าทำของอร่อยๆอะไรกินอีกแล้ว”

“พี่เหยาจมูกดีจริงๆ ข้าเพิ่งทำเสร็จ มากินด้วยกันสิ” ลู่ม่านพูดด้วยรอยยิ้ม

“แน่นอนอยู่แล้ว ข้าอยู่กับเจ้าก็ได้กินของอร่อยบ่อยมาก” เหยาซื่อพูด

ว่าแล้ว ก็เข้าไปรับถ้วยจากมือลู่ม่านอย่างไม่เกรงใจแล้วดื่มลงไปจนหมดรวดเดียว “ไม่เลวเลยจริงๆ เด็กๆต้องชอบแน่ๆ”

“ไว้วันหลังจะสอนพี่นะ” ลู่ม่านพูด

ตอนนี้ก็ยังไม่ถึงเวลาเลิกงาน เหยาซื่อมากะทันหันแบบนี้ จะต้องมีเรื่องแน่ๆ “พี่เหยามามีอะไรหรือเปล่าจ๊ะ?”

เหยาซื่อก็ถึงพูดอึกๆอักๆว่า “ก็มีเรื่องจริงๆนั่นแหละ แต่เรื่องนี้ข้าไม่รู้ว่าเริ่มต้นพูดยังไงดี”

ลู่ม่านอึ้ง “ไม่ใช่เรื่องงานหรอกนะ?”

“ไม่ใช่!” เหยาซื่อพูด “เมื่อครู่เอ้อร์หนิวกลับมาจากตลาด……”

นางลังเลสักพัก “วันนี้เจอแม่สามีเจ้าด้วย”

ลู่ม่านก็เข้าใจได้ทันที เรื่องนี้จะต้องเกี่ยวข้องกับเฉินหลี่ซื่อแน่นอน

“นางทำอะไรอีกแล้ว?”

เหยาซื่อก็ถึงเล่าเรื่องวันนี้ทั้งหมด ที่แท้วันนี้หวังเอ้อร์หนิวไปขายของในตำบลเหมือนวันปกติทั่วไป ตอนที่เตรียมกลับบ้าน ก็เจอเฉินหลี่ซื่อที่กำลังซื้อของอยู่

เฉินหลี่ซื่อเห็นผงเครื่องเทศสิบสามชนิดของหวังเอ้อร์หนิวขายดีมาก เลยเข้าไปดูเสียหน่อย ได้ยินคนพูดกันว่า ผงเครื่องเทศสิบสามชนิดเอามาทำผัดผักแล้วอร่อยๆมาก นางจึงอยากซื้อด้วย

ตอนนี้อาหารในบ้านก็มีแต่จ้าวซื่อกับหลิวซื่อที่ทำด้วยกันสองคน ฝีมือการทำอาหารของสองคนนั้นก็ไม่ค่อยเท่าไหร่ ช่วงนี้เฉินจื่อคังกินแค่สองคำก็วางตะเกียบเดินออกไปแล้ว

ดังนั้น นางจึงบอกว่าจะเอาหนึ่งขวด หลังจากที่หวังเอ้อร์หนิวบอกราคาไปแล้ว นางก็พูดว่า “นี่เป็นโรงงานที่จื่ออานของข้าผลิต เจ้ายังจะเอาเงินจากข้าอีกเหรอ? ไม่รู้ว่าจื่ออานเอาเงินให้เจ้าเดือนละเท่าไหร่ ถ้าไม่ใช่เพราะจื่ออานของข้าตระกูลหวังของพวกเจ้าก็ไม่รู้ว่าเป็นยังไงแล้วบ้าง เจ้ายังกล้าคิดเงินกับข้าอีกงั้นเรอะ?”

หวังเอ้อร์หนิวไม่ค่อยถนัดเรื่องทะเลาะกับคนอื่นเท่าไหร่ เขาได้ยินแล้วก็หน้าแดงระเรื่อแล้วพูดว่า “ถ้าป้าต้องการ ก็เอาไปหนึ่งขวดเถอะ”

เฉินหลี่ซื่อเห็นแล้วก็คิดว่าหวังเอ้อร์หนิวกลัวตัวเอง นางจึงใจกล้าขึ้นมา ข้างๆก็มีเพื่อนในหมู่บ้านที่เฉินหลี่ซื่อรู้จักพอดี ได้ยินเฉินหลี่ซื่อพูดแบบนี้ ก็รีบเดินเข้าไปหาทันที

“พี่สาว ลูกชายที่บ้านพี่สาวดีจริงๆเลย คนโตก็กตัญญู คนรองก็เชื่อฟัง คนสามก็มีความสามารถ คนสี่ก็เชิดหน้าชูตาให้กับตระกูล ไม่เหมือนลูกของพวกเรา ไม่รู้ว่าจะได้กินผงเครื่องเทศสิบสามชนิดนี้เมื่อไหร่”

ถ้าเป็นวันปกติ เฉินหลี่ซื่อไม่ฟังคำพูดโกหกของพวกเขาหรอกนะ แต่ตอนนี้อยู่ในตำบล คนอื่นยังมาชมเฉินจื่อคังอีก นางจึงได้ใจขึ้นมาทันที

“ดูพวกเจ้าพูดเข้าสิ อยากได้ก็เอาไปคนละขวดสิ”

แค่คิดก็รู้แล้วว่า คนที่สนิทกับเฉินหลี่ซื่อได้จะมีนิสัยเป็นยังไง บอกว่าเอาแค่ขวดเดียว สุดท้ายการกระทำของแต่ละคนก็อย่างกับโจร กวาดเอาผงเครื่องเทศสิบสามชนิดกับผลไม้กวนบนแผงขายของไปทั้งหมด

หวังเอ้อร์หนิวเป็นคนซื่อตรง แต่ก็ไม่ได้โง่ เฉินหลี่ซื่อเขาว่าอะไรไม่ได้ แต่คนอื่นๆ เขาไม่จำเป็นต้องทน ดังนั้น เขาจึงเข้าไปผลัก

พวกนางโกรธมากจึงทั้งตบทั้งตีทั้งข่วนหวังเอ้อร์หนิวจนระบมไปหมด

ลู่ม่านฟังจบแล้วก็ขมวดคิ้วเป็นปม

เรื่องนี้เฉินหลี่ซื่อยังทำออกมาได้อีก เป็นปัญหาของสังคมจริงๆ

“ขาดทุนไปเท่าไหร่?” ลู่ม่านถาม

เหยาซื่อรีบปัดมือ “เรื่องเงินก็ช่างเถอะ ไม่เกี่ยวกับพวกเขา ยิ่งไปกว่านั้น เป็นแม่ของจื่ออานอีกด้วย พวกเรามาที่นี่เพื่อบอกเรื่องนี้กับเจ้าก่อน เผื่อแม่สามีของเจ้าจะมาฟ้องก่อน……”

พอพูดจบ เสียงร้องไห้ของเฉินหลี่ซื่อก็ดังขึ้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน