ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 118

โดยเฉพาะหลังจากปูลงบนเตียงแล้ว พอผสมเข้าในห้อง ก็ดูเข้ากันได้อย่างลงตัว

ลู่ม่านอดที่จะก้มหน้าลงไปหอมแก้มของเฉินจื่ออานไม่ได้ เฉินจื่ออานคุ้นเคยกับการแสดงความรู้สึกของลู่ม่านแบบนี้แล้ว คราวนี้ หลังจากที่ลู่ม่านแตะจุ๊บลงไปเบาๆ แล้วเตรียมจะผละออกไป เฉินจื่ออานก็คว้าเอวของลู่ม่านไว้

วินาทีต่อมา ใบหน้าที่หล่อเหลาขยายใหญ่ขึ้นตรงหน้าลู่ม่าน เฉินจื่ออานยิ่งจูบลึกซึ้งขึ้น

จนกระทั่งเสียงแสดงความยินดีกับเขาดังขึ้นนอกประตู ทั้งสองก็แยกจากกันอย่างรวดเร็ว

ริมฝีปากสีเชอร์รี่ของลู่ม่านทั้งแดงและบวม ก่อนจะถลึงตาใส่เฉินจื่ออานด้วยความโกรธ “สภาพแบบนี้จะออกไปเจอผู้คนได้ยังไง”

เฉินจื่ออานหัวเราะชอบใจ แล้วรีบออกไปขวางทางเหยาซื่อไว้

ลู่ม่านใช้ประโยชน์จากเวลานี้รีบวิ่งไปที่ห้องน้ำล้างหน้า น้ำเย็นจากบ่อน้ำลดอาการบวมลงไปเล็กน้อย ก่อนจะหันหลังเดินออกไป

เหยาซื่อกลับมาจากการซื้อของ วันนี้ตอนเช้าลู่ม่านเขียนรายการวัตถุดิบให้หวังเอ้อร์หนิว ให้เขาช่วยซื้อกลับมาให้ด้วย ไม่ได้มีแค่เนื้อหมู แล้วยังมีซี่โครงหมู เนื้อแกะ และหลากหลายประเภท

ไม่เพียงเท่านั้น แต่ลู่ม่านยังเตรียมผักและผลไม้ด้วย ทุกคนที่มาร่วมงานขึ้นบ้านใหม่ ก็จะได้รับชุดของขวัญผลไม้กวนสองขวด

ในตอนที่กำลังเตรียมตัว หวังเอ้อร์หนิวก็เดินเข้ามาจากด้านนอก ตามด้วยเถ้าแก่จางที่รีบเดินเข้ามา

“เถ้าแก่จาง ทำไมวันนี้ท่านถึงมาเร็วเช่นนี้” ลู่ม่านยกยิ้ม

เถ้าแก่จางยกยิ้มเบา ๆ “วันนี้พวกท่านจะย้ายเข้าไปอยู่บ้านใหม่ ข้าจะไม่มาได้ยังไง”

แม้ว่าเขาจะยังยิ้มอยู่ แต่ท่าทางของเถ้าแก่จางไม่ดีเท่าช่วงก่อนหน้านี้ เห็นได้ชัดว่าเฉินจื่ออานเองก็สังเกตเห็นเช่นกัน จึงเหลือบมองไปที่ลู่ม่านอย่างรวดเร็ว

เฉินจื่ออานรีบพูด “เถ้าแก่จาง เข้าไปเดินเล่นหน่อยไหม”

เถ้าแก่จางพยักหน้า ก่อนจะเดินตามหลังเฉินจื่ออานไป หลังจากนั้นไม่นาน เฉินจื่ออานก็กลับมา แล้วกระซิบข้างหูของลู่ม่าน “ข้าคิดว่าคงจะเป็นเพราะเรื่องผงเครื่องเทศสิบสามชนิด”

“ทำไม?” ลู่ม่านเอ่ยถาม

“หรือจะเป็นเพราะครั้งที่แล้วที่ท่านแม่กับพี่เอ้อร์หนิวทะเลาะกัน เจ้ายังจำได้ไหม ตอนนั้นมีบรรดาป้าๆ หลายคนในหมู่บ้านของเราอยู่ด้วย ได้ยินมาว่า ป้าๆ พวกนั้นไปบอกคนอื่นว่าผงเครื่องเทศสิบสามชนิดของเรารสชาติแย่มาก ทำออกมาเป็นผงไม่รู้ว่าทำมาจากอะไร กินแล้วท้องเสีย แต่เพราะช่วงนี้พี่เอ้อร์หนิวไม่ได้ไปขายของในตำบล ไม่อย่างนั้นผงเครื่องเทศสิบสามชนิดของเขาก็คงขายไม่ออกเหมือนกัน”

ยังเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาด้วย? ลู่ม่านขมวดคิ้ว “คนพวกนั้นไม่ซื้อเพราะคำพูดใส่ร้ายของป้าๆ พวกนั้น?”

เฉินจื่ออานถอนหายใจ “เพราะคนส่วนใหญ่ยังไม่เคยลิ้มรส พอได้ยินแบบนี้ใครจะกล้ากินอีก? เพราะผลกระทบของฝั่ง ภัตตาคารเฟิ่งหลายที่มีต่อพวกคนรวยดีมาก และตอนนี้พวกคนรวยในเมืองก็ซื้อไปหมดแล้ว ดังนั้นก็เลยขายยาก”

ลู่ม่านขมวดคิ้ว “เถ้าแก่จางกังวลว่าสินค้าที่ซื้อจากเราไปก่อนหน้านี้จะขายไม่ออก?”

เฉินจื่ออานพยักหน้า เพราะสิ่งนี้เก็บไว้ได้ไม่นาน

ลู่ม่านเข้าใจเรื่องราวคร่าวๆ แล้ว สาเหตุหลักของเรื่องเป็นเพราะทุกคนยังไม่รู้จักผงเครื่องเทศสิบสามชนิด ทำให้พอถูกใส่ร้ายเล็กน้อยก็ไม่กล้าซื้อแล้ว โดยเฉพาะชาวบ้านธรรมดา เพราะพวกเขาก็ไม่คิดจะเสียเงินไปซื้อเครื่องปรุงอะไรพวกนี้ด้วย

“จื่ออาน ในโรงงานของเรา ช่วงนี้มีกล่องไม้ไผ่ที่บรรจุผงเครื่องเทศสิบสามชนิดที่เตรียมจะส่งออกไปหรือเปล่า?”

เฉินจื่ออานตกตะลึง “มีสิ เสี่ยวม่าน เจ้าคิดจะทำอย่างไร”

“ไปเอามา!” ลู่ม่านตัดสินใจอย่างเด็ดขาด “ของขวัญตอบแทนในวันนี้ เราจะเพิ่มอีกหนึ่งอย่าง” ถือว่าเป็นการบอกปากต่อปากฟรีก็แล้วกัน!

“แล้วอีกอย่าง อย่าเพิ่งยกอาหารประเภทเนื้อสัตว์ที่เตรียมในวันนี้ออกไป! เก็บไว้ก่อน ยกอาหารประเภทผักออกไปก่อน”

วันนี้ลู่ม่านเตรียมผักกาดขาวไว้จำนวนมาก เดิมทีลู่ม่านคิดจะใช้เพื่อล้างท้องภายหลัง แต่ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้ คงต้องใช้เป็นของหวานก่อนอาหารแล้วล่ะ

เฉินจื่ออานตกตะลึงไปสักพัก ก่อนที่ดวงตาของเขาจะเป็นประกายขึ้นมา “เสี่ยวม่าน เจ้าคิดจะ...”

ลู่ม่านยกยิ้ม “ถือเป็นการโฆษณาไปในตัวก็แล้วกัน”

การโฆษณาคืออะไร แน่นอนว่าเฉินจื่ออานไม่เข้าใจ การที่ลู่ม่านพูดคำศัพท์ใหม่ออกมาได้อยู่ตลอด เขาคุ้นชินไปแล้ว

เขาเริ่มเข้าใจความหมายคร่าวๆ แล้ว เขาจึงหันกลับไปที่สั่งคนงานในโรงงานให้เตรียมเตรียมผงเครื่องเทศสิบสามชนิด ลู่ม่านจึงรีบไปคุยเรื่องอาหารกับเหยาซื่อ

งานเลี้ยงขึ้นบ้านใหม่ของลู่ม่านจะเริ่มขึ้นตอนเที่ยง แต่ทุกคนต่างก็แปลกใจกับบ้านของลู่ม่านมาก ดังนั้นยามซื่อก็มีคนมาเยอะมากแล้ว

หมายเหตุ: หนึ่งชั่วโมงในสมัยโบราณคือสองชั่วโมงในปัจจุบัน ยามซื่อคือ เวลาเก้า-สิบเอ็ดโมงเช้า

ลู่ม่านเตรียมการเสร็จพอดี เพราะเชิญพ่อครัวมืออาชีพมาทำอาหารโดยเฉพาะ เหยาซื่อจึงมีเวลาพาพวกเขาไปเดินดูรอบบ้าน

หลิวซื่อเองก็มา นางไม่ค่อยชอบพูด ดังนั้นนางจึงอยู่ช่วยงานในครัว ลู่ม่านนึกถึงเรื่องที่คุยกับเหอฮัวก่อนหน้านี้ ยิ่งคิดนางก็ยิ่งโกรธ แต่นางก็ทำอะไรไม่ได้

ทุกคนต่างก็ชื่นชมบ้านหลังนี้ไม่หยุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งห้องน้ำและน้ำที่ไหลออกมาให้ใช้งานในห้องครัวของลู่ม่าน

ของพวกนี้เหยาซื่อรู้ดี และพยายามอธิบายทีละเรื่องอย่างอดทน ทุกคนพากันอยากจะทำแบบนี้ไว้ที่บ้าน แต่หลังจากถามราคาจากเหยาซื่อแล้ว ทุกคนก็เลิกคิดเรื่องนี้ไปเลย

เหยาซื่อเป็นคนพูดเก่ง พอเห็นแบบนี้จึงพูดขึ้นมาว่า “ทุกคนอย่าเพิ่งท้อ ตอนนี้หมู่บ้านของเราไม่เหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไปแล้ว ขอแค่ตั้งใจทำงาน ไม่ว่าจะแกะสลักกล่องไม้ไผ่ หรือไปทำงานในโรงงาน ก็สามารถหาเงินได้แล้ว สักวันพวกเราก็สามารถสร้างบ้านแบบนี้ได้เหมือนกันจริงไหม”

พอพูดแบบนี้ออกไป ทุกคนก็หัวเราะออกมา

หลิวซื่อเสียงของเหยาซื่อ ในแววตาของนางเต็มไปด้วยความอิจฉา ลู่ม่านสังเกตอย่างเงียบๆ อยู่สักพัก และหลังจากที่มีแววตาอิจฉาของนางสักพัก นางก็กลับมาสงบนิ่งตามเดิม ลู่ม่านถอนหายใจแล้วเดินออกไป

พอถึงช่วงสายยามซื่อ ท่านอู๋ก็มาถึง รวมถึงผู้ดูแลร้านช่ายจากภัตตาคารเฟิ่งหลายก็มาเป็นตัวแทนคุณชายรองจวงพร้อมกับมอบของขวัญแสดงความยินดี คุณชายรองจวงทุ่มทุนมาก ถึงขั้นมอบของขวัญให้เป็นฉากกั้นผ้าปักสี่ฤดูกาล

ไม่ว่าจะฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง หรือฤดูหนาว ต่างก็มีความงดงามมาก โดยเฉพาะ พอหันกลับมามองถึงได้พบว่า มันเป็นการปักแบบสองด้าน และทั้งสองด้านต่างก็งดงามไม่แพ้กัน

ทุกคนต่างเดินชมด้วยความตื่นเต้นอยู่สักพัก ก่อนจะพูดกันว่าเฉินจื่ออานจะได้มีชีวิตสุขสบายแล้ว

พอลู่ม่านเห็นแบบนี้จึงหันหลังกลับเข้าไปในห้อง เพื่อไปหาเฉินจื่ออาน

หลังจากพักรักษาตัวมาหลายเดือน ขาของเฉินจื่ออานก็หายเป็นปกติแล้ว วันนี้ ลู่ม่านให้เขาเปลี่ยนเป็นชุดยาวที่นางเตรียมไว้ แล้วนำเก้าอี้รถเข็นออกไป

พอลู่ม่านเดินเข้ามา เฉินจื่ออานก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว แต่เขารู้สึกอึดอัดมาก

“เสี่ยวม่าน เป็นเพราะเคยชินแล้วหรือเปล่า ทำไมพอไม่มีเก้าอี้รถเข็นแล้ว ข้าถึงรู้สึกทำอะไรไม่ถนัดเลย?” ลู่ม่านหัวเราะออกมาเบา ๆ “ไม่ใช่เพราะเจ้าไม่ได้ใช้รถเข็น แต่เพราะเจ้าสวมชุดนี้ผิดต่างหาก”

จนถึงตอนนี้เฉินจื่ออานถึงรู้ “จริงด้วย เป็นอย่างนั้นจริงๆ เสี่ยวม่าน ถ้าอย่างนั้น ข้าควรจะใส่ชุดสั้นเหมือนเดิมดีกว่า!”

“ไม่ได้!” ลู่ม่านแสร้งทำเป็นไม่พอใจ “ถ้าเป็นวันธรรมดาข้าจะตามใจเจ้า แต่วันนี้เป็นวันขึ้นบ้านใหม่อย่างเป็นทางการของเรา เจ้าจะทำเป็นไม่ใส่ใจไม่ได้” ที่สำคัญ วันนี้มีกลุ่มคนที่ทำการค้าขายด้วยกันมาด้วย ลู่ม่านไม่อยากให้เฉินจื่ออานดูด้อยกว่าคนอื่น

ดังคำกล่าวที่ว่า ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง

พอเฉินจื่ออานใส่แบบนี้ เขาดูหล่อเหลา และสง่าผ่าเผย ไม่ได้ด้อยไปกว่าใครเลยแม้แต่น้อย

เฉินจื่ออานรีบยกมือยอมแพ้ “ได้ เจ้าว่าอย่างไรข้าก็ว่าอย่างนั้น”

“มันก็ต้องอย่างนั้นสิ!” ลู่ม่านยกยิ้มอย่างพอใจ

หลังจากช่วยเขาจัดเสื้อผ้าแล้ว ทั้งสองก็เดินออกไปข้างนอกพร้อมกันช้าๆ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน