ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 116

สุดท้ายแล้วเฉินหลิ่วเอ๋อก็ยังเด็กเกินไป ก่อนที่เฉินจื่ออานจะเอ่ยปากพูด นางก็จ้องไปทางเฉินจื่อฟู่ด้วยสายตาดูถูก พร้อมกับพูดเสียงเบา “คนบ้านนอกคนบ้านนอกชอบคิดอะไรตื้นๆ”

ถึงแม้เสียงจะไม่ดัง แต่เพราะนางกำลังโมโห ทุกคนจึงได้ยินชัดเจน

สีหน้าของเฉินจื่อฉายเปลี่ยนไปในทันที เฉินจื่ออานเองก็ขมวดคิ้วเช่นกัน ลู่ม่านยิ้มเยาะในใจ โง่จริงๆ เฉินหลิ่วเอ๋อพูดอย่างนี้มันยั่วยุให้เกิดความขัดแย้งชัดๆ บรรยากาศที่ผ่อนคลายลงเล็กน้อยก็ถูกจุดเดือดขึ้นมาอีกครั้ง

ตาแก่เฉินตะโกนดุอย่างรวดเร็ว “หลิ่วเอ๋อ เจ้าพูดบ้าอะไรของเจ้ากัน”

เฉินหลิ่วเอ๋อพูดขึ้น “ข้าไม่ได้พูดผิดนี่นา ตอนนี้พี่สี่ยังสอบไม่ติด พวกเขาก็คิดแต่จะไปเสพสุข…”

ก่อนที่นางจะพูดจบ นางก็ถูกตบหน้าเสียก่อน ส่วนคนที่ตบไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นมือที่อวบอ้วนของเฉินจื่อฟู่นั่นเอง

ทุกคนพากันนิ่งเงียบ และเฉินจื่อฟู่ก็ตะโกนด่าออกมา “พูดบ้าอะไรของเจ้า พี่สี่ของเจ้าจะสอบไม่ติดได้เยี่ยงใด”

ลู่ม่าน “…” เฉินจื่อฟู่คนนี้สุดยอดจริงๆ

หลังจากพูดแบบนี้ออกไป ก็จะไม่มีใครตำหนิเขาที่ตบหน้าเฉินหลิ่วเอ๋อ ไม่แน่ บางทีอาจมีคนที่คิดว่าเขาตบได้ดี เช่น เฉินจื่อคังผู้ซึ่งวาดหวังที่จะสอบติด

แม้แต่เฉินหลี่ซื่อที่ตามใจลูกสาวคนนี้มาก ตอนนี้ก็ไม่กล้าพูดอะไร เฉินหลิ่วเอ๋ออยากจะร้องไห้ต่อ แต่ตาแก่เฉินตะโกนใส่เฉินหลี่ซื่อซะก่อน “ยังไม่รีบพานางไปด้านหลังอีก”

เฉินหลี่ซื่อรีบปิดปากของเฉินหลิ่วเอ๋อไว้อย่างรวดเร็ว “หลิ่วเอ๋อ หยุดพูด”

ทุกคนนิ่งเงียบลง ก่อนที่เฉินจื่ออานจะพูดออกมา “ที่พี่รองพูดจะไปเมืองหลวงนั้นถึงจะดี แต่ด้วยสภาพของข้าในตอนนี้ อะไรก็ทำไม่ได้ และไม่สะดวกในการเดินทางไกลด้วย”

“เหตุใดจะไม่ได้ล่ะ มีพี่รองทั้งคน!” เฉินจื่อฟู่ยังไม่ยอมแพ้ แต่ลู่ม่านรู้ ว่าเฉินจื่อฟู่แค่ต้องการให้พวกเขาเป็นตัวนำร่อง แต่แน่นอนว่าจุดประสงค์หลักของเขาไม่ได้อยากให้พวกเขาไปด้วย

แต่สำหรับลู่ม่านแล้ว นางไม่มีความทรงจำที่ดีต่อเฉินจื่อฟู่กับเฉินจื่อคังเลย พวกเขาจะไปก็ไปเถอะ

ลู่ม่านจึงยอมช่วยเขา ก่อนจะยกยิ้มแล้วพูด “พี่รอง พี่พูดจริงเหรอ ถ้าพวกเราไป ท่านจะช่วยดูแลจื่ออานจริง ๆ ใช่หรือไม่”

พอเฉินจื่อฟู่เห็นว่ามีโอกาส เขาก็รีบพยักหน้าอย่างรวดเร็ว “แน่นอน พวกเราเป็นพี่น้องกันนี่นา”

“ถ้าอย่างนั้นพวกเรา…” ลู่ม่านจงยืดเสียงยาวและมองทางเฉินจื่อคัง วินาทีต่อมา ในที่สุดเฉินจื่อคังก็พูดออกมา “พี่รอง ในเมื่อพี่สามไม่อยากไปด้วย ก็ช่างเถอะ พี่รองกับพี่สะใภ้รองรีบกลับไปเก็บข้าวของก่อน รถที่ข้าเช่ามากำลังจะมาถึงแล้ว”

หลังจากเฉินจื่อฟู่ได้คำตอบที่แน่นอนแล้ว เขาก็ไม่สนใจว่าเฉินจื่ออานและคนอื่นๆ จะได้ไปหรือไม่ เขารีบตะโกนสั่งหลิวซื่อ ที่กำลังยุ่งอยู่ข้างนอก “ยังไม่รีบไปเก็บข้าวของให้ข้าอีก!”

หลิวซื่ออ้าปาก แล้วพูดพึมพำ “แต่ว่าท่านพี่ เหอฮัวยังทำงานอยู่...”

“ใครบอกว่าข้าจะพาพวกเจ้าไปด้วย?” เฉินจื่อฟู่พูดอย่างเย็นชา “สถานการณ์ที่นั่นยังไม่แน่นอน พวกข้าจะไปสำรวจเส้นทางกันก่อน เจ้าอยู่บ้านไป ยังมีอีกหลายสิ่งที่ต้องทำ...”

และไม่รู้ว่าหลิวซื่อตอบยังไง เสียงในห้องค่อยๆ หายไป ส่วนทางฝั่งของจ้าวซื่อก็เริ่มร้องไห้ทีละคน ในตอนแรกสือซ่วนกับเถาฮัวกอดจ้าวซื่อร้องไห้ไม่หยุด

จ้าวซื่อพยายามพูดปลอบโยนพวกเขาอยู่สักพัก โดยบอกว่าถ้าสถานการณ์มั่นคงแล้วนางจะกลับมารับพวกเขา สือซ่วนนั้นอายุมากกว่า และเข้าใจง่ายกว่า ดังนั้นเขาจึงปล่อยจ้าวซื่อออกช้าๆ

แต่เถาฮัวยังไงก็ไม่ยอมปล่อย เดิมทีนางก็ถูกประคบประหงมเลี้ยงดูมา และค่อนข้างติดจ้าวซื่อมาก โดยเฉพาะหลังจากจ้าวซื่อถูกจับไป นางก็ยิ่งรู้สึกไม่ปลอดภัยมากขึ้น

จนกระทั่งเสียงรถม้าดังขึ้นนอกประตู จ้าวซื่อก็ยังไม่สามารถสะบัดนางไปได้ ดังนั้นจึงได้แต่อุ้มนางรีบวิ่งไปที่รถม้า

เฉินหลี่ซื่อรีบตะโกนออกมา “เด็กน้อยแบบนี้อุ้มมาด้วยทำไม ตกลงเจ้าดูแลพวกข้าหรือดูแลนาง?”

จ้าวซื่อทำเสียงอ่อนลงและพูดขอร้อง “เถาฮัวยังเล็ก ไม่เปลืองที่นั่ง ข้าจะดูแลนางเอง”

“ไม่ได้! ถ้านางร้องส่งเสียงดังตลอดทางไม่รำคาญตายหรือไง” นี่คือเสียงของเฉินหลิ่วเอ๋อ หลังจากพูดจบ นางก็พยายามแกะมือของเถาฮัวออก แล้วเสียงร้องไห้ที่เพิ่งหยุดไปก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง

ชาวบ้านบางคนที่ถูกรถม้าสร้างความสนใจจนเดินมาดูก็ถามขึ้นมา “เกิดอะไรขึ้น นี่บ้านพวกเจ้าจะทิ้งเด็กเล็กหรือไง”

ตาแก่เฉินรู้สึกเสียหน้ามาก จึงยิ้มแล้วรีบพูด “ไม่ใช่หรอก พวกข้าจะทำแบบนั้นได้ยังไงกัน” เขาหันไปมองเถาฮัว “หยุดร้องไห้ ย่าของเจ้าไม่ได้หมายความอย่างนั้น นางพูดล้อเล่นเท่านั้นเอง”

สุดท้ายท่ามกลางเสียงอึกทึก ผู้อาวุโสคนทั้งสองของตระกูลเฉิน เฉินจื่อคัง เฉินหลิ่วเอ๋อ เฉินจื่อฟู่ และจ้าวซื่อสองแม่ลูกก็ออกเดินทางสู่เมืองหย่งอาน พอรถม้าเคลื่อนตัว ตาแก่เฉินก็หันกลับมาสั่งเฉินจื่อฉายว่า “ดูแลบ้านด้วย”

เฉินจื่อฉายพยักหน้า เฉินสือซ่วนตัวน้อยที่อยู่ข้างหลังมองตามรถม้าที่หายไปด้วยดวงตาสีแดง ก่อนจะยกมือขึ้นเช็ดทิ้ง ไม่ปล่อยให้น้ำตาไหลลงมา

ผิดกับหลิวซื่อที่มองดูรถม้าจากไปไกล นางคิดว่าเฉินจื่อฟู่จะพูดทิ้งท้ายอะไรบ้าง แต่ตั้งแต่ขึ้นรถม้า เฉินจื่อฟู่ก็ไม่แม้แต่จะมองนางเลยสักนิด แล้วจากไปแบบนี้เลย

รถเคลื่อนที่จากไปทางเข้าหมู่บ้าน เฉินจื่อฉายหันกลับมาและจูงมือเฉินสือซ่วนเดินกลับบ้าน “กลับกันเถอะ!”

หลิวซื่อยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาตรงขอบตา “เหอฮัวยังไม่รู้เลยว่าพ่อของนางจากไปแล้ว ถ้านางรู้...”

ลู่ม่านขมวดคิ้ว “พี่สะใภ้รอง เหอฮัวต้องไม่เสียใจแน่นอน”

หลิวซื่อรู้สึกแปลกใจ “ยังไงเขาก็เป็นพ่อของนาง...”

ลู่ม่านจะต้องถูกความซื่อบื้อของหลิวซื่อทำให้โมโหตายแน่ๆ “พ่อแบบนี้ ไม่มีเลยจะดีกว่า หลังจากพวกเขาชีวิตของเจ้าก็จะสบายขึ้นไม่ใช่หรือไง เวลาที่ว่างออกมา เจ้าสามารถทำอะไรก็ได้ที่ตัวเองอยากจะทำ ในอนาคตถ้าเจ้ามีอิสระแล้ว เจ้ายังต้องกังวลว่าคนอื่นจะต่อว่าที่เจ้าให้กำเนิดลูกชายไม่ได้อีกไหม? ”

ลู่ม่านพูดตรงมาก หลังจากพูดจบ นางก็ไม่ทำหน้าตาที่ดีให้กับหลิวซื่อ แล้วผลักรถเข็นของเฉินจื่ออานจากไป

วันรุ่งขึ้น ตอนที่ลู่ม่านเห็นเหอฮัว เป็นไปตามที่คาดเด็กนั้นสีหน้าสดใสเต็มไปด้วยพลัง นางบอกว่าท่านพ่อกับท่านย่าของนางไม่อยู่บ้านแล้ว ไม่มีใครด่าว่านาง ไม่มีใครสั่งให้นางทำงาน นางมีความสุขมาก

ลู่ม่านเอื้อมมือไปลูบศีรษะของนาง “แม่ของเจ้าล่ะ”

“นาง?” ท่าทางที่สดใสของเหอฮัวซึมลงเล็กน้อย “ท่านแม่ก็ยังคงเหมือนเดิม”

ลู่ม่าน “...”

ด้วยนิสัยของหลิวซื่อ จะต้องผ่านเหตุการณ์ที่รุนแรงที่สุดนางถึงจะรู้สึกตัวใช่ไหม? แต่ก็ไม่รู้ ว่าจะมีโอกาสนั้นไหม

ลู่ม่านยังพูดถึงเงินที่เหอฮัวฝากไว้ที่นาง แม้กระทั่งค่าทำงานล่วงเวลาและโบนัสที่เหอฮัวได้ ก็อยู่กับนางทั้งหมด

จนถึงตอนนี้ รวมแล้วมีประมาณสามพวงแล้ว

ลู่ม่านจึงถามว่า “ตอนนี้พ่อของเจ้าไม่อยู่บ้านแล้ว เจ้าสามารถใช้เงินทำอะไรก็ได้”

เหอฮัวส่ายหน้า “ข้าไม่รู้ว่าข้าจะเอาไปทำอะไรได้บ้าง น้าสามช่วยเก็บไว้ให้ข้าก่อนเถอะ! ถ้าข้าต้องการจะใช้ ข้าจะขอน้าสามเอง”

ลู่ม่านพยักหน้า แล้วไม่พูดเรื่องนี้อีก

พริกในห้องครัวของนาง ผลิดอกออกมาอีกครั้ง และออกพริกรอบใหม่ ลู่ม่านไม่กล้ากินแม้แต่เม็ดเดียว รอจนมันแก่แล้วเด็ดมันมาตากแดดให้แห้งเก็บไว้ ทำเป็นเมล็ดพันธุ์

ในช่วงกลางเดือนสาม บ้านใหม่ของลู่ม่านในที่สุดก็ถูกสร้างขึ้นจนเสร็จ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน