ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 119

แขกด้านนอกนั่งลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และพอลู่ม่านกับเฉินจื่ออานเดินออกมา ผู้ใหญ่บ้านก็มาถึงพอดี

เฉินจื่ออานรีบเดินไปต้อนรับ พอผู้ใหญ่บ้านเห็นเฉินจื่ออานเดินมาต้อนรับอย่างสง่าผ่าเผย เขาก็ตกตะลึงจนเบิกโตทันที “นี่ จื่ออาน ขาของเจ้าหายดีแล้ว?”

ชาวบ้านที่อยู่ใกล้พอได้ยินแบบนี้ก็มองไปที่เฉินจื่ออานด้วยความตกใจ บรรยากาศที่เงียบงันในตอนแรกก็มีเสียงกระซิบคุยกันดังออกมา เฉินจื่ออานมองไปรอบๆ ด้านแล้วยกยิ้มพร้อมกับพูดว่า

“ขอขอบคุณทุกท่านที่เป็นห่วง ขาของข้าหายดีแล้วจริงๆ ตลอดช่วงที่ผ่านมา ข้าได้รับความห่วงใยจากทุกท่านมามาก เรื่องนี้ข้าจะไม่ลืมมันเลย!”

หนังสือที่เฉินจื่ออานอ่านในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมาไม่เสียเปล่าเลย คำพูดของเขาจึงฟังดูมีเหตุมีผลมาก ลู่ม่านมองไปทางสามีที่หล่อเหลาและสง่าผ่าเผยตรงหน้า ลู่ม่านก็ยิ่งพึงพอใจมากขึ้นเรื่อยๆ

ผู้ใหญ่บ้านพยักหน้าติดต่อกัน “ดี ดี แล้ว เดิมทีข้ารู้สึกว่าถ้าขาของเจ้าหักไปจริงๆ คงจะน่าเสียดายมาก”

หลังจากกล่าวทักทายกับจบ ลู่ม่านกับเฉินจื่ออานก็เชิญผู้ใหญ่บ้าน ท่านอู๋ ผู้ดูแลร้านช่าย และเถ้าแก่จางไปที่โต๊ะกับพวกเขา จากนั้นลู่ม่านก็กล่าวออกมาว่าเริ่มงานได้

สำหรับอาหารที่ลู่ม่านจัดเตรียมในวันนี้ ทุกคนต่างก็ตั้งตารอคอยมานานแล้ว

เพราะเมื่อครึ่งเดือนก่อน ลู่ม่านได้ทำการจองเนื้อหมูและเนื้อแกะจากแผงขายเนื้อหลายแห่งในตำบล รวมถึงเนื้อไก่ เป็ด และห่าน จะให้พูดก็คือ ขอแค่เป็นเนื้อสัตว์ ล้วนมีครบทุกอย่าง

ถึงแม้ตอนนี้ชีวิตของทุกคนจะดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก แต่ก็ยังไม่ค่อยยอมเสียเงินกินเนื้อสัตว์อย่างพึงพอใจ อุตส่าห์มีงานที่จะสามารถกินเนื้อสัตว์ได้ตามความพอใจ ทุกคนจึงพอกันเก็บท้องไว้รอมากินที่นี่

ทุกคนพากันตั้งตารอ และคาดเดา ว่าเมนูไหนจะขึ้นมาเป็นจานแรก? จะเป็นเนื้อแกะย่าง หรือหมูตุ๋น?

ในขณะที่น้ำลายเกือบจะไหลออกมา จู่ๆ ก็มีคนตะโกนออกมาว่า “อาหารมาแล้ว”

ตามมาด้วยจานสวย ๆ ที่ถูกวางลงบนโต๊ะ ทุกคนก้มลงไปมอง ก็ต้องตกใจทันที “ผักกาดขาว?”

“ทำไมถึงเป็นผักกาดขาวล่ะ”

ตามธรรมเนียมของคนที่นี่ปกติจะเสิร์ฟเนื้อสัตว์เป็นหลัก และสุดท้ายถึงจะเป็นผักกาดขาว การยกเมนูผักกาดขาวขึ้นมาในจานแรกแบบนี้ มันหมายความว่าอย่างไร?

ทันใดนั้นเอง คนในงานจึงพากันกระซิบกันว่า “เจ้าบอกว่าเจ้าเห็นบ้านของพวกเขาสั่งเนื้อมา นี่เจ้าคุยโวไปหรือเปล่า”

“เนื้อมันต้องมีอยู่แน่ แต่จะเอาขึ้นมาหรือเปล่า ข้าไม่รู้”

“…”

แม้แต่ผู้ใหญ่บ้านเองก็แปลกใจมาก แต่พวกจื่ออานดูไม่เหมือนคนตระหนี่ถี่เหนียวนี่นา ทำไมจานแรกที่ยกออกมาถึงเป็นผักกาดขาวได้?

ในขณะที่คิด ท่านอู๋ที่นั่งฝั่งตรงข้ามก็เริ่มกินข้าวแล้ว บนโต๊ะนี้ ท่านอู๋เป็นผู้อาวุโสที่สุด ดังนั้นจึงไม่ต้องรอพวกเขาเริ่มกินก่อน

พอเห็นว่าเขากินอย่างเอร็ดอร่อย เซวียนเหนียงที่อยู่ข้างๆ ก็กินอย่างเอร็ดอร่อย ผู้ใหญ่บ้านจึงใช้ตะเกียบคีบอาหารใส่ปากด้วยท่าทีสงสัย วินาทีต่อมา ดวงตาของเขาก็เป็นประกายขึ้นมาทันที

“อาหารจานนี้?”

ลู่ม่านยกยิ้มเล็กน้อย “อาหารจานนี้ข้าได้ใส่ผงเครื่องเทศสิบสามชนิดที่โรงงานของเราผลิตเข้าไปด้วย”

ผู้ใหญ่บ้านรู้สึกผิดขึ้นมาทันที ก่อนหน้านี้ลู่ม่านเอาผงเครื่องเทศสิบสามชนิดไปให้ที่บ้านของเขา แต่ว่า ครอบครัวของพวกเขาไม่เคยใช้เครื่องปรุงรสมาก่อน จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้เปิดออกมาใช้งานเลย

พอนึกถึงข่าวลือล่าสุดในหมู่บ้าน เขาคงไม่ได้ทำให้จื่ออานเข้าใจผิดหรือคิดว่าเขาไม่กล้ากินมันหรอกนะ? พอคิดได้แบบนี้ เขาก็รีบพูดอธิบาย

เฉินจื่ออานไม่ได้ตอบออกไปโดยตรง แล้วหัวเราะออกมา “พอดีเลย วันนี้ทุกคนช่วยพวกเราลองอาหารในวันนี้ด้วย”

คำตอบนี้ ตอบได้ชาญฉลาดมาก ท่านอู๋อดที่จะเหลือบมองไปทางเฉินจื่ออานไม่ได้ ก่อนจะพึมพำด้วยเสียงต่ำว่า “ตาแก่โจวคนนั้นไม่เลวเลยจริงๆ”

เซวียนเหนียงชะงักงัน ก่อนจะมองขึ้นไปที่เฉินจื่ออาน แล้วก้มศีรษะลงด้วยยิ้มปริ่ม

ท่านอู๋ที่อยู่ด้านข้างเห็นแบบนี้ จึงหยุดชะงักไปเล็กน้อย แต่ไม่นาน เขาก็ก้มลงกินข้าวต่อ

สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ มีเพี่งลู่ม่านที่สังเกตเห็น จึงอดที่จะบ่นในใจในใจไม่ได้ว่า ท่านอู๋คงจะเป็นผู้ชายซื่อบื้อในตำนานสินะ?

หลังจากที่โต๊ะนี้เริ่มกินข้าว โต๊ะอื่นก็เริ่มหยิบตะเกียบขึ้นมา เพราะยังไง ผู้ใหญ่บ้านก็เริ่มกินแล้ว พวกเจ้ายังคิดจะเอาอย่างไร?

แต่ในช่วงแรก ในใจก็ยังรู้สึกไม่พอใจอยู่บ้าง แค่พอกินเข้าไปคำแรก ทุกคนก็เปลี่ยนความคิดทันที

ไม่นาน สถานการณ์ก็เปลี่ยนไปจากเดิมที่พากันบ่นพึมพำอย่างไม่พอใจกลับกลายเป็นก้มหน้าก้มตากินอย่างเอร็ดอร่อย ทุกคนต่างก็คาดเดากันว่า อาหารจานนี้เพิ่มน้ำซุปหมูหรือเปล่า ทำไมถึงอร่อยอย่างนี้

โดยเฉพาะป้าสองคนที่เคยใส่ร้ายผงเครื่องเทศสิบสามชนิด พวกนางกินมากกว่าคนอื่นซะอีก

หลังจากกินเสร็จ ลู่ม่านก็ให้คนยกผัดผักกวางตุ้งเข้ามาวาง และผักกวางตุ้งพวกนี้เดิมทีถูกเหยาซื่อเก็บกักตุนไว้ในห้องใต้ดินของเธอตอนช่วงวันปีใหม่ ตอนนี้ถูกลู่ม่านเอาออกมาใช้พอดี

ผักพวกนี้ล้วนได้รับน้ำจากหิมะที่ละลาย รสชาติจึงสดใหม่และอร่อยเป็นพิเศษ นอกจากนี้ตำบลชางผิงยังมีคำสุภาษิตที่บอกไว้ว่า ผักกาดขาวเดือนอ้ายอร่อยกว่าเนื้อแกะ

แสดงให้เห็นว่า มันอร่อยมากแค่ไหน

ผักกวางตุ้งแสนอร่อยผัดด้วยผงเครื่องเทศสิบสามชนิด แค่สีสันเพียงอย่างเดียวก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้คนน้ำลายสอแล้ว ทันทีที่ถูกวางลงบนโต๊ะ ก็ถูกกินหมดแล้ว

หลังจากทานผักทั้งสองหมดลง ในที่สุดก็มีคนถามลู่ม่านอย่างอดใจไม่ได้ “อาหารจานนี้ทำได้อย่างไร เหตุใดถึงอร่อยเช่นนี้”

ลู่ม่านมองไป แล้วพบว่าพวกนางเป็นพวกแม่บ้านที่ประพฤติดี นางจึงเฉลยอย่างไม่เห็นแก่ตัวว่า “ก็ไม่มีอะไรมาก แค่ผัดกับน้ำมันกับเกลือ แล้วใส่ผงเครื่องเทศสิบสามชนิดก่อนจะตักออกมาจากหม้อ”

“ใช้ผงเครื่องเทศสิบสามชนิดนี่เอง!” หลายคนมองหน้ากันอย่างตะลึงงัน

“ใช่แล้ว!” ลู่ม่านตอบเสียงดังอย่างจงใจ “นี่คือผงเครื่องเทศสิบสามชนิดตอนนี้เป็นที่นิยมมากในภัตตาคารเฟิ่งหลาย”

พวกที่ยังไม่เคยกิน ก็เงยหน้าขึ้นมองด้วยความตกใจ “ที่แท้ผงเครื่องเทศสิบสามก็อร่อยเช่นนี้นี่เอง”

“แต่ทำไมป้าถึงบอกว่า ผงเครื่องเทศสิบสามไม่อร่อยล่ะ” มีคนถามขึ้นมาอย่างสงสัย

“ถุย อย่าไปฟังยายแก่นั่นพูดไร้สาระ เมื่อตะกี้ พวกนางกินเยอะมากกว่าใครเลย!”

ฮ่าฮ่าฮ่า มีคนหัวเราะออกมาอย่างทนไม่ได้ มีบางคนไม่ชอบป้าสองคนนั้น แล้วชี้นิ้วไปที่ผู้หญิงสองคนนั้น

“ป้า ป้าบอกว่าผงเครื่องเทศสิบสามไม่อร่อยไม่ใช่เหรอ ตอนนี้ป้ากินไปเยอะเช่นนี้ เดี๋ยวป้าจะป่วยเอาได้นะ”

“ใช่ ยังไม่รีบกลับไปดื่มน้ำให้เยอะๆ อีก ดูว่าจะช่วยได้ไหม” จู่ๆ ผู้หญิงสองคนนั้นก็เปลี่ยนเป็นบูดบึ้งและซีดเผือดสลับกันไปมา แล้วพวกนางก็เตรียมจะลุกขึ้นเดินจากไป

แต่ใครจะรู้ ยังไม่ทันที่บั้นท้ายจะห่างจากเก้าอี้ คนยกอาหารก็ตะโกนขึ้นมา “เนื้อแกะย่างมาแล้ว!”

ผู้หญิงสองคนรีบนั่งลงอีกครั้งทันที แล้วมองตรงไปที่เนื้อแกะย่าง ก่อนจะมีเสียงหัวเราะดังขึ้นจากด้านข้าง และคนที่ไม่ค่อยชองสองคนนั้นก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง “ป้า ขาป้าคงไม่ใช่ว่าอ่อนแรงหรอกนะ?”

ป้าคนนั้นถลึงตาใส่ “จะไปไหนก็ไป ขาอ่อนแรงบ้าอะไร!”

พูดจบนางก็หยิบตะเกียบไปคีบเนื้อแกะย่าง แล้วคีบเนื้อชิ้นใหญ่ใส่ชาม แล้วก็คีบใส่ติดต่อกันไม่หยุด

จนสุดท้าย นางคีบจนเนื้อเต็มชาม แล้วเริ่มกินอย่างช้าๆ

รสชาติเนื้อแกะย่างนี้กับเนื้อแกะย่างที่พวกเขากินกันอยู่ทุกวัน มันไม่เหมือนกันเลย มันมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว แต่รสชาติของมันก็ไม่เหมือนผงเครื่องเทศสิบสาม มีคนรีบเอ่ยถามลู่ม่านทันที และลู่ม่านก็อธิบายอย่างจริงจังว่า นางเติมผงเครื่องเทศห้าชนิดเข้าไปด้วย

ตอนนี้ลู่ม่านยังไม่ได้เริ่มเปิดตัวผงเครื่องเทศห้าชนิด นางกำลังรอให้ผงเครื่องเทศสิบสามมีชื่อเสียงก่อน ถึงจะเริ่มเปิดตัวผงเครื่องเทศห้าชนิดออกไป

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน