ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 113

สีหน้าของเหยาซื่อประกายไปด้วยความโกรธ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ระเบิดออกมา แค่พูดว่า “ข้ากลับก่อนนะ……”

ลู่ม่านรู้จักนิสัยของเหยาซื่อดี นางมีแค้นแล้วต้องชำระแน่นอน ถ้าอยู่ต่ออาจจะเกิดเรื่องที่ไม่สามารถควบคุมได้ จึงพยักหน้าตกลง “เจ้าออกทางประตูหลังแล้วกัน เรื่องเงินข้ารู้ดีแก่ใจ ไม่ให้พวกเจ้าเสียเปรียบแน่นอน”

เหยาซื่อก็ถึงใจเย็นลงได้ แต่นางก็ยังส่ายหัว “ข้าบอกแล้วว่าไม่ต้อง ขอแค่เจ้ารับรู้เรื่องนี้แล้ว ข้ากับเอ้อร์หนิวก็ไม่กังวลอะไรแล้วล่ะ”

ว่าแล้ว นางก็เปิดประตูหลังเดินออกไป

ประตูไม้ด้านนอกถูกเฉินหลี่ซื่อตีจนเสียงดังสนั่น ลู่ม่านถอนหายใจอย่างเหนื่อยใจ กำลังจะไปเปิดประตูนั้น เฉินจื่ออานที่อ่านหนังสืออยู่ด้านในตลอดก็เข็นรถเข็นออกมา

“ข้าไปเอง”

“จื่ออาน……” ลู่ม่านพูดอย่างลังเล

“ข้าได้ยินหมดแล้ว!” เฉินจื่ออานมีอาการตึงเครียด “ตอนนี้แม่ทำเกินไปแล้วจริงๆ”

นั่นน่ะสิ เฉินหลี่ซื่อแน่ใจว่าลูกชายตัวเองเฉินจื่อคังจะได้เป็นขุนนางแน่นอน จึงไม่เอาคนในหมู่บ้านไว้ในสายตาเลย ถ้าเป็นเมื่อก่อน นางไม่มีทางทำตัวยโสโอหังแบบนี้หรอก

กำลังพูดอยู่นั้น เฉินหลี่ซื่อก็กรีดร้องเสียงดังออกมาจากด้านนอก “พวกเจ้ามันพวกเด็กอกัตญญู แม่แท้ๆมาแล้วยังไม่เปิดประตูให้อีกเรอะ”

ลู่ม่าน “……” ตอนนี้เป็นแม่แท้ๆ ตอนที่ลำเอียง แม่แท้ๆหายไปไหนล่ะ?

เฉินจื่ออานเดินไปเปิดประตู เฉินหลี่ซื่อรีบกระโจนเข้ามา แล้วร้องไห้ใหญ่โตต่อหน้าเฉินจื่ออาน “จื่ออาน เจ้าจะปล่อยให้หวังเอ้อร์หนิวมารังแกแม่ของเจ้าเหรอ?”

เหยาซื่อพูดอย่างจริงจังและมั่นใจ ตอนที่พูดยังโกรธจนกระทืบเท้า

เฉินจื่ออานโกรธจนไม่พูดไม่จา ลู่ม่านแกล้งทำเป็นถามว่า “หวังเอ้อร์หนิวทำไมเหรอ?”

เฉินหลี่ซื่อได้ยินแล้วก็กระทืบเท้าอีกครั้ง “หวังเอ้อร์หนิวไม่ใช่คนดีอะไร? ก็แค่พ่อค้าขายของ ข้าก็แค่อยากได้ผงเครื่องเทศสิบสามชนิดหนึ่งขวด เขาไม่ยอมให้ แถมยังลงไม้ลงมืออีกด้วย”

เฉินหลี่ซื่อพูดจบ ก็ร้องไห้โฮเสียงดัง “ชีวิตข้านี่มันโชคร้ายจริงๆ!”

จิ๊! ความสามารถการบิดเบือนข้อเท็จจริง ให้คะแนนเต็มร้อยเลย

“แม่แค่ไปขอผงเครื่องเทศสิบสามชนิดหนึ่งขวดแล้วเขาไม่ให้จริงเหรอ?” เฉินจื่ออานถามเสียงทุ้มต่ำ

“แน่นอนอยู่แล้วสิ!” เฉินหลี่ซื่อพูดอย่างมั่นอกมั่นใจ

เฉินจื่ออานรู้สึกผิดหวังต่อเฉินหลี่ซื่อมาก เขามองเฉินหลิ่วเอ๋อที่อยู่ด้านหลังของเฉินหลี่ซื่อ ตั้งแต่เรื่องครั้งนั้นของจวงลี่จ้ง เฉินหลิ่วเอ๋อก็ยังโกรธพวกเขาอยู่ พอเห็นเฉินจื่ออานมองมาก็รีบพูดทันทีว่า

“พี่สาม หรือพี่ยังไม่เชื่อแม่อีกเหรอ?”

เฉินจื่ออานไม่คาดหวังอะไรอีกแล้ว เขาพูดแทรกเสียงร้องไห้ของเฉินหลี่ซื่อ “แม่ เรื่องนี้ข้ารู้มาแล้ว แม่พาพวกป้าๆในหมู่บ้านไปแย่งของที่เขาขาย พี่เอ้อร์หนิวขาดทุนเยอะมาก ถึงอดไม่ได้ลงมือ และแม่ก็ไม่ได้บาดเจ็บอะไรด้วย”

เฉินหลี่ซื่อคงไม่คิดว่าเฉินจื่ออานจะรู้เรื่องนี้แล้ว นางอึ้งไปสองวินาทีแล้วพูดว่า “ข้าจะแย่งของได้ยังไงกัน? นั่นเป็นของที่เจ้าให้เขา เจ้าเป็นลูกชายของข้า”

จนถึงตอนนี้ นางยังไม่รู้สึกว่าตัวเองทำผิดอีก

เฉินจื่ออานแทบจะหัวเราะออกมา “แม่ ของเป็นสินค้าที่โรงงานของเราผลิตก็จริง แต่ว่า พี่เอ้อร์หนิวพวกเขาตอนนี้ขายส่งเอง นั่นเป็นของของพวกเขา ตอนนี้ แม่ไปแย่งของที่คนอื่นเขาขายกลางวันแสกๆ แม่คิดว่าเหมาะสมเหรอ? ถ้าเป็นคนอื่นคงไปฟ้องศาลนานแล้ว!”

ฟ้องศาลสองคำนี้ทำเอาเฉินหลี่ซื่อเกิดความลังเลขึ้นมา แต่ไม่นาน นางนึกถึงเฉินจื่อคังก็เชิดหน้าขึ้นมาทันที “เป็นคนหมู่บ้านเดียวกัน ข้าไม่ได้ทำอะไรมากเสียหน่อย? เขาจะฟ้องอะไร?”

เฉินจื่ออานหมดคำจะพูดทันที สำหรับเฉินหลี่ซื่อแล้วอาจจะไม่สำคัญ

ลู่ม่านจึงพูดไปว่า “จื่ออาน ช่วงนี้ข้าได้ยินมาว่าตอนนี้สอบชิ่วไฉ เหมือนจะตรวจสอบด้านชื่อเสียงและการประพฤติด้วยนะ ได้ยินมาว่ามีบ้านหนึ่ง การเรียนค่อนข้างดี แต่เพราะญาติที่บ้านทำชื่อเสียงเสียหาย ทำให้พลาดโอกาสการเป็นชิ่วไฉไปเลย!”

เฉินจื่ออานได้ยินแล้วก็มองลู่ม่านอย่างลึกซึ้ง ความจริงแล้ว เขาก็ไม่มีทางเลือกกับลู่ม่านจริงๆ

แต่ว่า ดูท่าเฉินหลี่ซื่อเหมือนจะติดกับดัก นางรีบเข้าไปจับมือลู่ม่านเอาไว้ จนลืมไปแล้วว่าก่อนหน้านี้ความสัมพันธ์ของทั้งสองแย่มาก “ที่เจ้าพูดมาเป็นบ้านไหน?”

ลู่ม่านชักมือกลับมาแล้วพูดว่า “ข้าก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน อาจารย์โจวบอกมา”

ได้ยินว่าเป็นอาจารย์โจวบอกมา เฉินหลี่ซื่อก็แน่ใจมาก นางอยากจะถามว่าควรทำยังไงดี? เฉินหลิ่วเอ๋อที่อยู่ด้านหลังก็จับไหล่ของเฉินหลี่ซื่อไว้ แล้วกระซิบพูดเสียงเบา

“แม่ มีเรื่องแบบนี้ที่ไหนกัน? นางอาจจะหลอกแม่ก็ได้นะ”

เฉินหลิ่วเอ๋อเตือนแบบนี้ เฉินหลี่ซื่อก็ใจเย็นลงทันที “พวกเจ้าหลอกข้า?”

ลู่ม่านก็ทำหน้าสบายๆ “หลอกหรือไม่ รอเกิดเรื่องแล้วพวกเจ้าก็จะรู้เอง แต่ว่า ถ้าถึงตอนนั้นจริงๆ เกรงว่าจะไม่ทันแล้ว ข้าได้ยินมาว่า ถ้าคนที่ไม่ได้รับเลือก ขนาดจิ้นซื่อก็สอบไม่ได้แล้ว…….”

“ได้ยังไงกัน? จื่อคังของข้าดีขนาดนั้น จะไม่ให้สอบได้ยังไง?”

ลู่ม่านรู้ว่านางเชื่อแล้ว จึงพูดต่อว่า “จะให้สอบหรือไม่ ก็ต้องดูว่าทางบ้านหวังจะตกลงหรือเปล่า ถ้าพวกเขายอมปล่อยเรื่องนี้ให้ผ่านไป ไม่แน่อาจจะไม่เป็นไรก็ได้ แต่ว่า ถ้าหวังเอ้อร์หนิวอยากฟ้องศาล อาจจะไม่แน่ก็ได้นะ”

เฉินหลี่ซื่อกัดฟัน “เป็นคนหมู่บ้านเดียวกันจะไปฟ้องศาลทำไมกัน?” แต่ครั้งนี้ น้ำเสียงของนางดูไม่มั่นใจเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว อ่อนโยนลงมามาก

ลู่ม่านไม่ได้พูดอะไร แค่พูดกับเฉินจื่ออานเหมือนไม่ได้ตั้งใจว่า “ครั้งก่อนบ้านนั้นเหมือนจะจ่ายเงินไปเยอะมากเลยนะ ต้องไล่เอาเงินไปขอโทษคนในหมู่บ้านใช่ไหม?”

เฉินจื่ออานมองดูผู้หญิงเจ้าเล่ห์ตรงหน้า อดไม่ได้มองนางอย่างไม่เห็นด้วย แต่สุดท้ายก็อดไม่ไหว ยิ้มจนดวงตาเป็นจันทร์เสี้ยว

ลู่ม่านพูดจบ ก็เข็นเฉินจื่ออานเข้าไป เฉินหลี่ซื่อกับเฉินหลิ่วเอ๋อยืนอยู่กับที่นานมาก ถึงจะเดินกลับไป

ตกดึก ตระกูลหวังที่อยู่ข้างๆมีเสียงคึกคักดังขึ้น คนที่ผ่านมาหน้าประตูเห็นลู่ม่านก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “พรุ่งนี้พระอาทิตย์ต้องขึ้นทางตะวันตกแน่เลย แม่สามีของเจ้าไปขอโทษกับตระกูลหวัง แถมยังเอาของขวัญไปเยอะมากด้วย”

ลู่ม่านแกล้งทำเป็นตกใจ “จริงเหรอ?”

“จริงแท้แน่นอน แม่สามีเจ้าอยู่ที่นั่นนานมาก เหยาซื่อไม่ยอมรับของ ไม่ว่ายังไงก็ไม่ยอมง่ายๆ”

ลู่ม่านแกล้งทำเป็นชะโงกหน้าไปมอง จนกระทั่งคนคนนั้นเดินออกไปไกลแล้วก็ถึงหัวเราะออกมาเสียงดังอย่างอดใจไม่ไหว ที่จริงคนอย่างเฉินหลี่ซื่อ ถ้าจับจุดอ่อนของนางได้ ก็จัดการง่ายมากเลยนะ

เรื่องนี้ก็ถือว่าผ่านไปแล้ว เช้าวันต่อมาเหยาซื่อบอกกับลู่ม่านว่า ไม่อยากรับของจากเฉินหลี่ซื่อ ไม่รู้ว่าเฉินหลี่ซื่อเป็นอะไรไป กลัวจะมีอะไรผิดปกติอีก

ลู่ม่านพูดอย่างเรียบเฉยว่า “ในเมื่อให้เจ้า เจ้าก็รับไว้เถอะ คนทั้งหมู่บ้านรู้กันหมดแล้ว นางจะกล้าทำอะไรเจ้าได้อีก?”

เหยาซื่อได้ยินแล้วก็รับเอาไว้อย่างสบายใจ

แต่ต่อมาลู่ม่านได้ยินเหอฮัวพูดขึ้นโดยไม่ตั้งใจ และได้รู้ว่าวันนั้นเฉินหลี่ซื่อโดนตาแก่เฉินด่า ก่อนที่คะแนนของเฉินจื่อคังจะออกมาอย่างเป็นทางการ อย่าไปหาเรื่องใครอีก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน